เมืองทองธานี 25 ส.ค.-นายกฯ มอบรางวัล Thailand Labour Management Excellence Award 2017 ระบุรัฐบาลอยากให้ผู้ประกอบการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย พร้อมย้ำให้เกียรติทุกคน หากรักษากติกา เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยืนยันเรื่องนี้เกิดก่อนตนจะเข้ามา พร้อมขอต่อไปนี้ประเทศไทยไม่มีสี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานและมอบรางวัลสถานประกอบกิจการบริหารจัดการด้านแรงงานยอดเยี่ยม 2017 (Thailand Labour Management Excellence Award 2017) ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จัดโดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูสถานประกอบกิจการที่สามารถบริหารจัดการด้านแรงงานได้อย่างยอดเยี่ยม และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สถานประกอบกิจการอื่น ๆ โดยขอพระราชทานถ้วยรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้แก่สถานประกอบกิจการที่มีการบริหารจัดการด้านแรงงานยอดเยี่ยมและธำรงรักษาได้ตามมาตรฐานเป็นระยะเวลานานที่สุด รวม 3 รางวัล นอกจากนี้ ยังมีรางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นระดับประเทศในแต่ละด้าน อีก 618 รางวัล รวมทั้งสิ้น 621 รางวัล
นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในการมอบรางวัลสถานประกอบกิจการบริหารจัดการด้านแรงงานยอดเยี่ยม ว่า ขอแสดงความยินดีกับสถานประกอบการที่ได้รับรางวัล ถือเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ และอยากฝากให้สถานประกอบการได้เชื่อมโยงการพัฒนากับเอสเอ็มอี สหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศที่จะเข้ามาอยู่ในโครงสร้างได้อย่างไร เพื่อเป็นการช่วยรัฐบาลในการสร้างการพัฒนาประเทศ ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลมุ่งหวัง คือ การพัฒนาทั้ง 6 ภูมิภาคให้มีความเท่าเทียมกัน ลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในทุกระดับ
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า อยากขอร้องผู้ประกอบการให้ช่วยทำความเข้าใจกับประชาชน หลังจากที่รัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนและแก้ปัญหาต่าง ๆ อีกทั้งผู้ประกอบการต้องมีการปรับตัว อย่ากลัวในเรื่องของภาษีและปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งรัฐบาลนี้ได้มีนโยบายที่จะแก้ปัญหาให้กับผู้ประกอบการ โดยเน้นการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยยึดหลักตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งผู้ประกอบการก็จะต้องดำเนินการไปพร้อมกับรัฐบาล และขอร้องผู้ประกอบการให้ช่วยรับซื้อวัตถุดิบในแต่ละพื้นที่ เพื่อนำไปขายต่อและเชื่อมโยงไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยไม่กระทบสหกรณ์หรือวิสาหกิจชุมชน อีกทั้งขอให้คำนึงถึงการขยายกิจการร้านค้าเข้าไปในชุมชน สินค้าจะต้องไม่ราคาสูงเกินไป ซึ่งยอมรับว่าจะห้ามการขยายกิจการของผู้ประกอบการไม่ได้ แต่ก็อยากให้คำนึงถึงผู้มีรายได้น้อย และขอให้ผู้ประกอบการช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน แต่สิ่งที่รัฐบาลทำลงไป ก็เพื่อที่จะต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ต่างประเทศแยกปัญหาการเมืองหรือประชาธิปไตย และเศรษฐกิจออกจากกัน โดยเฉพาะจะต้องมีการร่วมมือทางเศรษฐกิจ เนื่องจากแต่ละประเทศมีปัญหารายได้ไม่เพียงพอ ดังนั้นความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ จึงมีต่างประเทศเข้ามาร่วมมือกับรัฐบาลชุดนี้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการที่ตนเข้ามา ไม่ได้เป็นการทำให้เศรษฐกิจตกต่ำลง
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ล่าสุดไม่สามารถระบายน้ำได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะไม่มีพื้นที่รองรับการระบายน้ำ เพราะไม่สามารถที่จะสร้างเขื่อน หรือพื้นที่รับน้ำเพิ่มเติมได้ เนื่องจากติดปัญหาที่คนออกมาคัดค้าน
“คงต้องทำระบบระบายน้ำลอยฟ้าหรือใต้ดินเท่านั้น ต่างประเทศสามารถดำเนินโครงการใหญ่ ๆ ได้ แต่กับประเทศไทย ติดปัญหาที่คน ทั้งที่ส่วนตัวมีแนวคิดที่จะขยายเมืองและทำอุโมงค์ลอดจากฝั่งตะวันตกไปยังฝั่งตะวันออก แต่ติดที่งบประมาณ ที่เมื่อมีการสอบถามแล้ว มีมูค่า 1 กิโลเมตร ต่อ 3,000 ล้านบาท จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ช่วยหาเงินมาสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาล และขอย้ำว่ารัฐบาลมีแผนบริหารจัดการน้ำ ซึ่งสัญญาจะเร่งรัดและทำให้ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงเรื่องการพูดจาของตัวเองว่า บางครั้งตน อาจจะพูดจาคาบลูกคาบดอก ก็เพื่อผ่อนคลายสถานการณ์ในวันนี้
“ซึ่งวันนี้อารมณ์ดี และให้เกียรติทุกคน จะดูถูกกันไม่ได้ เพราะเป็นมนุษย์ด้วยกัน ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ก็ขอชมเชยว่าเป็นการยอมรับในกระบวนการยุติธรรมและเข้ามาต่อสู้ และให้ความเป็นธรรม หากรักษากติกา และ เรื่องนี้เกิดมาก่อน ผมไม่ได้ทำให้เกิดคดีนี้ ต่อไปนี้เลิกแบ่งแยกสี และต่อไปนี้ต้องมีสีเดียวคือสีธงชาติ จะรังเกียจเลือดหรือสีแดงไม่ได้ เพราะหากขาดเลือดสีแดงก็ตาย เพียงแค่มีคนทำให้สีเสีย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยถึงเงินเดือนประจำตำแหน่ง 75,000 บาท รวมค่าอื่น ๆ อีก เบ็ดเสร็จ ได้เดือนละประมาณ 1000,000 บาท แต่เมื่อเดินทางไปที่ไหน เงินเดือนก็จะหมดลง เพราะใช้เงินไปซื้อสินค้าและสิ่งของที่ประชาชนมอบให้ ซึ่งตนยึดหลักมาตลอดว่าต้องมีการแบ่งปัน มีน้อยก็ให้น้อย และไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน
ส่วนบรรยากาศการรักษาความปลอดภัย เป็นไปด้วยความเข้มงวดและรัดกุม ตำรวจตรวจกระเป๋าผู้เข้าร่วมงานอย่างละเอียด รวมถึงซองเอกสารต่าง ๆ จะต้องถูกเปิดออก เพื่อตรวจสอบข้อความข้างใน ซึ่งแม้กระทั่งหนังสือมติชนสุดสัปดาห์ที่มีรูป น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีขึ้นปก ซึ่งนักข่าวหนังสือพิมพ์มติชนพกติดตัวมาด้วย เจ้าหน้าที่ยังขอเก็บไว้.-สำนักข่าวไทย