ศูนย์ราชการฯ 26 ต.ค.-รัฐบาลจัดงานพัฒนาเมืองสมุนไพรตั้งเป้าเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยน้อมนำพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้านสมุนไพรเป็นแนวทาง
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมมอบนโยบายแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทยฉบับที่ 1 พ.ศ. 2560 ถึง 2564 และเปิดเมืองสมุนไพร Herbal City
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลน้อมรำลึกถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในด้านการสาธารณสุขรวมถึงสมุนไพรไทย ทรงตระหนักถึงการส่งเสริมการใช้และการพัฒนาสมุนไพรให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ภูมิปัญญาไทยเหล่านี้ได้รับการสั่งสมสืบทอดพัฒนามายาวนานประเทศไทยอยู่ในเขตร้อนชื้นมีพันธุ์พืชไม่น้อยกว่า 20,000 ชนิด สามารถนำมาใช้เป็นสมุนไพรได้กว่า1,800 ชนิด และที่มีความพร้อมของปัจจัยพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมขนส่ง มีหน่วยงานรัฐ-เอกชนที่ทำงานเกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาสมุนไพร ซึ่งเป็นจุดแข็งทำให้เพิ่มโอกาสการแข่งขันการค้าสมุนไพรในตลาดโลกได้ดีและมติ ครม.เมื่อ วันที่ 11 สิงหาคม 2558 นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาพืชสมุนไพรให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสมุนไพรไทยกระทรวงสาธารณสุข จึงร่วมกับ 8 กระทรวงหลักจัดทำแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทยฉบับที่ 1 พ.ศ. 2560-2564 เพื่อใช้เป็นแผนพัฒนาที่เป็นระบบอย่างยั่งยืนมีเป้าหมายให้ไทยส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรคุณภาพและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนำของอาเซียนเพิ่มมูลค่าของวัตถุดิบสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรภายใน ประเทศขึ้นอย่างน้อย 1 เท่าตัวและขับเคลื่อนด้วย 4 ยุทธศาสตร์
1.ส่งเสริมผลิตผลของสมุนไพรที่มีศักยภาพตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ 2.พัฒนาอุตสาหกรรมและการตลาดสมุนไพรให้มีคุณภาพระดับสากล 3.ส่งเสริมการใช้สมุนไพรเพื่อการรักษาโรคและการสร้างเสริมสุขภาพ 4.สร้างความเข้มแข็งของการบริหารและนโยบายภาครัฐโดยเฉพาะยุทธศาสตร์ที่ 4 ได้ใช้กลไกประชารัฐนำไปสู่การปฏิบัติสู่โครงการพัฒนาเมืองสมุนไพรนำร่องในพื้นที่4 จังหวัดของประเทศครอบคลุม 4 ภูมิภาคได้แก่จังหวัดเชียงรายสกลนครปราจีนบุรีและสุราษฎร์ธานี.-สำนักข่าวไทย