6 ก.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่จังหวัดอำนาจเจริญ


วานนี้ (5 ก.ค.68) เวลา 17.15 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไป วัดเกาะแก้ว ตำบลหนองสามสี อำเภอเสนางคนิคม จังหวัดอำนาจเจริญ มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายต่างๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ




ในการนี้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีลจบ ทรงเปิดอุโบสถกลางน้ำ “ทศมราชบพิตรปุณฑริกาคารสีมา” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามอุโบสถกลางน้ำ แปลว่า อุโบสถอันเป็นเขตสังฆกรรมรูปทรงดุจดอกบัวบุณทริก ประจำรัชกาลที่ 10 สร้างขึ้นเพื่อทดแทนอุโบสถหลังเดิมที่สร้างตั้งแต่ปี 2496 จนถึงปัจจุบันมีสภาพทรุดโทรมตามกาลเวลา เนื่องจากอุโบสถก่อสร้างแบบโบราณ ไม่มีการตอกเสาเข็มหรือวางฐานรากที่มั่นคง จึงเกิดการทรุดตัวและหลังคาอุโบสถรั่ว ไม่สามารถป้องกันน้ำฝนได้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ทำให้การประกอบศาสนกิจและการทำสังฆกรรมของพระสงฆ์เกิดความลำบาก อีกทั้งกรมศิลปากรจะดำเนินการขึ้นทะเบียนอุโบสถหลังเก่านี้เป็นโบราณสถานของชาติ




วัดเกาะแก้ว จึงตระหนักถึงข้อจำกัดต่างๆ และเห็นควรให้สร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น โดยคณะสงฆ์และประชาชนได้อาราธนาพระราชญาณวัชรชิโนภาส เมตตามาเป็นหลักในการดำเนินการก่อสร้าง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ตลอดจนเป็นศาสนสมบัติด้านถาวรวัตถุในบวรพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่ใช้ในการปฏิบัติศาสนกิจของคณะสงฆ์ รวมทั้งเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในชุมชน อันจะนำไปสู่ความสามัคคี และเพื่อถ่ายทอดความรู้หลักคำสอนเรื่อง “สัมมาทิฏฐิ” ผ่านสถาปัตยกรรมอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่ที่ยั่งยืน สร้างเป็นรูปทรงดอกบัว มีน้ำเป็นสีมา เรียกว่า “อุทกุกเขปสีมา” ซึ่งถือเป็นนิมิตธรรมชาติอันบริสุทธิ์ การก่อสร้างจึงไม่มีการฝังลูกนิมิตและผูกพัทธสีมา เริ่มดำเนินการก่อสร้างเดือนธันวาคม 2566 แล้วเสร็จเดือนมีนาคม 2568 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานระบบอุปกรณ์แปลงพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของวัด


โอกาสนี้ ทอดพระเนตรนิทรรศการหลักปฏิบัติธรรมนาวา “วัง” 7 ขั้นตอน ประกอบด้วย ยาเม็ดที่ 1 และ 2 เป็นการท่องพระรัตนตรัยและการทักอารมณ์, ยาเม็ดที่ 3 และ 4 ท่องธาตุกรรมฐานและพิจารณากาย โดยให้จิตเห็นความจริงของกายสู่ความเป็นธาตุ ส่วนยาเม็ดที่ 5, 6 และ 7 คือ การท่องขันธ์ 5 พิจารณาอารมณ์ลงสู่ความเป็นขันธ์ 5 จนจิตเข้าใจความจริงของจิตเองและเข้าสู่หลักอริยสัจ 4 อันเป็นที่สุดแห่งการดับทุกข์อย่างสิ้นเชิง







จากนั้น ทรงพระดำเนินไปพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก แล้วพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินเพื่อจัดสร้างอุโบสถกลางน้ำ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานของที่ระลึก





วัดเกาะแก้ว เดิมชื่อว่า วัดเกาะแก้วศรีวิไล สร้างขึ้นปี 2476 จากการนำของนายเภา บัวภาเรือง และชาวบ้านหนองสามขา เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับประกอบศาสนกิจของคณะสงฆ์ และทำกิจกรรมทางพุทธศาสนาและกิจกรรมของชุมชน รวมถึงเป็นสถานศึกษาเล่าเรียนของคนในชุมชน ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา


ในปี 2493 เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย วัดมีความรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก เปิดเป็นโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรมและแผนกบาลี มีพระภิกษุเข้ามาศึกษาเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีพระอธิการโจม ขนฺติโก เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์จำพรรษา 6 รูป


ต่อจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปวัดป่านาโสกฮัง อำเภอเสนางคนิคม ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม พระพุทธนวราชบพิตร พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถาบทพิเศษ



จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ถวายพระพุทธนวราชบพิตร แด่พระราชญาณวัชรชิโนภาส (ทวีวัฒน์ จารุวณฺโณ) ประธานสงฆ์ วัดป่านาโสกฮัง สำหรับอัญเชิญไปประดิษฐานบนบุษบก
พระพุทธนวราชบพิตร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 23 เซนติเมตร สูง 40 เซนติเมตร ที่บัวฐานด้านหน้าบรรจุพระพิมพ์ พระสมเด็จจิตรลดา สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานไว้เป็นพระพุทธรูปประจำจังหวัด ประดิษฐาน ณ ศาลากลางจังหวัดของทุกจังหวัด ตลอดจนประดิษฐาน ณ สถานที่สำคัญในแต่ละจังหวัด อาทิ วัดป่านาโสกฮัง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบสักการะเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ

ในการนี้ พระราชญาณวชิรชิโนภาส พร้อมด้วยคณะสงฆ์ และราษฎรจากจังหวัดอำนาจเจริญและจังหวัดใกล้เคียง ที่พร้อมใจกันไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ร่วมกันสวดบทประกาศพระปริตร ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

วัดป่านาโสกฮัง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2559 บนที่ดินจำนวน 30 ไร่ ของราษฎรที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา และการเทศนาธรรมของพระราชญาณวชิรชิโนภาส เพื่อใช้เป็นสถานที่จำพรรษาแก่พระสงฆ์ และเป็นสถานศึกษาอบรมธรรมะที่ถูกต้องแก่ราษฎร ภายหลังมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเข้ามาศึกษาธรรมะ และร่วมกันสร้างเสนาสนะต่างๆ ภายในวัดฯ เพิ่มขึ้น อาทิ กุฏิสงฆ์ โรงครัว ที่พักฆราวาส และฌาปนสถาน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่พระสงฆ์และสาธารณชนโดยทั่วกัน
แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร ในเวลา 21.57 น. มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักเรียน นักศึกษา และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทส่งเสด็จ.-211-สำนักข่าวไทย