นครราชสีมา 18 ส.ค.- ผู้ว่าฯ โคราชตามงานเรียกประชุมนัดสุดท้ายซักซ้อมความพร้อมแต่ละหน่วยงานรับ ค.ร.ม.สัญจร 21-22 ส.ค.นี้ โดยเฉพาะข้อมูลโครงการสำคัญที่จะเสนองบประมาณมาพัฒนาจังหวัด มีทั้งด้านบริหารจัดการน้ำและระบบรถไฟรางคู่ ระบุยังไม่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติของกลุ่มมวลชน
วันนี้ (18 ส.ค.) ที่ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริสุทโธชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เรียกประชุมหลายฝ่ายอีกรอบมีทั้งตำรวจ ทหารข้าราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อติดตามความพร้อมดูแลความเรียบร้อยในโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ในวันที่ 21-22 สิงหาคมนี้ ดังนั้น จังหวัดจึงต้องเรียกประชุมอีกรอบเป็นนัดสุดท้าย หลังจากได้มอบหมายงานให้แต่ละหน่วยไปดำเนินการทั้งเรื่องการจัดเตรียมสถานที่ประชุมที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) รวมถึงพื้นที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจตรวจเยี่ยมและพบปะประชาชน ตลอดจนการจัดสถานที่พักของคณะรัฐมนตรี และจัดระเบียบด้านการจราจร ที่สำคัญการเตรียมข้อมูลโครงการพัฒนาในจังหวัดที่จะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อาทิ โครงการผันน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มายังเขื่อนลำตะคอง งบประมาณ 4,200 ล้านบาท โครงการยกระดับรถไฟรางคู่ที่ อ.สีคิ้ว และอ.เมือง, โครงการสร้างปอดแห่งใหม่เมืองโคราช 90 ล้านบาท การผลักดันสายการบินพาณิชย์ การแก้ปัญหาน้ำลำเชียงไกร 400 ล้านบาท และโครงการแก้มลิง อ.ประทาย กับ อ.โนนแดง
นายวิเชียร กล่าวยืนยันเต็มร้อยว่า ทุกด้านพร้อมหมดแล้ว วันนี้ได้มาซักซ้อมทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละด้าน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยได้เรียกผู้ว่าราชการจังหวัดภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เข้าหารือถึงประเด็นที่จะพูดคุยในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ระดับจังหวัดร่วมกับนายกรัฐมนตรี โดยจะเน้นแผนพัฒนาภาคอีสานการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืนและการพัฒนาเศรษฐกิจของภาคอีสาน
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติของกลุ่มพลังมวลชน และเชื่อว่าชาวโคราชจะช่วยต้อนรับคณะรัฐมนตรีด้วยความเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การประชุมครั้งนี้ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง นอกจากความพร้อมต่าง ๆ แล้ว ในส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น หน่วยงานหลักที่ดูแลรับผิดชอบคือ มณฑลทหารบกที่ 21 ค่ายสุรนารีกองทัพภาคที่ 2 กองพลทหารราบที่ 3 และกองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งได้ตั้งกองอำนวยการรักษาความปลอดภัยทุกจุดในพื้นที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ส่วนที่พักของนายกรัฐมนตรีจะพักในค่ายสุรนารี ขณะที่สถานที่ประชุมก็มีกองอำนวยการรักษาความปลอดภัยเช่นกัน ผู้ที่เข้าไปในพื้นที่จะต้องผ่านการตรวจเข้มทั้งเรื่องของอาวุธและคัดกรองรวม 5 จุด เพื่อความสงบเรียบร้อย และต้องเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย