บีโอไอคาดปีนี้นักธุรกิจไทยลงทุนต่างประเทศ 10,000 ล้านดอลลาร์

กรุงเทพฯ16 ส.ค.-บีโอไอหนุนผู้ประกอบการไทยออกลงทุนประเทศเพื่อนบ้าน 6 ประเทศ ส่วนภาพรวมการออกไปลงทุนต่างประเทศปีนี้ จะมียอดลงทุนรวม 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 


นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ กล่าวในการสัมมนา Thailand Oversea Investment Forum 2017 ว่า เพื่อบรรลุเป้าหมายนโยบายประเทศไทย 4.0 รัฐบาลจึงยกระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี พร้อม ส่งเสริมผู้ประกอบการออกไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน 6 ประเทศเป้าหมาย ได้แก่ เมียนมาร์ ลาว เวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งบีโอไอ อยู่ระหว่างจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมการลงทุนในประเทศเวียดนามที่กรุงฮานอยและที่กรุงจาการ์ต้าประเทศอินโดนีเซีย คาดว่า จะเปิดให้บริการในปีหน้า ซึ่งเจ้าหน้าที่บีโอไอ จะทำงานร่วมกับทีมไทยแลนด์ในประเทศนั้น ๆ ขณะที่ประเทศเมียนมาร์ จะอยู่ในรูปโมบายยูนิตทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือกนักลงทุนไทย 

เหตุผลที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากประเทศไทยมีค่าแรงสูงกว่า ในขณะที่อัตราการเติบโตทางเศรฐษกิจต่ำกว่าประเทศเพื่อน การไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านจึงช่วยให้มีโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น โดยผู้ประกอบการไทยจะได้รับโอกาสไปตั้งฐานการผลิต เพื่อแก้ปัญหาทั้งด้านแรงงาน วัตถุดิบและพลังงาน ปัจจุบันมีนักลงทุนผ่านการอบรม “หลักสูสร้างนักลงทุนไทยในต่างประเทศ” มาแล้ว 11 รุ่น มากกว่า 400 ราย โดย 89 รายไปลงทุนในต่างประเทศแล้ว และบีโอไอ ยังนำผู้อบรมหลักสูตรฯ รุ่นที่ 12-13 จำนวน 70 รายเดินทางไปศึกษาโอกาสและลู่ทางลงทุนในลาวและเวียดนามมาแล้ว 


นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการ บีโอไอ กล่าวว่า ตัวเลขจัดเก็บโดยที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) ระบุว่า ผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศภาพรวมในปีที่ผ่านมา มียอดรวม 13,229 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 463,015 ล้านบาท ประเทศที่นักลงุทุนไทย ออกไปลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งส่วนมากเป็นการลงทุนเพื่อออกไปลงทุนต่อในประเทศอื่น รองลงมาคือ เข้าไปลงทุนในประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีนและฮ่องกง ตามลำดับ

ส่วนปีนี้ ภาพการออกไปลงทุนในต่างประเทศบีโอไอคาดว่า จะมียอดรวมประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขการออกไปลงทุนปรับขึ้นลงตามการออกไปลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการออกไปลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน การลงทุนของไทยในประเทศเพื่อนบ้านเติบโตขึ้น 


ส่วนมูลค่าการลงทุนของไทยในอาเซียนปี 59 ข้อมูลจากธนาคารแก่งประเทศำทย(ธปท.) พบว่า มียอดรวมอยูที่ 874,193 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 29 ของเงินลงุทนในต่างประเทศทั้งหมด ประเทศในอาเซียนที่ไทยเข้าไปลงทุนมากที่สุดได้แก่ สิงคโปร์ รองลงมาคือ เวียดนาม มาเลเซีย และลาว ตามลำดับ ขณะที่อุตสาหกรรมที่ไทยออกไปลงทุนได้แก่ กิจการผลิตเช่น อาหาร เคมีภัณฑ์ เครื่องดื่ม รองลงมาคือ การค้าส่ง ค้าปลีก การเงินและการประกันภัย การทำเหมืองแร่และเหมืองหิน รวมถึงการก่อสร้าง 

นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อาการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า ประเทศไทย จะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับร้อยะ 3 ต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบ มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าอยู่ในระดับร้อยละ 6-8 ในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า การเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน จะให้โอกาสในการขยายตลาดขนาดใหญ่แก่ผู้ประกอบการไทย และยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางการค้าจากประเทศกลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาเป็นต้น ซึ่งสิทธิประโยชน์ดังกล่าว ประเทศไทยที่มีอยู่แทบจะหมดลงไปแล้ว นอกจากนี้ การออกไปลงทุนในต่างประเทศ ยังช่วยแก้การขาดแคลนแรงงานและแก้ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบได้ได้ 

ตัวอย่างโอกาสธุรกิจในอาเซียนที่ผู้ประกอบการไทยจะออกไปลงทุนได้ เช่น อาหารแปรรูป ผักผลไม้พรีเมี่ยม สินค้าอุปโภค-บริโภค โรงพยาบาล ร้านอาหาร พลังงาน วัสดุก่อสร้างเฟอร์นิเจอร์ ไลฟ์สไตล์ การขนส่ง การผลิตที่ใช้แรงงาน ไอที และการศึกษา-การฝึกอบรม 

สำหรับการเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน แบ่งเป็น 2 กรณี กรณีเข้าไปลงทุนเพื่อมุ่งเข้าถึงตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน และกรณีเน้นการผลิตเพื่อส่งออกไปประเทศที่ 3 โดยกรณีเข้าถึงตลาด จะต้องเตรียมพร้อมลงทุนระยะยาว หาช่องว่าแข่งขันกับเจ้าตลาดรายใหญ่ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ร่วมมือกับผู้กระจายสินค้าหรือคู่ค้าที่มีแนวคิดตรงกัน และมีจุดแข็งเสริมกัน เข้าใจความแตกต่างของกำลังซื้อและพฤติกรรมการบริโภคในแต่ละพื้นที่ในประเทศใหญ่ มีพนักงานไปประจำ เพื่อให้เข้าใจตลาดอย่างแท้จริง ส่วนกรณีเน้นการผลิตเพื่อส่งออกไปประเทศที่ 3 การลงทุนควรลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมหรือ SZE เพื่อลดปัญหาที่ดิน และยังจะได้รับสิทธิประโยชน์จากการลงทุนมากกว่า อีกทั้งช่วยลดอุปสรรค์ด้านกฎระเบียบได้-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์

เร่งล่าฆาตกรโหดตัดนิ้วชิงทรัพย์หญิงวัย 67 ทิ้งศพกลางสวนปาล์ม

ตำรวจเร่งล่าฆาตกรโหดฆ่าตัดนิ้วหญิงวัย 67 ปี ชิงทรัพย์ ก่อนทิ้งศพกลางสวนปาล์ม อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ชาวบ้านเผยพบรถเก๋งต้องสงสัยสีขาววิ่งเข้าไปในจุดพบศพ

จับนายก อบต.นาบัว

คอมมานโดบุกจับนายก อบต.นาบัว-พวก รวม 16 คน

คอมมานโดกองปราบฯ บุกจับฟ้าผ่า! นายก อบต.นาบัว อ.นครไทย ประธาน “ธนาคารหมู่บ้าน” พร้อมพวก รวม 16 คน ฐานร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันกู้ยืมเงิน มูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท

New Zealanders march towards Wellington to protest Indigenous treaty bill

ชาวเมารีเต้นฮากาประท้วงร่าง กม.นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 15 พ.ย.- ผู้คนในหลายเมืองทั่วนิวซีแลนด์เข้าร่วมการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงร่างกฎหมายลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง โดยมีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารีในระหว่างการประท้วงด้วย รัฐสภานิวซีแลนด์ผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ เรื่องการตีความใหม่สนธิสัญญาอายุ 184 ปี ที่มกุฎราชกุมารอังกฤษกับหัวหน้าชาวเมารีมากกว่า 500 คนลงนามในปี พ.ศ.2383 กำหนดเรื่องการปกครองนิวซีแลนด์ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วนิวซีแลนด์ โดยมีการจัดเดินขบวนเป็นเวลา 9 วันมุ่งไปยังกรุงเวลลิงตัน คาดว่าขบวนจะถึงเมืองหลวงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจแถลงวันนี้ว่า มีคนประมาณ 10,000 คน เข้าร่วมการเดินขบวนในเมืองโรโตรัว ห่างจากกรุงเวลลิงตันไปทางเหนือราว 450 กิโลเมตร ผู้ประท้วงแต่งกายในชุดชนพื้นเมือง มีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมากที่มาโบกธงเมารีและร่วมร้องเพลง.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

มนุษย์ ภัยคุกคามพะยูน ?

ช่วงนี้พบพะยูนในทะเลฝั่งอันดามันตายเพิ่มขึ้นแบบถี่ยิบ จนน่าเป็นห่วงว่าพะยูนอาจสูญพันธุ์ไปในอนาคต โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อมีการพบพะยูนตายในทะเลภูเก็ต อยู่ในสภาพถูกตัดหัว คาดนักล่าหวังเอาเขี้ยว

typhoon Man-Yi barrels through the Philippines

ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” เข้าฟิลิปปินส์

มะนิลา 17 พ.ย.- ซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ พัดเข้าเกาะลูซอนที่เป็นเกาะหลักและมีประชากรอยู่หนาแน่นที่สุดของฟิลิปปินส์แล้วในวันนี้ เสี่ยงทำให้เกิดฝนตกหนักในกรุงมะนิลาที่เป็นเมืองหลวง หม่านหยี่ เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เป็นชื่อของอ่างเก็บน้ำในฮ่องกง นับเป็นพายุลูกที่ 6 ที่พัดเข้าฟิลิปปินส์ในรอบ 1 เดือน มีความเร็วลม 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อ่อนกำลังลงเล็กน้อยหลังจากขึ้นฝั่งเมืองปางานีบัน จังหวัดคาตันดัวเนส ที่เป็นเกาะขนาดเล็ก เมื่อคืนวันเสาร์ ข้ามมาจนถึงจังหวัดคามารีเนส นอร์เต บนเกาะลูซอน ในเช้าวันนี้ ไต้ฝุ่นลูกนี้มีแนวโน้มจะทำให้เกิดฝนตกหนักทั่วเขตมหานครมะนิลา ซึ่งมีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงแล้วกว่า 1 ล้านคน แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แม้ว่ากระแสลมแรงได้สร้างความเสียหายให้แก่สิ่งปลูกสร้างในจังหวัดคาตันดัวเนสก็ตาม.-820(814).-สำนักข่าวไทย

ดอยอินทนนท์คึกคักรับลมหนาว สัมผัสหมอกหนายามเช้า

นักท่องเที่ยวแห่ขึ้นดอยอินทนนท์รับลมหนาว สัมผัสหมอกหนายามเช้าวันหยุด หลายคนบอกไม่ผิดหวัง เพราะพระอาทิตย์สาดแสงเป็นประกายประทับใจ