กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – บี.กริมเพาเวอร์ผู้ประกอบการเอสพีพีผันตัวทำโครงการพลังงานทดแทนมากขึ้น ตามทิศทางความห่วงใยเรื่องการลดภาวะโลกร้อน ล่าสุดเจรจาอีก 2,500 เมกะวัตต์ ขยายกำลังผลิตในอาเซียน หวังเพิ่มกำลังผลิตจาก 5 ปีข้างหน้ามีกำลังผลิตในสัญญาซื้อขายแล้ว รวม 2,467 เมกะวัตต์
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บี.กริมเพาเวอร์ กล่าวว่า เดิมบริษัทเป็นเพียงผู้ผลิตไฟฟ้าเอสพีพีในประเทศ อย่างไรก็ตาม จากความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในอาเซียน และทิศทางที่ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ลดภาวะโลกร้อนเพิ่มมากขึ้น บริษัทจะลงทุนในพลังงานทดแทนมากยิ่งขึ้นทั้งไทยและอาเซียน โดยจะเข้าร่วมประมูลเอสพีพีไฮบริดทั้ง 300 เมกะวัตต์ ที่รัฐบาลกำลังประกาศรับซื้อทุกพื้นที่ โดยเตรียมพร้อมทั้งพันธมิตร ที่ดินและเงินทุน จึงเชื่อมั่นว่าจะแข่งขันได้จากราคาแข่งขันรับซื้อไม่เกิน 3.66 บาท/หน่วย และจะเข้าประมูลวีเอสพีพีเซมิเฟิร์มอีก 269 เมกะวัตต์อีกด้วย
“บริษัทจะเข้าแข่งขันในโครงการเอสพีพีไฮบริด ทุกพื้นที่คาดว่าจะแข่งขันได้ กำลังผลิตไม่น้อยกว่า ร้อยละ 25 ของการประกาศรับซื้อ 300 เมกะวัตต์ หรือ 75 เมกะวัตต์ และพร้อมจะแข่งขันในโครงการอื่น ๆ โดยขณะนี้ได้เตรียมพื้นที่เกือบ 10,000 ไร่ เพื่อรองรับการลงทุน ส่วนในอาเซียนจะลงทุนทั้งกัมพูชา ,มาเลเซีย ,ฟิลิปปินส์ ,สปป.ลาว โดยขณะนี้มีการศึกษาจะร่วมลงทุนอีกประมาณ 2,500 เมกะวัตต์” นางปรียนาถกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (พีพีเอ) ขณะนี้มี 1,646 เมกะวัตต์ อีก5 ปี หรือในปี 2565 จะเพิ่มเป็น 2,467 เมกะวัตต์ (ในส่วนนี้รวม โครงการโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์ 35.83 เมกะวัตต์) จะทำให้มีสัดส่วนพลังงานทดแทนเพิ่มจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ25-30 ซึ่งเป็นไปตามทิศทางโลกที่ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ลดภาวะโลกร้อนเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ รายได้ครึ่งแรกของปีนี้ทำสถิติสูงสุดที่ 15,615 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และมีกำไรสุทธิปรับปรุง 1,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ12
“ในปี 2561 บริษัทจะมีรายได้แบบก้าวกระโดด มีรายได้เพิ่มมากขึ้นกว่าปีนี้น่าจะประมาณ ร้อยละ 18 เพราะมีกำลังผลิตเพิ่มอีกร้อยละ 25 จากเอสพีพีเข้าระบบอีก 399 เมกะวัตต์ โครงการพลังน้ำนำแจ สปป.ลาว อีก 15 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์ 35.83 เมกะวัตต์” นางปรียนาถ กล่าว
นายนพเดช กรรณสูต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บี.กริม เพาเวอร์ กล่าวว่า เม็ดเงินลงทุนเพื่อเตรียมซื้อกิจการ ทางบริษัทได้เจรจากับธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย หรือเอดีบี และเตรียมลงนามสัญญาปลายปีนี้เพื่อกู้เงินประมาณ 230 ล้านดอลลาร์ ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่ประมาณ LIBOR+ร้อยละ 1.8 หากคิดอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 4 และกำลังเจรจาธนาคารพาณิชย์ในประเทศเพื่อขยายวงเงินเพื่อเตรียมพร้อมในการซื้อกิจการขยายจาก วงเงิน 1,000 ล้านบาท เป็น 2,000-3,000 ล้านบาท และในปลายปีนี้บริษัทจะออกหุ้นกู้เพื่อใช้หนี้วงเงินกู้เดิม อีก 3,000-5,000 ล้านบาท ทำให้ อัตราดอกเบี้ยลดลงร้อยละ 2 และจากการที่บริษัทกระจายหุ้นและออกหุ้นกู้ก็จะส่งผลให้หนี้สินต่อทุนของบริษัทลดลงจาก 3.7 เท่า มาอยู่ที่ประมาณ 1.6 เท่า. – สำนักข่าวไทย