fbpx

ขี่ม้าไทยหวัง 1 เหรียญทองซีเกมส์

กทม. 10 ส.ค.-ทีมขี่ม้าไทย หวังอย่างน้อย 1 เหรียญทองในซีเกมส์ครั้งนี้ โดยลุ้นไปที่การแข่งขันจัมปิ้งประเภททีม ติดตามได้ในช่วง เชียร์ไทยสุดใจ ซีเกมส์ 2017

ความภาคภูมิใจของแฟนกีฬาชาวไทย หากพูดถึงกีฬาขี่ม้า คือการได้มีโอกาสชื่นชมพระปรีชาสามารถของ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ซึ่งทรงมีพระประสงค์ที่จะร่วมการแข่งขันซีเกมส์ 2017 ที่ประเทศมาเลเซีย ในประเภทเดรสสาจ หรือศิลปะการบังคับม้า โดยขณะนี้พระองค์ทรงฝึกซ้อมอย่างหนักที่ประเทศฝรั่งเศสร่วมกับม้าชื่อ ปรินซ์ ชาร์มมิ่ง ที่จะลงแข่งคู่กับพระองค์เป็นรายการสุดท้าย  

สำหรับซีเกมส์เมื่อ 2 ปีที่แล้วที่สิงคโปร์ ทีมขี่ม้าไทยคว้าไปได้ 2 เหรียญทองแดงจากประเภทจัมปิ้ง หรือกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง ในประเภททีม ขณะที่ สายลับ เลิศรัตนชัย ก็คว้าเหรียญทองแดงในประเภทบุคคล โดยเมื่อปี 2015 นั้น สิงคโปร์ไม่จัดแข่งขันในประเภทเอ็นดูรานซ์หรือขี่ม้ามาราธอน

ปีนี้ เจ้าภาพมาเลเซียจัดการแข่งขันทั้งหมด 3 ประเภท คือ เอ็นดูรานซ์, จัมปิ้ง และ เดรสสาจ โดยไทยส่งลงแข่งขันทุกประเภท ภายใต้การดูแลของ คุณนารา เกตุสิงห์ เลขาธิการสมาคมขี่ม้าแห่งประเทศไทย ซึ่งคาดหวังไว้ว่า ปีนี้ไทยต้องได้อย่างน้อย 1 เหรียญทอง แม้ว่าจะเจออุปสรรคบางประการในเรื่องการออกกฎของเจ้าภาพมาเลเซียที่ไม่เข้าทาง แต่นักกีฬาไทยก็วางแผนปรับตัวเพื่อหวังชนะการแข่งขันให้ได้


ด้านประเภท เอ็นดูรานซ์ ปีนี้ไทยส่ง 6 นักกีฬาลงทำการแข่งขัน โดยอุปสรรคอยู่ที่อายุม้า ซึ่งไทยมีม้าอายุ 6-7 ปี ค่อนข้างมาก แต่เจ้าภาพมาเลเซีย ออกกฎให้ม้าต้องมีอายุ 8 ปีขึ้นไป เช่นเดียวกับเวลาการแข่งขันที่จัดช่วงเช้าต่อไปถึงกลางวัน อาจส่งผลต่อสุขภาพของม้าได้

ขณะที่ประเภทจัมปิ้ง มีนักกีฬาฝึกซ้อมที่ประเทศไทย นำโดย เสียงซอ เลิศรัตนชัย เหรียญทองแดงประเภททีมเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่ลงแข่งซีเกมส์ครั้งที่ 3 ในชีวิต โดยเธอมาพร้อมกับม้าที่ชื่อ คอลวิว จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเธอตั้งเป้ากับการคว้าเหรียญทองประเภททีมเป็นหลัก ส่วนประเภทบุคคล หวังทำผลงานให้ดีที่สุด

ส่วนตัวหลักอื่นในทีมจัมปิ้งอื่นๆ ยังมี สายลับ ที่ฝึกซ้อมอยู่ที่เนเธอร์แลนด์ และ กรธวัช สำราญ นักขี่ม้าหนุ่มที่อยู่ในทีมชุดเหรียญทองแดงเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยทีมขี่ม้าไทยจะกลับมารวมตัวที่ประเทศไทยวันที่ 14 สิงหาคม ก่อนจะทยอยกันเดินทางไปแข่งขันที่ประเทศมาเลเซียต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553

พายุโซนร้อนซูลิก

ฤทธิ์พายุโซนร้อนซูลิก ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่นครพนม

ฤทธิ์พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่ จ.นครพนม เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเดินเครื่องสูบน้ำลงน้ำโขง

อุตุฯ เตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ฝนถล่มหลายจังหวัด

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ภาคเหนือ อีสาน กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง