อายัดรถเก๋ง ผอ.สาวหายตัวลึกลับ

อุบลราชธานี 9 ส.ค.-ตำรวจอายัดรถเก๋งของสาวศรีสะเกษ ที่หายตัวไปนานนับเดือน พบกำลังทำสีรถใหม่ ด้านเจ้าของอู่เผย เสี่ย ต.เต่า ว่าจ้าง 15,000 บาท 


กรณี ผอ.กองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หายตัวไปพร้อมรถเก๋งนานนับเดือน ซึ่งชุดสืบสวน ศรีสะเกษ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่อุบลราชธานี เข้าอายัดรถเก๋งคันที่หายไปแล้ว และพบว่ากำลังทำสี ใหม่ ด้านเจ้าของอู่เผย เสี่ย ต.เต่า ว่าจ้าง 15,000 บาท


ความคืบหน้ากรณีนายบุญมี อุ่นอ่อน อายุ 62 ปี พร้อมญาติเข้าแจ้งความว่าลูกสาวคือ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน อายุ 37 ปี ผอ.กองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หายไปพร้อมกับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กษ-8201 เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ชุดสืบสวน ภวจ.ศรีสะเกษ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดอุบลราชธานี ได้เข้าตรวจสอบอู่ทำสีรถยนต์แห่งหนึ่งใน จ.อุบลราชธานี  หลังสืบทราบว่ารถยนต์เก๋งของ น.ส.จุฑาภรณ์ ถูกนำมาทำสีใหม่ จากการตรวจสอบภายในอู่พบ รถเก๋งของ น.ส.จุฑาภรณ์ จอดอยู่ภายในอู่ สภาพถูกขัดสีเดิมออกบางส่วน อุปกรณ์ส่วนควบถูกถอดแยกไว้เพื่อทำสี

นายบุญชู  ศิรินนท์ อายุ 48 ปี เจ้าของอู่ เปิดเผยว่า ได้รับการว่าจ้างจาก เสี่ย ต.เต่า ให้ทำสีใหม่แต่ยังคงเป็นสีเดิม ในราคา 15,000 บาท เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากตนเองทำงานเพียงคนเดียวจึงเพิ่งได้ลงมือขัดสีอาทิตย์ก่อน กระทั่งวันที่ 7 ส.ค. ตำรวจได้เดินทางเข้ามาที่อู่ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. แจ้งว่ารถคันดังกล่าวเป็นของ น.ส.จุฑาภรณ์ ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. ขออายัดรถคันดังกล่าวไว้ 


ขณะที่วันนี้นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน พ่อของ น.ส.จุฑาภรณ์ พร้อมญาติพี่น้อง ได้เดินทางไปที่ อบต.ชำ เพื่อเข้าพบ นายสุเรียน ปูพะมูล นายก อบต.ชำ ผู้บังคับบัญชาของลูกสาว เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องที่ลูกสาวหายตัวไปนานกว่า 1 เดือน นายสุเรียน ปูพะมูล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลชำ กล่าวว่า น.ส.จุฑาภรณ์ ได้ขาดงานไปกว่า 1 เดือนแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน ก่อนที่จะหายตัวไปก็ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน ไม่ได้เขียนใบลาไว้ พร้อมเผย น.ส.จุฑาภรณ์ เป็นคนที่ร่าเริง อัธยาศัยดี เข้ากับเพื่อนร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชาได้เป็นอย่างดี ส่วนเรื่องที่ว่ามีผู้ชายมาติดพันหรือไม่นั้น ในที่ทำงานไม่เคยเห็นมี ส่วนสาเหตุที่หายตัวไปนั้นไม่ทราบ

ด้าน พล.ต.ต.สุระเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดี โดยกล่าวว่า ตั้งแต่ได้รับแจ้งความว่า น.ส.จุฑาภรณ์ หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. ตนเองได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ศรีสะเกษ ลงไปสืบสวนติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคดีนี้ได้รับความสนใจจากผู้บังคับบัญชา และประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก ซึ่งการพบรถเก๋งที่หายไปที่อู่รถใน จ.อุบลราชธานี เป็นเบาะแสสำคัญที่จะเชื่อมโยงให้เห็นได้ว่า น.ส.จุฑาภรณ์ เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง สำหรับประเด็นการหายตัวไปในครั้งนี้ ยังตั้งเอาไว้หลายประเด็นเช่น ความขัดแย้งในครอบครัว ขัดแย้งในที่ทำงาน ชู้สาว ซึ่งแต่ละประเด็นมีน้ำหนักมาก ไม่ทิ้งประเด็นใดประเด็นหนึ่ง คดีนี้ทราบเบาะแสสำคัญแล้ว และคดีมีความคืบหน้าไปมาก โดยตนเองได้สั่งการให้ประกบตัวผู้ต้องสงสัยไว้แล้ว เมื่อพยานหลักฐานครบถ้วนแล้วก็จะสามารถออกหมายจับคนร้ายรวมทั้งผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ทันที ส่วนกรณีที่ผู้ต้องสงสัยอาจจะเป็นคนมีสีนั้น ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความเป็นธรรมกับทุกคนตามกฎหมาย ไม่ได้ให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ใดทั้งสิ้น ดังนั้นทุกอย่างจึงต้องเป็นไปตามกฎหมายไม่มีการละเว้นและตนไม่รู้สึกหนักใจแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 83/1 หมู่ 3 บ้านซำเม็ง ต.เสาธงชัย ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.จุฑาภรณ์ พบมีบ้านหลังใหญ่อยู่ระหว่างก่อสร้าง แต่ไม่มีช่างมาดำเนินการ ซึ่งนายบุญเลิศ กล่าวว่า กระทั่งบัดนี้ยังคิดว่า ลูกสาวของตนเองยังมีชีวิตอยู่ ส่วนบ้านหลังใหญ่ที่กำลังก่อสร้างนั้น คาดว่าจะใช้เงินก่อสร้างประมาณ 5 ล้านบาท โดยเงินมาจากลูกสาวตนเอง เมื่อลูกสาวไม่อยู่เช่นนี้ ก็คงจะไม่สามารถสร้างบ้านต่อไปได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]