กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานรากไตรมาส 2 ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า กังวลเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น ราคาสินค้า-ค่าครองชีพสูง แต่คาดว่าครึ่งปีหลังดีขึ้นจากมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของภาครัฐ
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานราก (GSI) ไตรมาส 2 ปี 2560 สำรวจจากกลุ่มตัวอย่างประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท ทั่วประเทศ 1,903 ตัวอย่าง พบว่า ดัชนี GSI ไตรมาส 2 อยู่ที่ระดับ 46.3 ปรับลดลงจากไตรมาส 1 ที่อยู่ระดับ 47.2 แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2559 ที่อยู่ระดับ 44.1 เนื่องจากประชาชนระดับฐานรากรู้สึกว่าภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศไทยในปัจจุบันยังไม่ฟื้นตัว ราคาสินค้าและค่าครองชีพสูง ทำให้ระมัดระวังการใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงเปิดเทอม สำหรับ GSI ในอนาคตอีก 6 เดือนข้างหน้าประชาชนระดับฐานรากมีมุมมองที่ดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 47.4 เนื่องจากความคาดหวังว่ารัฐบาลจะมีมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาดัชนีความเชื่อมั่นในด้านต่าง ๆ เทียบกับไตรมาสก่อน พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นด้านการออม และโอกาสในการหางานทำปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนด้านความสามารถจับจ่ายใช้สอย ความสามารถในการชำระหนี้สิน การหารายได้ และภาวะเศรษฐกิจปรับตัวลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนพบว่า ประชาชนระดับฐานรากมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ด้านความสามารถการชำระหนี้สิน การออม และโอกาสในการหางานทำ ส่วนด้านการหารายได้ และภาวะเศรษฐกิจนั้นทรงตัว ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยฯ คาดการณ์ว่าดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานรากจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากมาตรการจากภาครัฐที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้มีรายได้น้อย รวมถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่มีการขยายตัว และแนวโน้มปริมาณผลผลิตทางการเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่าประชาชนฐานรากส่วนใหญ่ยังไม่ใช้บริการ Mobile และ Internet Banking และบางส่วนยังนิยมใช้บริการผ่านสาขา ซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวโน้มของโลกที่เปลี่ยนไป ดังนั้น หากจะส่งเสริมให้คนกลุ่มนี้เปลี่ยนไปใช้บริการผ่าน Mobile และ Internet Banking ต้องมีการให้ความรู้ความเข้าใจและชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของการใช้งาน.-สำนักข่าวไทย