กรุงเทพฯ 29 ก.ค.- ปภ. เผย สกลนครระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้น เร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำโขง พร้อมจัดวางแนวกระสอบทรายเป็นคันกั้นน้ำรอบล้อมสนามบินสกลนคร ขณะที่สุโขทัย ระดับน้ำลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 5 – 28 กรกฎาคม 2560 ทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยและน้ำไหลหลากใน 40 จังหวัด รวม 147 อำเภอ 585 ตำบล 2,728 หมู่บ้าน 1 ชุมชน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 21 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 19 จังหวัด แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร นครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ มุกดาหาร อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ภาคเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน และอุตรดิตถ์ ภาคกลาง 5 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร พระนครศรีอยุธยา สุโขทัย และลพบุรี ภาคใต้ 2 จังหวัด ได้แก่ ระนอง ชุมพร โดยสถานการณ์ในภาพรวมระดับน้ำทรงตัว และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ยกเว้นจังหวัดสกลนคร ที่ระดับน้ำเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้น้ำจากเทือกเขาภูพานไหลหลากลงมา ประกอบกับอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ปริมาณน้ำสูงกว่าระดับกักเก็บน้ำ ทำให้น้ำไหลหลากท่วมพื้นที่รวม 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสกลนคร อำเภอสว่างแดนดิน อำเภอพังโคน อำเภอเต่างอย อำเภอกุสุมาลย์ อำเภอพรรณานิคม และอำเภออากาศอำนวย ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,863 ครัวเรือน 23,538 คน อีกทั้งน้ำท่วมทางเข้าสนามบินและรันเวย์ จึงต้องประกาศปิดสนามบินสกลนครชั่วคราว ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขสถานการณ์ให้คลี่คลายโดยเร็ว ด้วยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อระบายน้ำผ่านหนองหานลงสู่ลำน้ำก่ำออกไปยังแม่น้ำโขง พร้อมระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) จำนวน 78 ราย เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย รวม 31 รายการ อาทิ รถไฟฟ้าส่องสว่าง รถสูบน้ำระยะไกล รถผลิตน้ำดื่ม รถบรรทุก เรือท้องแบน และเครื่องสูบน้ำสนับสนุนการปฏิบัติการกู้วิกฤตอุทกภัย รวมถึงจัดวางแนวกระสอบทรายเป็นคันกั้นน้ำรอบล้อมสนามบินสกลนคร พร้อมสูบน้ำออกจากรันเวย์ ตลอดจนจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว ณ สนามกีฬาในร่มองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร รองรับการอพยพของผู้ประสบภัย พร้อมจัดหาอาหาร น้ำดื่ม และถุงยังชีพแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
นายฉัตรชัย กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดสุโขทัยจากกรณีกำแพงกันน้ำบริเวณวัดไทยชุมพลรั่ว จำนวน 5 จุด ส่งผลให้น้ำไหลเข้าท่วมเขตชุมชนเทศบาลเมืองสุโขทัยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร กรมชลประทาน และกรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งแก้ไขปัญหาโดยปิดช่องทางน้ำลอด ด้วยการนำบิ๊กแบ็คและแบริเออร์คอนกรีตมาวางกั้นจุดที่น้ำรั่วซึม พร้อมทั้งเสริมความแข็งแรงของแนวคันกั้นน้ำตลอดแนวริมตลิ่ง รวมถึงใช้ระบบชลประทานในการตัดยอดน้ำ ไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่อำเภอเมืองสุโขทัย ควบคู่กับการเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณจุดอ่อนน้ำท่วมขัง เพื่อเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังในเขตชุมชนกลับสู่แม่น้ำยม ปัจจุบันสามารถอุดรอยรั่วได้ทั้ง 5 จุด ระดับน้ำเริ่มลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ยังคงจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของแนวคันกั้นน้ำตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป.-สำนักข่าวไทย.-สำนักข่าวไทย