fbpx

ศรีวราห์สั่งเตรียมพร้อมรับวันชี้ชะตายิ่งลักษณ์ หลังพบความเคลื่อนไหวผ่านโซเชียล

กรุงเทพฯ 26 ก.ค.- รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุเริ่มพบความเคลื่อนไหวมวลชนนัดหมายผ่านโซเชียลมีเดีย เข้าฟังคำตัดสินคดีรับจำนำข้าว สั่งจับตาใกล้ชิด หากพบผิดกฎหมายให้ดำเนินการทันที ยืนยันไม่สกัดการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ 


พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จะมีการใช้แผนกรกฏ 52 ดูแลรักษาความปลอดภัย บริเวณศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก่อนการแถลงปิดคดีและตัดสินคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ส่วนจะใช้กำลังมากน้อยแค่ไหน อยู่ระหว่างการประเมินมวลชน ซึ่งต้องรอฟังคำสั่งของศาลก่อน แต่จากการติดตามสถานการณ์ เบื้องต้นยอมรับว่า พบการเคลื่อนไหวของแกนนำมวลชน 1-2 ราย ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 ที่มีการนัดหมายผ่านทางโซเชียลมีเดีย จึงสั่งการให้ตำรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี หรือ ปอท. และตำรวจพื้นที่ ตรวจสอบว่า เข้าข่ายยุยงปลุกปั่นหรือไม่ หากเข้าข่ายให้ดำเนินคดีทันทีโดยยืนยันว่า จะไม่มีการสกัดมวลชนจากต่างจังหวัด แต่จะตรวจเข้มการพกพาอาวุธ หากมีการกระทำผิดกฎหมาย ทั้ง พรบ.ชุมนมในที่สาธารณะ ผิดคำสั่ง คสช. หรือผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ตำรวจก็ต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และยังไม่มีความจำเป็นต้องขอใช้คำสั่ง คสช. มาตรา 44 หรือคำสั่งพิเศษใด ๆ ในการควบคุมสถานการณ์

ทั้งนี้ สั่งจับตาเฟซบุ๊ค อดียนายกฯ ปู และแกนนำเพื่อไทย หากพบมีข้อความปลุกปั่นมวลชนเข้ามาสนับสนุนในกรุงเทพฯ ก็จะมีความผิด แต่จะไม่ขอให้อดีตนายกฯ ลดความดราม่าลง เพราะไม่ใช่หน้าที่ตำรวจที่ต้องไปพูดคุย


รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับด้วยว่าเป็นห่วงมือที่ 3 ฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ซึ่งตำรวจจะทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรอย่างเต็มที่  ส่วนการพูดคุยทำความเข้าใจกับแกนนำ นปช. เป็นเรื่องของทางกองทัพ ส่วนตัวเพียงส่งสัญญาณผ่านสื่อมวลชน ให้ทุกฝ่ายเคลื่อนไหวภายใต้กรอบกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบภัย

“นายกฯ แพทองธาร” ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบอุทกภัย หวัง ศปช.รับมือ-ช่วยเหลือรวดเร็วทันท่วงที รวมถึงการเยียวยาหลังจากนี้

ฟื้นฟูชายแดนแม่สาย-เร่งกู้ตลาดสายลมจอย

เจ้าหน้าที่เร่งฟื้นฟูชุมชนชายแดนแม่สายที่ถูกน้ำท่วมและจมโคลนมานาน 10 วัน รวมทั้งเร่งกู้ตลาดสายลมจอยแหล่งจำหน่ายสินค้าชายแดนที่เสียหายอย่างหนัก

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553