กรุงเทพฯ 24 ก.ค.-ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ จำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา แกนนำพันธมิตรฯ บุกทำเนียบฯ ปี 51
ที่ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีแกนนำพันธมิตรฯ บุกทำเนียบ ปี 51 กดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลาออก และบุกรุกทำให้ทรัพย์สินในทำเนียบเสียหาย โดยมี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสุริยะใส กตะศิลา เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกคนละ 2 ปีไม่รอลงอาญา โดยจำเลยได้ประกันตัวระหว่างรออุทธรณ์ ซึ่งวันนี้จำเลยทั้งหมดเดินทางมาศาล พร้อมเบิกตัวนายสนธิ จากเรือนจำหลังถูกจำคุกในคดีอื่น
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การเคลื่อนย้ายผู้ชุมชุมจำนวนมากต้องมีการไตร่ตรองและผ่านการพิจารณาไว้แล้ว จำเลยเป็นผู้ชี้นำให้เข้าไปในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ เป็นทรัพย์สินแผ่นดิน มิใช่ทรัพย์สินที่ประชาชนจะเข้าไปใช้ได้เหมือนเส้นทางถนนทั่วไป อีกทั้งการเข้าไปในทำเนียบฯ เจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดประตูให้โดยสมัครใจ มีการทำลายทรัพย์สินสนามหญ้า กล้องวงจรปิด และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าทำงานได้ ก่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งจำเลยจึงจะอ้างสิทธิชุมนุมโดยสงบไม่ได้ แต่ไม่อาจวินิจฉัยการเสียทรัพย์ได้ การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาบุกรุกนั้นชอบแล้ว
ส่วนการที่จำเลยขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอลงโทษ โดยอ้างเหตุเป็นผู้มีการศึกษา มีสถานะทางสังคม และได้ทำงานกับสังคมและไม่เคยต้องโทษในคดีอาญามาก่อน รวมถึงการชุมนุมนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ
ศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยบุกรุกทำเนียบฯ ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ ส่งผลต่อการบริหารแผ่นดิน ทรัพย์สินภาษีของประชาชน การที่จำเลยจะใช้เสรีภาพต้องไม่กระทบอำนาจหน้าที่ผู้อื่น เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่การกระทำไม่ได้กระทบหรือรุนแรงประทุษร้ายบุคคล หรือมุ่งประโยชน์ส่วนตน ศาลเห็นควรบางส่วน จึงพิพากษาให้เหมาะสมกับพฤติการณ์ พิพากษาแก้จากเดิมพิพากษาจำคุก 2 ปี ให้เป็นจำคุกจำเลย 1 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือ 8 เดือน ไม่รอลงอาญา
ด้านทนายเปิดเผยว่า จำเลยเตรียมยื่นประกัน วงเงินคนละไม่เกิน 100,000 บาท พร้อมยื่นฎีกาต่อสู้คดีภายในวันนี้
สำหรับพฤติการณ์คดีนี้ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.51 จำเลยดังกล่าว เป็นแกนนำจัดปราศรัยชักชวนประชาชนเข้าร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเคลื่อนขบวนฝ่าแนวกั้นของตำรวจไปทำเนียบรัฐบาล และกระจายกำลังปิดล้อมสถานที่ราชการ
และวันที่ 26 ส.ค.51 จำเลยกับพวกได้เคลื่อนขบวนไปทำเนียบทำลายกุญแจประตูทำเนียบและแผงกั้น จนถึงวันที่ 3 ธ.ค.51 รื้อรั้วเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล นำรถยนต์ 6 ล้อ ติดเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ไปจอดหน้าตึกไทยคู่ฟ้า แล้วผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย ซึ่งผู้ชุมนุมจำนวนมากได้เหยียบสนามหญ้าและต้นไม้ประดับจนตาย และทำให้ระบบสปริงเกอร์อัตโนมัติ ระบบไฟสนามหน้าตึกไทยคู่ฟ้า-หน้าตึกสันติไมตรี ได้รับความเสียหายรวม 5 ล้านบาท อีกทั้งเมื่อมีฝนตกทำให้น้ำฝนซึมเข้าขังในถุงดำที่ห่อหุ้มกล้องวงจรปิด ทำให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกล้องเสียหายรวม 10 ตัว ค่าเสียหายอีก 1,766,548 บาท.-สำนักข่าวไทย