กรุงเทพฯ 17 ก.ค. – ศูนย์วิจัยฯไทยพาณิชย์ ปรับเพิ่มจีดีพีปีนี้โต ร้อยละ 3.4 หลังส่งออกขยายตัวดีโตร้อยละ 3.5 ห่วงการลงทุนและการบริโภคเอกชนยังฟื้นช้า
นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการเศรษฐกิจมหภาค ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ EIC เปิดเผยว่าได้ปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปีนี้โตร้อยละ3.4 จากเดิมโตร้อยละ 3.3 เนื่องจากการส่งออกฟื้นตัวชัดเจน โดยปรับประมาณการขยายตัวการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ3.5 จากเดิม ร้อยละ1.5 เศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญทั้งสหรัฐ ยุโรป จีน และ กลุ่ม CLMV มีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งสินค้าส่งออกที่จะได้รับผลประโยชน์ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 30 ของการส่งออกรวม
อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยควรขยายตัวได้ดีกว่านี้ หากการลงทุนเอกชน และการบริโภคปรับตัวดีขึ้น โดยการลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวต่ำ โตเพียงร้อยละ 1.4 และเป็นห่วงกำลังซื้อภายในประเทศที่ยังชะลอตัวขยายตัวเพียงร้อยชะ 3.1 รายได้เกษตรกรที่มีแนวโน้มลดลงในครึ่งปีหลัง ซึ่งหากการลงทุนภาคเอกชนและการบริโภคโตต่ำกว่าประมาณการมีความเป็นไปได้ที่จีดีพีจะโตต่ำกว่าคาด
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่าเศรษฐกิจในประเทศครึ่งปีหลังจะได้รับแรงหนุนจากการเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากงบกลางปีกว่า 100,000 ล้านบาท ของภาครัฐ ซึ่งหากรัฐบาลเร่งการเบิกจ่ายจะช่วยให้กำลังซื้อปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัด
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงที่เหลือของปี มีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับคู่ค้าบางราย โดยปรับการเคลื่อนไหวของเงินบาทสิ้นปีนี้อยู่ที่ 35-35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากประมาณการครั้งก่อน ที่คาดว่าอยู่ที่ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ ( เฟด ) จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เงินลงทุนต่างชาติยังลงทุนต่อในประเทศเกิดใหม่รวมทั้งไทยซึ่งยอมรับว่า หากเงินบาทยังคงแข็งค่าต่อไปจะทำให้ความสามารถด้านการแข่งขันของสินค้าบางประเภทเสียเปรียบด้านราคา เช่น อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ชิ้นส่วนโทรศัพท์ ยางพารา และ ข้าว.- สำนักข่าวไทย