กรุงเทพฯ 24 มิ.ย. – กรมการขนส่งทางบกเผยยอดเก็บภาษีรถยนต์เดือนพฤษภาคมกว่า 747 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาร้อยละ 23.03 ประชาชนยังนิยมใช้บริการที่สำนักงานของกรมการขนส่งทางบกมากที่สุด พร้อมยกระดับการให้บริการเพิ่มช่องทางหลากหลายขึ้น
นายณันทพงศ์ เชิดชู รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกได้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการใช้บริการชำระภาษีรถประจำปีอย่างหลากหลายช่องทาง ปรากฏว่าเฉพาะเดือนพฤษภาคม 2560 สามารถจัดเก็บภาษีรถประจำปีได้ทั้งสิ้น 747,215,058.39 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาร้อยละ 23.03 โดยเป็นการใช้บริการรับชำระภาษีรถประจำปีที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 5 ของกรมการขนส่งทางบกมากที่สุด 586,011 ราย จัดเก็บภาษีรถได้ทั้งสิ้น 515,715,392.80 บาท รองลงมาเป็นการใช้บริการรับชำระภาษีรถผ่านช่องทาง “เลื่อนล้อ ต่อภาษี” ชำระภาษีโดยไม่ต้องลงจากรถ 76,406 ราย จัดเก็บภาษีรถได้ทั้งสิ้น 135,704,174.20 บาท
ส่วนการชำระภาษีที่ห้างสรรพสินค้าในวันเสาร์ – อาทิตย์ตามโครงการ “ช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี” มีประชาชนมาใช้บริการ 36,702 ราย จัดเก็บภาษีรถได้ทั้งสิ้น 52,892,934.80 บาท การรับชำระภาษีรถผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์ www.dlte-serv.in.th สามารถจัดเก็บภาษี ได้ทั้งสิ้น 17,007,971.99 บาท ส่วนที่ศูนย์บริการร่วมคมนาคมเชิงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินจัดเก็บภาษีได้ทั้งสิ้น 14,417,764.13 บาท ส่วนช่องทางอื่น ๆ ได้แก่ เคาน์เตอร์เซอร์วิส ไปรษณีย์ และผ่านโทรศัพท์มือถือ สามารถจัดเก็บภาษีได้ทั้งสิ้น 11,476,820.47 บาท
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกมีมาตรการเพิ่มความปลอดภัยและมาตรฐานการตรวจสภาพรถสำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี ต้องเข้ารับการตรวจสภาพรถก่อนชำระภาษีรถประจำปี โดยได้ดำเนินการยกระดับมาตรฐานสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ มีการรายงานผลตรวจสภาพรถผ่านระบบสารสนเทศแบบออนไลน์ (ตรอ. Online) เพิ่มประสิทธิภาพการควบคุม กำกับ การทำงานของสถานตรวจสภาพรถ ภายใต้การกำกับดูแลโดยกรมการขนส่งทางบกและสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกยังมุ่งยกระดับการให้บริการประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว ด้วยการนำระบบ QR Code ใช้เป็นช่องทางเข้าถึงแอพพลิเคชั่น DLT eForm แอพพลิเคชั่นที่ให้บริการด้านทะเบียนและภาษีรถที่สามารถดาวน์โหลดหรือกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือ Smart Phone เพื่อนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ช่วยลดขั้นตอนและลดระยะเวลาการติดต่อราชการอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย