เปิดไพ่ ก.พลังงาน รับวิกฤติก๊าซฯ “ไฟไม่ขาดแต่อาจจ่ายแพง”

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – เปิดแผน ก.พลังงานวางไพ่รับวิกฤติก๊าซฯ 2564-2566 ลดใช้ไฟฟ้า ส่งเสริมพลังงานทดแทน “ไฮบริด-เฟิร์ม” เจรจาซื้อไฟฟ้าเพื่อนบ้าน จีนเสนอขาย 1,000 เมกะวัตต์ ซื้อก๊าซฯ มาเลเซีย/เจดีเอ หากทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนอาจต้องผุดแอลเอ็นจี “FSRU-มาบตาพุด” เลวร้ายสุดผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันดีเซล



ทีมข่าวเศรษฐกิจ “สำนักข่าวไทย อสมท” มีโอกาส พูดคุยกับ นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน  หลังคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ (กพช.) วันที่ 15 พฤษภาคม 2560 รับทราบแนวทางการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสภาวะวิกฤติก๊าซธรรมชาติ ปี 2564 – 2566 ที่คาดว่าก๊าซฯ จะลดลงส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของประเทศ คิดเป็นพลังงานไฟฟ้าสูงถึง 13,623 ล้านหน่วย หรือเทียบเท่ากับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ขนาด 1,700 เมกะวัตต์


เหตุผลอะไรทำให้เกิดปัญหาวิกฤติก๊าซฯ 64-66

ทวารัฐ : 2 ปีที่ผ่านมา การดำเนินการไม่เป็นตามแผนด้านพลังงาน มีความไม่แน่นอนสูง ได้แก่  โรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้สร้างช้ากว่ากำหนดในแผน, สัมปทานก๊าซฯ แหล่งเอราวัณ-บงกช หมดอายุปี 2565-2566 และกระบวนเปิดหาผู้ผลิตในแหล่งใหม่ปิโตรเลียมใหม่ ๆ ไม่สามารถทำได้ ทำให้ประมาณการณ์เบื้องต้นว่าไทยจะรับก๊าซฯ ต่ำกว่าที่กำหนดในแผน โดยปัจจุบันไทยรับก๊าซฯ จาก3 แหล่ง ได้แก่ อ่าวไทยแหล่งใหญ่ “เอราวัณ-บงกช” หมดอายุสัมปทานปี 2565-2566 มีการถกเถียงเรื่องการจัดการที่ล่าช้า  ส่งผลการผลิตไม่ต่อเนื่องช้ากว่ากำหนด ส่วนการเปิดสัมปทานหรือจัดการแหล่งใหม่ตามรอบ 21 ก็ เปิดไม่ได้มีการแก้ไขกฏหมายล่าช้า 


ขณะที่การรับก๊าซฯ จากแหล่งเมียนมาร์ก็มีปัญหาด้านเทคนิคแหล่งก๊าซเยตากุนลดต่ำกว่าแผน ดังนั้น การพึ่งพาก็ต้องไปนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจีเพิ่มขึ้น โดยประเมินว่าปี 2564-2566 ก๊าซฯ จะหายไปต่ำกว่าคาดการณ์ในแผน 350-450 ล้านลูกบาศ์กฟุต/วัน เทียบเท่าแอลเอ็นจี 2 ล้านตัน/ปี

ในปี 2564-2566  เรามีสมมุติฐานว่าก๊าซฯ อ่าวไทย 2 แหล่งที่หมดอายุสัมปทานจะมีการผลิตต่ำกว่าคาดการณ์ในแผน โดยตามแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว 2558-2579 (พีดีพี 2015 ) ได้มีการพิจารณาในเรื่องนี้และต้องการลดการพึ่งพาก๊าซฯ จึงวางแผนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ แต่โครงการก็ถูกต่อต้าน ทำให้ล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด…

แผนสำรองแก้ไขปัญหาก๊าซฯ ขาด

ทวารัฐ :  ดังนั้น จึงต้องมีแผนสำรอง แผนสำรองเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา โดยแผนที่รายงานต่อ กพช.วันที่ 15 พฤษภาคม 2560 เป็นแผนที่ยังไม่ตกผลึก แต่เป็นตระกร้า หรือกรอบที่วางไว้ ว่าจะดำเนินการอย่างไร ต้องศึกษาและเจรจาให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการแผนใดได้บ้าง แผนแบ่งออกเป็น

1. แผนลดความต้องการใช้ไฟฟ้า (Demand Side) เช่น  ส่งเสริมติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา (Solar Rooftop) เพื่อลดความต้องการไฟฟ้าช่วงพีคกลางวันและการใช้มาตรการ Demand Response (DR) เพื่อประหยัดไฟฟ้าตามช่วงเวลาที่ภาครัฐกำหนดเป็นการเฉพาะ ซึ่งตั้งเป้าหมายเบื้องต้นว่าอาจมีไฟฟ้า Solar Rooftop เข้าระบบ 1,000 เมกะวัตต์ 

2   ด้านการจัดหาเชื้อเพลิง/พลังงานไฟฟ้า (Supply Side) 

-จัดหาก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมจากพื้นที่พัฒนาร่วมไทย – มาเลเซีย (JDA)  ซึ่งในส่วนนี้ดูไว้ 2 แนวทาง คือ ใช้ก๊าซในส่วนของมาเลเซีย หรือซื้อก๊าซฯ จากพื้นที่อื่นของมาเลเซีย  โดยจะต้องมีการเจรจาในส่วนนี้จะนำมาใช้เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะ 3 จังหวัดสงขลากำลังผลิต 700-1,000 เมกะวัตต์ ใช้ก๊าซฯ 100-120ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ซึ่งกรณีนี้จะช่วยตอบโจทย์ความมั่นคงไฟฟ้าในภาคใต้ที่มีความต้องการเพิ่ม แต่ไฟฟ้าไม่เพียงพอและโรงไฟฟ้าถ่านหินล่าช้า แต่ทั้งนี้ก็ต้องวิเคราะห์ถึงราคาก๊าซฯ ด้วยว่าจะมีผลต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าอย่างไร  

– การเพิ่มความสามารถในการเก็บสำรองก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เช่น การขยายโครงการ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 1 มาบตาพุด จ.ระยอง และเร่งรัดการพัฒนาโครงการ Floating Storage and Regasification Unit (FSRU) ในพื้นที่ภาคใต้ เป็นต้น  ในส่วนนี้ดูทั้งระบบ เพราะในส่วนของสถานีแห่งที่ 1 มาบตาพุดนั้น ปตท.ได้รับอนุมัติผลการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) แล้วให้ก่อสร้างได้ 15 ล้านตัน/ปี ขณะที่ ปตท.ได้รับอนุมัติให้ก่อสร้างแล้ว 11.5 ล้าน ก็ต้องพิจารณาว่าเร่งได้หรือไม่อย่างไร

-การจัดหาพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติม เช่น รับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน (สปป.ลาว หรือกัมพูชา) ซึ่งในส่วนการซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ขณะนี้โครงการน้ำเทิน 1 แจ้งว่าจะเสร็จเร็วกว่าแผน 1 ปี หรือเสร็จปี 2564 จากตามสัญญาจะเข้าระบบปี 2565 ส่วนจีนก็เสนอขายไฟฟ้าให้ไทย 1,000 เมกะวัตต์ ผ่านสายส่ง สปป.ลาวและมาเลเซียก็พร้อมขายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงถ่านหินให้ไทย ส่วนโครงการของกัมพูชา ก็มีโครงการถ่านหินเขตเศรษฐกิจพิเศษเกาะกงเสนอมา 2 ผู้ผลิตกำลังผลิต 1,800 เมกะวัตต์ และ2,400 เมกะวัตต์  แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถก่อสร้างได้ทันกับความต้องการของเรา คือ ปี 2564  หรือไม่  อย่างไรก็ตาม ไทยพร้อมเจรจา ซึ่งต้องพิจารณาเรื่องค่าไฟฟ้า และสายส่งไฟฟ้าว่าจะเข้าเส้นทางใด  เช่น สุรินทร์ เป็นต้น  ส่วนเมียนมาร์ก็มีการพูดคุยหลายโครงการ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินมะริด โรงไฟฟ้าพลังน้ำ มายตง แต่ก็ยอมรับว่าไม่มีความชัดเจน

“เราเปิดหน้าไพ่ก็เจรจาทั้งหมด สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ มาเลซีย และจีนก็พร้อม โดยจีนจะมาจากระบบ GRID ของเค้าซึ่งเชื้อเพลิงก็คือหลากหลายของจีน ทั้งถ่านหิน นิวเคลียร์ อื่น ๆ ส่วนมาเลเซีย ก็เป็นการพุดคุย เค้าอยากพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินมาขายให้เรา หากไทยต้องการ”

-การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมอีกตามนโยบาย SPP Hybrid-Firm และ VSPP-Semi Firm เพิ่มขึ้น เป็นต้น โดยประเด็นนี้จะต้องหากพิสูจน์ว่าไฮบริดเฟริม์จ่ายไฟได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งปีนี้จะทดลองเปิด 300 เมกะวัตต์ก่อน หากทำได้ก็พร้อมวางแผนระบบพลังงานหมุนเวียน เพื่อเป็นส่วนแก้ไขปัญหาในปี 2564-2566  ซึ่งต้องพิจารณาเรื่องต้นทุนด้วย 

-เจรจาตกลงราคาและปริมาณการจัดหาก๊าซธรรมชาติโครงการบงกชเหนือ โดยมีการรับประกันอัตราขั้นต่ำการผลิตในช่วงปี 2562 – 2564 เพื่อให้มีปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติก่อนสิ้นอายุสัมปทานปี 2565 เพิ่มขึ้น

ทางเลือกฉุกเฉิน FSRU มาบตาพุด-ผลิตไฟฟ้าจากดีเซล

              ทวารัฐ :  แผนต่าง ๆ ที่ทำเป็นตระกร้าไว้ก็เพื่อให้มีก๊าซเพียงพอ แต่หากพบว่าแผนสร้างไม่ได้ และหากขาดแคลนจริง ๆ ก็ต้องมีแนวทางออกรองรับปัญหาฉุกเฉิน เช่น เช่า FSRU เข้าต่อท่อก๊าซฯ ที่มาบตาพุด  โดยทางเทคนิค ทำได้  แต่ก็ต้องทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) หรือ ผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (อีเอชไอเอ ) เรื่องร่องน้ำหรือการต่อท่อในทะเล  ซึ่งกรณีหากไม่ทันการ ก็ต้องหารือรัฐบาลและ คสช.ว่าหากกฎหมายปกติทำไม่ได้ ก็มีโอกาสใช้กฎหมายพิเศษ หรือ ม.44 หรือไม่  อย่างไรก็ตาม หากจัดหาก๊าซฯ ไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องป้องกันไม่ให้เกิดไฟฟ้าขาดแคลน ก็สามารถใช้น้ำมันดีเซลปั่นไฟฟ้าแทนก๊าซฯ ได้ แต่ต้องยอมรับว่าต้นทุนแพงถึง 3-5 เท่าตัว และกระทบค่าไฟฟ้าประชาชน ซึ่งไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น

ประชาชนร่วมมืออะไรได้บ้าง เพื่อผ่านพ้นวิกฤติก๊าซฯ

          ทวารัฐ : ความร่วมมือของภาคประชาชนนอกจากการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาผลิตไฟฟ้าใช้ด้วยตัวเองแล้ว ก็ต้องขอความเห็นใจภาคประชาชน เพราะโครงการขนาดใหญ่มักได้รับการต่อต้าน ทำให้การดำเนินการช้ากว่าคาดการณ์ไว้ เรื่องบางเรื่องต่อต้าน 2-3 ปีก่อนหน้านี้ แต่จะมีผลอีก 5-7 ปีหลัง เช่น ผลของวิกฤติก๊าซฯ ครั้งนี้อาจเกิดขึ้นอีก 4 ปีข้างหน้า จึงเป็นวิกฤกติ จึงอยากเรียนวิงวอน ประชาชนเรื่องพลังงานต้องร่วมมองยาว ประท้วงทำได้ แต่ก็ต้องดูเหตุและผล โครงการที่ล่าช้าทำให้วางแผนค่อนข้างยาก ทำให้ไม่แน่ใจว่าจะมีทรัพยาพลังงานมาใช้ได้เมื่อไหร่อย่างไร พลังงานเป็นเรื่องทุกคน ก็ขอความเห็นใจศึกษาแสนอแนะหาทางที่เป็นไปได้ ก็จะทำให้โครงการพัฒนาได้ เพื่อความมั่นคงของประเทศ

                                        —–ทีมข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวไทย อสมท—

                                              

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]

ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ

สวีเดน 25 ส.ค.-ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ “มาริษ-ผบ.ทอ.” ร่วมเป็นสักขีพยาน ชูเป็นเขี้ยวเล็บป้องกันตัว พ่วง Offset Policy พัฒนาอุตสาหกรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 17.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย รัฐบาลไทยและสวีเดน ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ดร.พอล ยอนซอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน ร่วมเป็นสักขีพยาน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้าง “เขี้ยวเล็บ” […]

มทภ.2 ชี้หากพบกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้

เกษตรศาสตร์ 25 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ชี้หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ แต่ยิงแจ้งเตือนก่อน หากยังขัดขืนสั่งยิงทันที เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี มองหากกัมพูชาไม่รับเงื่อนไขเก็บทุ่นระเบิด เตรียมเก็บหลักฐานฟ้อง UN วันนี้ (25 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หากฝ่ายกัมพูชาไม่ตกลงที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า ถ้าไม่เก็บกู้ก็จะรายงานไปที่ UN และทำบันทึกไว้เพื่อเป็นการประท้วง ส่วนการประชุม RBC ที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีการตอบรับเรื่องเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ควรจะมีการตอบรับด้วยหรือไม่เพื่อแสดงถึงความจริงใจ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า […]