นครศรีธรรมราช 2 มิ.ย.-พบวัดที่สามเณรปลื้มถูกฆ่า มีรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ของวัดมูลค่าหลายร้อยล้านบาท ด้านพระเทพสิริโสภณ ที่ถูกกลุ่มคนร้ายใส่กุญแจขังไว้ในกุฏิ ให้การว่าไม่เคยรับรู้สถานะการเงินของวัด
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้จับกุมตัวพระภิกษุ 1 รูป, สามเณร 2 รูป และฆราวาส 2 คน หลังต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ “สามเณรปลื้ม” อายุ 17 ปี ซึ่งหายตัวไปประมาณ 5 เดือน จนสุดท้ายรับสารภาพว่า ลงมือฆ่า “สามเณรปลื้ม” เนื่องจากทะเลาะกันเรื่องเงินภายในวัดที่หายไป หลังจากนั้นได้ฝังศพใต้ต้นตะเคียนภายในวัด และต่อมาได้เทพื้นคอนกรีต พร้อมวางพระพุทธรูปไว้เพื่อไม่ให้คนสงสัย โดยที่ทั้งหมดยังบวชเป็นพระอยู่ในวัดดังกล่าวมาตลอด
ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ทำพิธีขอขมาและอัญเชิญพระพุทธรูปที่มีการนำมาตั้งไว้บริเวณจุดที่ระบุว่ามีการฝังร่างของ “สามเณรปลื้ม” ออก จากนั้นได้นำรถแบ็กโฮมาทำการขุดเปิดแผ่นปูน และขุดลงไปในดินลึกประมาณ 1 เมตรเศษ ก็พบร่างของผู้เสียชีวิตที่คาดว่าจะเป็น “สามเณรปลื้ม” ตามที่ผู้ต้องหาได้ให้การไว้ โดยศพอยู่ในลักษณะนอนตะแคงขวาคุดคู้อยู่ภายในหลุม สวมเสื้อยืดคลายกับเสื้อกีฬา สภาพเน่าเปื่อยจนจำสภาพเดิมไม่ได้เนื่องจากเสียชีวิตมาเป็นเวลานาน ทั้งนี้พบว่าหลุมดังกล่าวมีการเทปูนทับเป็นชั้นๆ และมีการโรยปูนขาวเพื่อกลบกลิ่นศพ เจ้าหน้าที่จึงนำร่างดังกล่าวขึ้นมา เพื่อส่งไปชันสูตรยืนยันอย่างละเอียดว่าใช่ “สามเณรปลื้ม” หรือไม่
ภายหลังจากที่มีการขุดพบศพ ทั้งญาติของ “สามเณรปลื้ม” และชาวบ้านที่มาร่วมดูการขุดหาศพ ต่างพากันเศร้าสลดใจ และวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พระครูใบฏีกาสราวุฒิ วชิราญาโณ ซึ่งเป็นพระวัดวังไทร ต.โลน อ.ลาสกา ซึ่งเป็นญาติของสามเณรปลื้มโดยได้ระบุว่า สามเณรปลื้มเมื่อเดือนเมษายนปี2558 โดยบวชที่วัดวังไทร อ.ลานสกา โดยสามเณรปลื้มเป็นคนที่ชอบเรื่องของรำมโนราห์มากและจะนับถือเจ้าอาวาสวัดวังไทรที่บวชให้มากมีปัญหาอะไรก็จะโทรไปหาตลอด อย่างเรื่องที่เกิดขึ้นก็เช่นกัน ทางสามเณรได้โทรไปหาพระอาจารย์ก่อนจะเสียชีวิตว่าถูกกล่าวหาว่าขโมยเงินของพระเด่นชัย ซึ่งอาจารย์ก็บอกว่าหากขโมยจริงก็ให้ไปคืน แต่สามเณรปลื้มบอกว่าไม่ได้ขโมย และหลังจากนั้นก็หายเงียบไปไม่ติดต่ออาจารย์อีกเลย เฟซบุ๊กของสามเณรก็เล่นล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ธค.59 จากนั้นก็หายเงียบไปเพราะปกติจะติดต่อกับอาตมาทางเฟสบ่อย กระทั่งเมื่อมี่วันที่ผ่านมาทางพระอาจารย์ก็ได้พูดขึ้นมาลอยๆ ว่า สามเณรปลื้มหายไปเลยสงสัยถูกฆ่าตายเสียแล้ว ถ้าตายจริงก็ช่วยดลจิตดลใจให้คนกระทำได้รับกรรมด้วยเถอะ และจากนั้นไม่กี่วันทางตำรวจก็เข้ามาดำเนินการ
พลตำรวจโทเทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อม พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช แถลงข่าวหลังทำการขุดร่างสามเณรปลื้ม ที่วัดวังตะวันตก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ว่า วัดวังตะวันตกมีผลประโยชน์มหาศาล กลุ่มผู้ต้องหาทั้งสามีภรรยาคือนายเด่นชัย ภูมินิยม และนางสาวปิยฉัตร อรุณสกุล ครอบงำได้ทั้งหมด แม้แต่อดีตเจ้าอาวาสก็ถูกขังไว้ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ในสภาพห่มผ้าเหลืองเพียงอย่างเดียวกรรมการวัดไม่มี
พลตำรวจโทเทศา อาจมีผู้ต้องหาเพิ่มในคดีนี้อีกรวมเกือบ 10 คนซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนเช่นคนขุด คนจัดหาปูน คนผสมปูน ที่ช่วยกันปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ
ส่วนแหล่งผลประโยชน์ของวัดที่กลุ่มผู้ต้องหาครอบครองจัดการอยู่นั้นมีทั้งรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ของวัดมูลค่าหลายร้อยล้านบาท เงินสดที่ไหลเข้าวัดทุกวันวันละไม่น้อยกว่า 15,000 บาท ทั้งจากการเก็บค่าแผงค้ารายวัน ค่าจอดรถรายวัน และอื่นๆ อีกหลายรายการ ซึ่งรายได้ทั้งหมดนั้นไม่ปรากฏอยู่ในสถานะทางบัญชีของวัด ส่วนนางสาวปิยฉัตร นั้นเดิมพบว่ามีอาชีพขายน้ำผลไม้ปั่นอยู่บริเวณหลังวัด และภายหลังได้มาบริหารจัดการภายในวัด ทำให้มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยขณะนี้ใช้รถยนต์ราคาแพงอยู่ถึง 3 คัน
ขณะที่นายเด่นชัย ภูมินิยม หรืออดีตพระเด่น บอกว่า ไม่ได้เจตนาฆ่าสามเณรปลื้ม สาเหตุที่ทำร้ายนั้นเนื่องจากสามเณรปลื้ม ได้ขโมยเงินสดกว่า 50,000 บาท และทองรูปพรรณพระเลี่ยมทองหนัก 6 บาทไป จึงพยายามทวงคืนแต่ไม่ได้ผล จึงทำร้ายเพื่อสั่งสอน แต่ได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา
ขณะนี้ควบคุมตัวผู้เกี่ยวข้องได้แล้ว 5 คน ประกอบด้วย นายเด่นชัย นายสุริยา ซึ่ง 2 คนนี้ให้การสารภาพ ส่วนนางสาวปิยะฉัตร หรือบิว ให้การปฏิเสธ อีก 2 คนที่เหลือเจ้าหน้าที่กันไว้เป็นพยาน
นอกจากนั้นตำรวจได้เข้าสอบปากคำพระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตกที่ถูกใส่กุญแจขังไว้ในกุฏิ ได้ให้การว่า ไม่เคยรับรู้สถานะการเงินของวัดเนื่องจากอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มผู้ต้องของพระเด่น ส่วนนางสาวปิยฉัตร อรุณสกุล และนายเด่นชัย ภูมินิยม ไม่ได้เป็นญาติกัน และเมื่อมีการถามว่าเหตุใดถึงเข้ามาควบคุมวัดได้อย่างเบ็ดเสร็จ พระเทพสิริโสภณ กลับนิ่งเฉย ไม่ยอมพูดต่อ.-สำนักข่าวไทย