สาว 23 ปี พิสูจน์แล้วไม่ติดเอชไอวี

ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ 1 มิ.ย. – ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ เผยผลตรวจเลือดสาววัย 23 ปี กินยาต้านไวรัสเอชไอวี ปรากฏเป็นลบ ไม่ติดเชื้อ เตรียมเดินหน้าเรียกร้องขอความเป็นธรรม ก.สาธารณสุข ขอให้สอบวินัยร้ายแรงแพทย์ที่ทำการตรวจรักษาในวันจันทร์หน้า 


ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย พร้อมด้วย นพ.สมบัติ แทนประเสริฐสุข นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ และ น.ส.สุทธิดา แสงสุมาตร ร่วมกันแถลงข่าว และตรวจเลือดพิสูจน์หาเชื้อเอชไอวีในร่างกาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลใน จ.ร้อยเอ็ด มานาน 19 ปี โดยทางโรงพยาบาลระบุว่า น.ส.สุทธิดา ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ต้องรับยาต้านไวรัส ซึ่งการตรวจเลือดครั้งนี้เป็นการพิสูจน์ชัดต่อหน้าสื่อมวลชน เพื่อหวังลดข้อสงสัยและการตีตรา  


สำหรับการตรวจหาเชื้อไวรัสครั้งนี้ ใช้วิธีการตรวจหา 2 วิธี ได้แก่ 1. Rapid test ซึ่งเป็นการตรวจหาเชื้อแบบรวดเร็ว ใช้เวลา 20-30 นาที และจะมีการตรวจยืนยันซ้ำด้วยวิธีที่ 2 คือ การตรวจหา Antibody เรียกว่า Forth Generation เป็นการตรวจยืนยันระดับลึก ซึ่งเป็นการตรวจหาภูมิคุ้นเคยต่อเชื้อ ผลปรากฏว่า การตรวจทั้ง 2 วิธี ให้ผลเป็นลบ


นายสงกานต์ กล่าวว่า การตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวี ปรากฏชัดต่อสื่อมวลชนแล้ว จากนี้จะนำเรื่องนี้ไปหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในวันจันทร์ที่ 5 มิถุนายนนี้ สิ่งที่จะเดินหน้าเรียกร้องจากนี้ คือ การขอความเป็นธรรมให้กับ น.ส.สุทธิดา และต้องการให้มีการสอบวินัยร้ายแรงแก่แพทย์และผู้ที่เกี่ยวข้อง ว่าเป็นการประมาทเลินเล่อหรือไม่ เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างต่อไป 

น.ส.สุทธิดา กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ความจริงเปิดเผย ไม่ต้องมีความสงสัยต่อไป เชื่อว่าจะทำให้ครอบครัวและลูกทั้ง 2 คน กล้ายืนอยู่ในสังคมต่อไปได้ ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาที่ทราบว่าตนป่วยหรือได้รับเชื้อเอชไอวีนั้น ถูกสังคมตีตรา ตั้งข้อรังเกียจ บางครั้งไม่อยากไปโรงเรียน โดนเพื่อนล้อ ต้องแกล้งป่วย ทำให้เสียโอกาสด้านการศึกษา ทั้งที่ตอนเด็กฝันอยากเป็นหมอ  

สำหรับการกินยาต้านไวรัสนั้น ได้รับการตรวจติดเชื้อตั้งแต่อยู่ชั้นประถมศึกษา ทราบตอนอายุ 8 ขวบ หรือประมาณปี 2545 แต่รับประทานยาตอนไหนก็ยังไม่สามารถระบุช่วงอายุได้ และต้องรับประทานยาเช้า-เย็น เนื่องจากประวัติการรักษาได้หายไป แต่เลิกรับประทานยาในปี 2555 การรับประทานยาต้านไวรัส ทำให้ต้องเผชิญกับผลข้างเคียง ทั้งปวดศีรษะ ผมร่วง  

ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ กล่าวว่า การตรวจยืนยันเชื้อครั้งนี้ แตกต่างกับการตรวจเลือดผู้ติดเชื้อทั่วไป และหวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นบทเรียนให้สังคมเลิกตีตราผู้ติดเชื้อ เพราะหากไม่มีการตีตราก็คงไม่กระทบต่อชีวิตของผู้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม กรณี น.ส.สุทธิดา ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งเทคโนโลยีการตรวจหาเชื้ออาจไม่รวดเร็วแม่นยำเหมือนปัจจุบัน การตรวจด้วยเครื่องมือในอดีตก็อาจแกว่งไม่เสถียร สำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จากการตรวจหาเชื้อ ต้องตรวจซ้ำอีกอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องมือทุกอย่างก็สามารถผิดพลาดได้ 

ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการรับยาต้านไวรัสทุกครั้ง ก็ต้องมีการตรวจหาระดับภูมิต้านทานเม็ดเลือดขาว หรือ CD4 ปกติต้องมีการตรวจซ้ำทุก 6 เดือนเป็นมาตรฐาน แต่กรณี น.ส.สุทธิดา ในเวชระเบียน เมื่อปี 2550 ระบุว่า ระดับ CD4 มีแค่ 122 ต่ำกว่าระดับคนปกติ จึงเป็นเหตุผลในการพิจารณาจ่ายยาต้านไวรัส ส่วนสาเหตุที่ CD4 ต่ำ อาจเกิดจากอาการป่วยได้หลายสาเหตุ แต่ปกติของคนที่มีระดับ CD4 ต่ำ ด้วยการรับเชื้อไวรัสเอชไอวี เมื่อตรวจหาผลเลือดในร่างกายก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง พร้อมกันนี้ยังยืนยันด้วยว่า จากการดูอาการเบื้องต้นของ น.ส.สุทธิดา ทางกายภาพ เชื่อว่าไม่ได้รับผลกระทบจากยาต้านไวรัสแน่นอน

ด้าน นพ.สมบัติ กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข จะนำเรื่องนี้แจ้งต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อหารือกับ น.ส.สุทธิดา และทนายความต่อไป โดยจะหารือกันในวันจันทร์ที่ 5 มิถุนายนนี้ 

ส่วนบรรยากาศการตรวจเลือดพิสูจน์ น.ส.สุทธิดา ร้องไห้ด้วยความยินดี เมื่อผลเลือดออกมา พร้อมระบุก่อนหน้านั้นว่า มีการตรวจเลือดมาแล้วรวม 4 ครั้ง เมื่อครั้งตั้งท้องบุตรคนที่ 1 และคนที่ 2 กับโรงพยาบาลใน จ.สมุทรปราการ รวมถึงตรวจกับศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย อีก 2 ครั้ง ผลก็เป็นลบ.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย