ร้อง ยธ.โดนสวมสิทธิ์อ้างชื่อส่งออก

ก.ยุติธรรม 22 พ.ค.-บริษัทส่งออกร้อง ยธ. หลังโดนแก๊งค์สวมสิทธิ์อ้างชื่อส่งออก เสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท



นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลาย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  นำนายพิสิษฐ์  หล้าสุดตา กรรมการผู้จัดการบริษัท ซี อินเตอร์ เนชั่นแนล โพรเซ่นโปรดักส์ ผู้ค้าสัตว์น้ำจืดแช่แข็งรายใหญ่ของประเทศ เข้ายื่นร้องทุกข์ต่อนายธวัชชัย ไทยเขียว                 รองปลัดกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) และโฆษกกระทรวงยุติธรรม หลังเสียหายจากการถูกปลอมแปลงและแอบอ้างสวมสิทธิ์ชื่อบริษัทในการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ เสียหายมูลค้ากว่า 2,000 ล้านบาท


นายพิสิษฐ์ กล่าาว่า สืบเนื่องจากช่วงเดือน มิ.ย.2558 ได้รับแจ้งหนังสือจากกรมประมง ว่ามีสินค้าที่ส่งออกไปยังประเทศแคนาดา ถูกตีกลับมาเนื่องจากไม่ผ่านมาตรฐาน สืบสวนพบว่าไม่ใช่สินค้าจากบริษัทตัวเอง แต่เป็นการโดนสวมสิทธิ์ใช้เอกสารปลอม ปลอมแปลงลายเซ็นต์ใช้ส่งออกปลาแช่แข็งไปยังประเทศแคนาดา พบว่าทำมาตั้งแต่ ปี 2554 โดยที่ตนและบริษัทไม่ทราบเรื่อง พบความเสียหายช่วงที่โดนสวมสิทธิ์  รวมกว่า 2,000 ล้านบาท ที่ผ่านมาไปทำหนังสือร้องเรียนยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมประมงหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ป.ป.ช. รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ไม่มีความคืบหน้า หรือความเคลื่อนไหวทางคดีเกิดขึ้นจึงต้องมาร้องที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้พิจารณารับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากคดีมีความซับซ้อนและเจ้าหน้าที่รัฐไปเข้าข้อง  

จากการสอบถามคนในแวดวง ยังพบว่า  มีอีกประมาณ 4-5 บริษัทก็โดนสวมสิทธิ์ในลักษณะเดียวกัน แต่ยังไม่ได้ออกมาเรียกร้องแบบตน


ด้านนายสงกานต์ กล่าาว่า ผู้เสียหายเดินสายไปร้องเรียนหลายแห่งแต่ความคืบหน้าก็ไม่เกิด พร้อมระบุว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐระดับผู้บริหารระดับสูง ที่เกี่ยวข้องในคดี พยายามให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนกับพนักงานสอบสวน ว่าเกิดนอกราชอาณาจักร แต่ความจริงมีการกระทำผิดที่ธนาคารในราชอาณาจักรไทย  รวมถึงมีหน่วยงานรัฐพยายามปกปิดข้อมูลเพราะมีผลกระทบกับตำแหน่งหน้าที่ เชื่อได้ว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ และทราบว่ามีการปรับย้ายเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกจากตำแหน่ง จนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จด้วย 

ขณะที่นายธวัชชัย กล่าาว่า จากข้อมูลพบว่าคดีมีความซับซ้อนมีข้าราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง เบื้องต้นจะสอบถามไปยังสถานีตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ที่รับผิดชอบคดีว่าเหตุใดการทำงานล่าช้า ซึ่งคดีนี้มีผู้กระทำผิด  ที่ถูกออกหมายจับ 9 คน จำนวนนี้มีชาวต่างชาติ 2 คนหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว และมีบริษัท 4 แห่งเกี่ยวข้อง รวมทั้งรายชื่อข้าราชการด้วย โดยจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการกระทรวงฯ พิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนในช่วงสัปดาห์หน้า ก่อนส่งเรื่องต่อให้คณะทำงานของ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ว่าจะสามารถรับเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง