ปาฏิหาริย์ชีวิต…สาวเชียงใหม่รอดตายจากหัวใจวายกลางหิมะที่ญี่ปุ่น ตอน 2

เชียงใหม่ 18 พ.ค.-เรื่องราวชีวิตปาฏิหาริย์ของสาวเชียงใหม่ที่รอดตายจากภาวะหัวใจวายฉับพลันท่ามกลางหิมะที่ญี่ปุ่น เธอฟื้นขึ้นเพราะเชื่อว่าเกิดจากพลังความรักของแม่ที่เรียนจบเพียง ป.4 แต่ดั้นด้นไปดูแลลูกสาวถึงญี่ปุ่น ได้เห็นมิตรภาพของคนไทยในญี่ปุ่นที่ให้ความช่วยเหลือ แม้เธอต้องเป็นหนี้ถึง 6 ล้านบาท จากค่ารักษาก็ตาม


“จุ๊บจิ๊บ” สาววัย 27 ปี ออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักฟื้นที่บ้านใน อ.สันป่าตอง ที่เชียงใหม่ พร้อมครอบครัวที่กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง ต่างจากเมื่อ 3 เดือนก่อน ที่เต็มไปด้วยความเศร้า กังวล หลังจุ๊บจิ้บไปหัวใจวายฉับพลันกลางหิมะขณะไปเที่ยวกับเพื่อนที่ญี่ปุ่น และมีโอกาสรอดชีวิตไม่ถึง 1%


วินาทีแรกที่รู้ข่าว แม่สุพรรณ์ ที่แม้จบเพียง ป.4 แกะสลักไม้อยู่กับบ้านไม่เคยไปไหนไกล ก็ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า หยิบยืมเงินติดตัว โดยให้เพื่อนลูกสาวพาไปทำพาสปอร์ตและไปส่งที่ญี่ปุ่น เมื่อเห็นอาการลูกและเจอหมอก็ทำทุกอย่างเท่าที่จะคิดได้ในตอนนั้น หลังจากเพื่อนลูกสาวกลับ แม่สุพรรณ์ต้องอยู่ลำพัง อาศัยนอนตามเก้าอี้ของโรงพยาบาล ลำบากทั้งการกิน การนอน พูดคุยติดต่อสื่อสาร


โชคดีที่เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในโตเกียว รวมทั้งนักศึกษาและแพทย์ไทยที่ไปเรียนต่อที่นั่น เข้ามาช่วยแหลือดูแลทั้งที่พักและอาหาร โดยแต่ละวันแม่สุพรรณ์จะเดินจากที่พักไปสถานีรถไฟ และเดินต่อไปโรงพยาบาลไปกลับวันละ 2,400 ก้าว เพื่อดูแลลูกสาว

พร้อมๆ กับที่แม่สุพรรณ์จะคิดวิธีสื่อสารง่ายๆ โดยให้คนไทยที่นั่นพิมพ์ศัพท์ไทย-ญี่ปุ่นเกี่ยวกับอาการป่วย เพื่อชี้อธิบายหรือถามไถ่อาการลูกสาว ที่หมดสติไปนาน 26 วัน นอนรักษาตัวอีกเกือบ 2 เดือน จนกลับบ้านได้อีกครั้ง พร้อมกับค่ารักษาเกือบ 6 ล้านบาท กลายเป็นหนี้ก้อนโต ที่ครอบครัวขอผ่อนจ่าย

แม่สุพรรณ์ เขียนบันทึกเรื่องราวทั้งหมดไว้ แสดงถึงความรักของแม่ที่กล้าเผชิญทุกอย่างเพื่อลูก ขอบคุณน้ำใจคนไทยในญี่ปุ่น และเป็นบทเรียนให้ทุกคนเตรียมพร้อมมากที่สุดสำหรับท่องเที่ยวต่างแดน ซึ่งอาจจะไม่โชคดีหรือมีปาฏิหาริย์เหมือนจุ๊บจิ๊บ เพราะชีวิตนี้ไม่มีอะไรแน่นอน.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง