คกก.โรคติดต่อฯ ไฟเขียวแผนฉีดวัคซีน HPV 1 ล้านโดส สาวไทย 11-20 ปี

22 ก.ย. – คกก.โรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบแผนเร่งรัดฉีดวัคซีน 1 ล้านโดส ป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ที่เป็นสาเหตุมะเร็งปากมดลูก ตามเป้าหมาย Quick Win ใน 100 วัน


คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบแผนเร่งรัดการฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ในหญิงอายุ 11-20 ปี รับการขับเคลื่อน Quick Win นโยบาย “มะเร็งครบวงจร” ฉีด 1 ล้านโดส ภายใน 100 วัน ชี้หากฉีดตั้งแต่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์จะมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 90% และการฉีดหลังอายุ 11 ปี ยังสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้

วันนี้ (22 กันยายน 2566) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2566 โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม


นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องสำคัญ 2 เรื่อง โดยเห็นชอบ เร่งรัดการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV ในกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงอายุ 11-20 ปี ตาม Quick Win ของนโยบายมะเร็งครบวงจร ที่กำหนดเป้าหมายการฉีด 1 ล้านโดส ในระยะ 100 วัน เนื่องจากโรคมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบในผู้หญิงไทยสูงเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 6,500 ราย/ปี และมีผู้เสียชีวิต 2,000 ราย/ปี สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV หรือ Human Papilloma Virus ผ่านการสัมผัสโดยตรง หรือการมีเพศสัมพันธ์ สายพันธุ์ที่พบบ่อย คือ สายพันธุ์ที่ 16 และ 18 ที่เป็นต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูกมากถึง 70% ซึ่งวัคซีน HPV สามารถป้องกันได้ดีโดยเฉพาะหากฉีดตั้งแต่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์จะมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 90% ส่งผลให้ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกใน 10-20 ปีข้างหน้าได้ ประเทศไทยจึงมีการฉีดวัคซีน HPV ให้กับเด็กหญิงชั้น ป.5 หรืออายุ 11 ปี ตั้งแต่ปีการศึกษา 2560 อย่างไรก็ตาม การฉีดในช่วงอายุหลังจากนั้นก็ยังสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้ ซึ่งขณะนี้ เด็ก ป.5 ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจะอยู่ชั้น ม.5 หรืออายุ 17 ปี ดังนั้นการขยายกลุ่มเป้าหมายไปถึงอายุ 20 ปี จึงเหลือเพียงกลุ่มอายุ 18-20 ปี ที่อยู่ชั้น ป.5 ก่อนที่จะมีนโยบายนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วง ม.6 ถึงอุดมศึกษาปีที่ 2 รวมถึงจะเร่งฉีดเก็บตกในกลุ่มอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ยังได้รับวัคซีนไม่ครบด้วย

สำหรับแผนการฉีดวัคซีน HPV ในระยะ 100 วันแรกนั้น หลังจากสื่อสารนโยบายไปถึงผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศแล้ว ในช่วงเดือนตุลาคม จะจัดทำแนวทางการให้บริการ สำรวจจำนวนกลุ่มเป้าหมายเพื่อจัดเตรียมวัคซีน พัฒนาระบบฐานข้อมูล MOPH IC พร้อมทั้งประสานและลงนามความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมความพร้อม จัดแคมเปญรณรงค์คิกออฟ และจัดบริการฉีดนำร่องเขตละ 1 จังหวัดพร้อมกันทั่วประเทศ จากนั้นช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2566 จะเร่งรัดให้บริการฉีดวัคซีนโดยโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชนคู่สัญญา และหน่วยบริการที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือกรุงเทพมหานครกำหนด แบ่งการฉีดเป็น 2 รูปแบบ คือ กลุ่มนักเรียน ฉีดที่สถานศึกษาหลังเปิดเทอม ส่วนกลุ่มที่อยู่นอกระบบการศึกษา รวมถึงอายุ 18-20 ปี จะฉีดที่หน่วยบริการใกล้บ้าน

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ในปี 2567 เพื่อลดการป่วยรุนแรง การเสียชีวิต และรักษาระบบสาธารณสุขของประเทศ ได้ให้มีการศึกษาคำแนะนำในการฉีดเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อไป นอกจากนี้ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์โรคติดต่อที่สำคัญ ดังนี้ โรคติดต่อที่มีการระบาดเพิ่มขึ้น ได้แก่ 1.โรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งได้แจ้งมาตรการป้องกันไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียน เตรียมพร้อมทีม CDCU ในการสอบสวนควบคุมโรค และเร่งฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง และ อสม. และ 2.โรคฝีดาษวานร (Monkeypox) ซึ่งประเทศไทยมีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น ส่วนใหญ่เป็นชาวไทย โดยมีความเสี่ยงจากการมีคู่เพศสัมพันธ์หลายคนหรือกับคนแปลกหน้า ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความสำคัญในการเฝ้าระวัง คัดกรอง แยกกักรักษาผู้ป่วย และสื่อสารถึงประชาชน โดยเน้นประชากรกลุ่มเสี่ยงเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม


โรคติดต่อที่สถานการณ์ดีขึ้น ได้แก่ 1.โควิด-19 ซึ่งยังคงติดตามสถานการณ์ระบาด เฝ้าระวังสายพันธุ์กลายพันธุ์ และรณรงค์ฉีดวัคซีนประจำปีป้องกันโควิด-19 ในกลุ่มเสี่ยง 608 และ 2.ไข้มาลาเรีย ยังคงมาตรการค้นหาผู้ป่วยรายใหม่ในพื้นที่ชายแดน ตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยทันที พร้อมเร่งรัดการควบคุมยุงพาหะในพื้นที่ที่มีการระบาดโดยเร็ว. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ