กรุงเทพฯ 28 เม.ย. – กระทรวงพาณิชย์จัดมหกรรมธงฟ้าเพื่อแรงงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ราคาถูกกว่าตลาดร้อยละ 15-40 คาดลดภาระค่าครองชีพ 20 ล้านบาท
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้และลดความเลื่อมล้ำของประชาชน โดยเฉพาะภาคแรงงาน ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างสรรค์เศรษฐกิจให้เติบโตนำพาประเทศเข้าสู่ Thailand 4.0 จึงต้องมีการพัฒนาคุณภาพของผู้ใช้แรงงานและดูแลค่าครองชีพให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหน่วยงานดูแลปากท้องของประชาชน จึงได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยจัดหาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพราคาถูกกว่าท้องตลาดมาจำหน่ายให้กับผู้ใช้แรงงานและประชาชนผู้มีรายได้น้อยในย่านนิคมอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการทั่วประเทศเพื่อลดค่าครองชีพ
ทั้งนี้ เป็นการจัดงานต่อเนื่องในโอกาส “วันแรงงานแห่งชาติ” วันที่ 1 พฤษภาคม 2560 กรมการค้าภายในร่วมกับกระทรวงแรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาแรงงานแห่งประเทศไทย สภาองค์การลูกจ้างแห่งประเทศไทย สภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย และสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัด เพื่อช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับผู้ใช้แรงงานและประชาชนผู้มีรายได้น้อยตามนโยบายรัฐบาล ภายใต้ชื่องาน “มหกรรมธงฟ้าเพื่อแรงงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” ระหว่างวันที่ 28 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2560 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.00 น. บริเวณลานพลาซ่า อินดอร์สเตเดี้ยม สนามกีฬาหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
สำหรับภายในงานจะจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัด และสินค้าเกษตรจากผู้ผลิตและฟาร์มโดยตรง รวมทั้งอาหารสำเร็จรูปราคาพิเศษถูกกว่าท้องตลาดประมาณ ร้อยละ 15 – 40 ประกอบด้วย สินค้าไฮไลท์ เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช น้ำตาลทราย เนื้อสัตว์ สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก แชมพู เครื่องปรุงรส อาหารสำเร็จรูป เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคจากผู้ผลิตที่เข้าร่วม “โครงการธงฟ้าประชารัฐ” อาหารปรุงสำเร็จราคาประหยัด (ไม่เกิน 35 บาท/จาน/ชาม/ถุง) จากร้านหนูณิชย์และหนูณิชย์ Food Truck สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปจากศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน (Farm Outlet) เช่น ผัก ผลไม้ ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป และสินค้าจากท้องถิ่นจาก “ตลาดต้องชม” และสินค้า OTOP ได้แก่ อาหาร ผลิตภัณฑ์ชุมชน หัตถกรรมและสมุนไพรพื้นบ้าน และอื่น ๆ อีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์เชื่อว่าการจัดงานครั้งนี้จะมีผู้ใช้แรงงานและประชาชนเข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 60,000 คน สามารถลดค่าครองชีพประชาชนได้ประมาณ 20 ล้านบาท และนอกจากจะส่งผลโดยตรงต่อลูกจ้างแรงงานในการบรรเทาภาระค่าครองชีพแล้ว ยังเป็นการเพิ่มกำลังซื้อ รวมทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) OTOP และเกษตรกร สามารถสร้างรายได้ ขยายตลาดสินค้า กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้เกิดความสมดุลและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย