บน. 6 28 เม.ย.-รองโฆษกรัฐบาล เผยทูตสหรัฐฯ เข้าพบนายกฯ วานนี้ (27 เม.ย.) หารือประเด็นความร่วมมือต่าง ๆ รวมถึงกรณีปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งไทยยืนยันว่าไม่สามารถตัดสินใจแทนประเทศใดได้ ต้องเป็นฉันทามติของอาเซียน
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีที่นาย กลิน ที เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ (27 เม.ย.) ว่า เป็นการนำเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมืองระดับสูงของสหรัฐฯ เข้าพบอย่างไม่เป็นทางการ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 28-30 เมษายน 2560 โดยได้หารือเรื่องความร่วมมือต่าง ๆ และแสดงข้อกังวลเกี่ยวกับปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี ทะเลจีนใต้ การก่อการร้าย และปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นลักษณะของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าแต่ละฝ่ายมีแนวทางที่จะจัดการกับปัญหาเหล่านี้อย่างไร ซึ่งในส่วนของไทย ได้ชี้แจงว่า ในทุกเรื่องไทยมีจุดยืนที่ชัดเจน เช่น ปัญหาคาบสมุทรเกาหลี ไทยยึดตามมติของสหประชาชาติ ตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งไทยก็ปฏิบัติตาม และคิดว่าน่าจะมีการหารือต่อกรณีดังกล่าวในกลุ่มประเทศอาเซียน
“สหรัฐฯ ขอให้สมาชิกอาเซียนร่วมมือกันในการแก้ปัญหาคาบสมุทรเกาหลีด้วย ซึ่งไทยยืนยันว่าคงไม่สามารถตัดสินใจแทนประเทศใดได้ เพราะต้องให้เป็นฉันทามติของอาเซียน แต่เชื่อว่าในเวทีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ น่าจะหยิบยกเรื่องนี้มาหารือ” พล.ท.วีรชน กล่าว
พล.ท.วีรชน กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีทะเลจีนใต้นั้น ไทยมองว่าแม้จะมีปัญหาอยู่ แต่ก็มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น ทุกฝ่ายไม่ได้มีประเด็นที่นำไปสู่ความขัดแย้งที่ลุกลามบานปลาย และเดินหน้าแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ขณะเดียวกันมีความพยายามที่จะดำเนินการตามมาตรการแก้ไขการพิพาทในทะเลตะวันออก และคำประกาศว่าด้วยการปฏิบัติของฝ่ายต่าง ๆ ในทะเลจีนใต้ เพื่อให้ปัญหายุติโดยเร็ว
พล.ท.วีรชน กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ไทยยังบอกถึงการพัฒนาทางการเมืองของไทยในขณะนี้ว่า ไทยได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 และจะก้าวไปสู่ประเทศที่มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีการเลือกตั้ง ซึ่งทุกอย่างกำลังเป็นไปตามโรดแมป และต่อจากนี้จะเป็นการผ่านกฎหมายต่าง ๆ ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันยังมีการพูดคุยเรื่องยุทธศาตร์ชาติ 20 ปีว่ามีวัตถุประสงค์ หลักเกณฑ์ หลักการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์อย่างไร ซึ่งยืนยันว่าแม้จะเป็นแผนที่มีระยะยาวนาน ก็ปรับเปลี่ยนได้ เพราะประกอบด้วยแผน 5 ปี 4 แผน ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ
“นอกจากนี้ เป็นการพูดคุยถึงการส่งเสริมความร่วมมือทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ที่ไทยขอบคุณสหรัฐฯ ที่มีปฏิสัมพันธ์ที่ดี แม้มีข้อจำกัดในบางเรื่อง แต่ก็ยังถือว่ามีทิศทางและแนวโน้มที่ดี โดยไทยพร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะการที่สหรัฐได้รัฐบาลใหม่ ไทยก็ยังมีความพร้อมในทุกมิติ ครอบคลุมถึงการเมืองและความมั่นคง ส่วนนโยบายอเมริกันเฟิร์ส ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น ไทยยังมีความพร้อมที่จะร่วมมือกับสหรัฐฯ ตามนโยบายดังกล่าว เพราะไทยกับสหรัฐฯ มีความร่วมมือกันมากว่า 180 ปี ที่ถือว่าแน่นแฟ้น ขณะที่สหรัฐฯ ยังยืนยันว่าไทยเป็นพันธมิตรที่สำคัญในภูมิภาคและยืนยันที่จะร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ต่อไป” พล.ท.วีรชน กล่าว.-สำนักข่าวไทย