กต.ยันไทยไม่เคยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ผิดหวัง “กัมพูชา” ปล่อยเฟกนิวส์

ก.ต่างประเทศ 30 ก.ค.-กต.ยืนยันไทยไม่เคยละเมิดข้อตกลงหยุดยิงแม้แต่ครั้งเดียว ผิดหวัง “กัมพูชา” ปล่อยเฟกนิวส์ แจงไทยไม่เคยใช้อาวุธเคมี ขออย่าบิดเบือนคำพูดว่าที่ทูตสหรัฐฯ คนใหม่ จ่อพาทูตทหารลงพื้นที่ชายแดนภายในสัปดาห์นี้ ชี้ไม่ได้ล่าช้า แต่คำนึงถึงความปลอดภัย

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กระทรวงการต่างประเทศ ณ กระทรวงการต่างประเทศ


นายนิกรเดช เปิดเผยถึงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา นับตั้งแต่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้เวลา 24.00 น.ของวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมาจนถึงช่วงเช้ามืดของวันนี้ ฝ่ายความมั่นคงของไทยมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหลายครั้งหลายพื้นที่ เช่น การยิงปืนเล็ก และลูกระเบิดเข้ามาในเขตแดนของไทย ยืนยันว่าฝ่ายไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งแต่พบการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ไทยได้ส่งหนังสือแจ้งเรื่องการละเมิดไปยังประเทศมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน รวมถึงสหรัฐอเมริกาและจีน ในฐานะสักขีพยานในการเจรจาหยุดยิง ทั้งยังมีหนังสือไปถึงเลขาธิการสหประชาชาติไปแล้วเมื่อวานนี้

ตั้งแต่เมื่อคืนนี้จนถึงช่วงเช้าวันนี้ หน่วยงานความมั่นคงพบการละเมิดข้อตกลง กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์การละเมิดดังกล่าว ซึ่งการดำเนินการควบคู่ไปกับการแถลงการณ์ประณามกัมพูชาของกองทัพบกและกองทัพไทย โดยเมื่อวานนี้นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้พบกับนายบุ่ย แทงห์ เซิน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ซึ่งเดินทางมาที่ไทยเพื่อหารือประเด็นดังกล่าว ในฐานะสมาชิกอาเซียนและประเทศเพื่อนบ้าน


นายมาริษ ได้อธิบายถึงท่าทีของไทยและข้อเท็จจริงบนพื้นที่ว่าเกิดอะไรขึ้นและการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดจริงของฝ่ายกัมพูชา นายบุ่ย ได้สนับสนุนท่าทีของไทยในการหาข้อยุติอย่างสันติวิธีโดยกลไกทวิภาคี โดยวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นก็โทรมาหานายมาริษ ในช่วงเวลา 13.00 น.ของวันนี้ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นก็สนับสนุนไทยในการใช้กลไกทวิภาคีและหาข้อสรุปอย่างสันติวิธี

ฝ่ายไทยมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดและมุ่งแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันโดยสันติวิธี ขณะที่เรายังพบกัละเมิดข้อตกลงของฝ่ายกัมพูชาอยู่บ่อยครั้ง แสดงให้เห็นถึงการขาดเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการเคารพต่อพันธกรณีภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา ในการนี้ฝ่ายไทยจึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการละเมิดข้อตกลงทุกรูปแบบโดยทันที และกลับมาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวด้วยความจริงใจและด้วยความสุจริตใจ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาไทยไม่เคยละเมิดข้อตกลงหยุดยิงแม้แต่ครั้งเดียว เพราะประเทศไทยรักษาคำพูดเรามีความมุ่งมั่นและแน่วแน่ในการลงมือปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างจริงจังและจริงใจ ไม่ได้พูดว่าจะปฏิบัติแล้วไม่ได้ทำจริง เป็นหลักการที่ไทยยึดถือมาโดยตลอด


ส่วนประเด็นการกดดันไทยให้ดูแลแรงงานกัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ไทยเคารพสิทธิแรงงานต่างด้าวในไทยทุกประเทศ รวมถึงแรงงานกัมพูชาซึ่งได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมภายใต้กฎหมาย พันธกรณีระหว่างประเทศเกี่ยวกับการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิแรงงานในกรอบ องค์การระหว่างประเทศ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ องค์การโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ รวมถึงตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ไทยเป็นภาคีอยู่

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาระหว่างรัฐ ไทยไม่มีนโยบายตอบโต้ประชาชนกัมพูชาที่อาศัยและทำงานในประเทศไทย และจะไม่ผลักภาระไปสู่ประชาชนของทั้งสองประเทศ

สำหรับการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารของกัมพูชา ฝ่ายไทยขอแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จและบิดเบือนอย่างเป็นระบบของฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชาที่มีเป้าหมายไม่เพียงแต่ปกปิดความจริงที่เกิดขึ้น แต่ยังมุ่งหวังทำลายเสถียรภาพความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศ

การที่กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่องแต่กลับสื่อสารกับนานาประเทศว่า ตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่ไม่สอดคล้องกับคำพูด สะท้อนถึงความไม่จริงใจและขาดความสุจริตใจในการร่วมแก้ปัญหา การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่บั่นทอนความไว้วางใจ ความพยายามทั้งสองฝ่ายที่จะฟื้นฟูสันติภาพและการสร้างบรรยากาศที่ดีที่จะต่อการเจรจา แต่ยังเป็นอุปสรรคที่จะทำให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติอย่างยั่งยืน

ขณะที่บทบาทของเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลกได้ดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงในพื้นที่ที่รับผิดชอบ โดยการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเกี่ยวกับสถานการณ์และท่าที หลักการสากลที่ไทยยึดถือให้รัฐบาล องค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชน ท้องถิ่น ชุมชนไทยได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องที่ไม่บิดเบือนและเข้าใจจุดยืนของไทยที่ต้องการยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี และกลับเข้าสู่การเจรจากับกัมพูชาบนพื้นฐานของความจริงใจและสุจริตใจ เรายังมีคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ 4 สำนัก คณะผู้แทนถาวรประจำอาเซียนและสถานทูตทูตเอกอัครราชทูตอีกหลายแห่งที่มีหน้าที่ในกรอบพหุภาคีที่ต่างกำลังชี้แจงจุดยืนข้อเท็จจริงในเวทีโลก ภายใต้อนุสัญญาต่าง ๆ เพื่อยึดมั่นต่อพันธกรณีระหว่างประเทศของไทย

ไทยขอยืนยันเจตนารมณ์ในการแก้ไขข้อพิพาทบนสันติวิธี บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมร่วมมือกับประชาชนระหว่างประเทศในการธำรงสันติภาพและเสถียรภาพ เรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการกระทำที่เป็นการละเมิดหยุดยิง และกลับเข้าสู่กระบวนการเจรจาอย่างสุจริตใจและจริงใจ

นายนิกรเดช ขอวิงวอนให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาล ทุกหน่วยงานได้บูรณาการความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อปกป้องอธิปไตย ฃบูรณภาพดินแดน ศักดิ์ศรี สถานะของไทยระหว่างประเทศ และยึดถือผลประโยชน์และความปลอดภัยของคนไทยไว้เหนือสิ่งอื่นใดเสมอมา

ในช่วงตอบคำถาม นายนิกรเดช ยังกล่าวถึงกรณีที่กัมพูชามีถ้อยแถลงผ่านเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสหภาพรัฐสภาที่ยืนยันว่าไทยเปิดฉากยิงก่อนรวมถึงใช้สารเคมีว่า คำพูดดังกล่าวถือเป็นการบิดเบือนข้อมูล จึงเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดการกระทำเช่นนี้ โดยเรื่องดังกล่าวนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาไทยได้ตอบโต้ไปแล้ว ไทยขอแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการกล่าวหาของฝ่ายกัมพูชา

ขณะที่ใช้อาวุธเคมี กระทรวงการต่างประเทศได้ทำการประท้วงและประณามไปที่กัมพูชาแล้ว เพราะเป็นการบิดเบือนข้อมูลอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากไทยเป็นภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี เรายืนยันว่าเราไม่มีอาวุธเคมีและไม่เคยใช้ ส่วนรูปที่กัมพูชากล่าวอ้างก็เป็นเฟกนิวส์ เข้าใจว่าเป็นภาพการดับไฟป่าในประเทศอื่น เป็นการบิดเบือนข้อมูลโดยโฆษกทหารของกัมพูชา จึงขอให้สื่อมวลชนและสาธารณชนฟังข้อมูลข่าวสารจากทางการของไทย อย่าหลงเชื่อการบิดเบือนข้อมูลจากกัมพูชา

นายนิกรเดช กล่าวถึงกรณี นายฌอน เค. โอนีลล์ ว่าที่ทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เตือนไทยทำสงครามกับเพื่อน เป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ว่า เป็นการพูดจริง โดยเขาถูกถามโดยการประชุมวุฒิสภา ซึ่งก่อนที่ทูตจะผ่านการรับรองในกระบวนการของสหรัฐอเมริกา จะต้องตอบคำถามของที่ประชุมวุฒิสภา ซึ่ง เป็นคำถามโดยตรงเกี่ยวกับการเป็นทูตที่ประเทศไทยจะพูดอะไรกับฝ่ายไทยซึ่งเป็นการให้ความเห็นโดยตรงเกี่ยวกับประเทศไทย ซึ่งฝ่ายกัมพูชานำไปปั่นกระแส และผู้เสมือนว่าโจมตีประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่มีการตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อย

ส่วนที่กัมพูชามีการเชิญผู้ช่วยทูตทหารและผู้สังเกตการณ์ลงพื้นที่กระทรวงการต่างประเทศมีความกังวลเรื่องนี้หรือไม่ ขณะที่ไทยจะมีการเชิญผู่ช่วยทูตทหารร่วมลงพื้นที่เมื่อไหร่นั้น นายนิกรเดช ระบุว่า การเชิญผู้ช่วยทูตทหารของกัมพูชาถือเป็นสิทธิ์ แต่ยืนยันว่าไม่กังวล ซึ่งหากตนเป็นเขาจะมีความกังวลมากกว่า เพราะเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งจะได้เห็นข้อเท็จจริงในพื้นที่ ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมของไทยกำลังประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่ ส่วนที่เหตุใดจึงลงพื้นที่ช้านั้น เพราะเราไม่รู้ว่าฝ่ายกัมพูชาจะมีการละเมิดอีกเมื่อไหร่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของคณะที่เราจะพาลงพื้นที่ โดยคาดว่าน่าจะเป็นวันศุกร์นี้ (1 ส.ค.) รวมถึงสื่อมวลชนด้วย ที่จะได้เห็นสถานที่และข้อเท็จจริงในการทำร้ายประชาชนที่ไม่ใช่ทหารซึ่งน่าจะเป็นหลักฐานให้กับผู้ช่วยทูตทหารโดยเฉพาะกลุ่มอาเซียน มาเลเซีย สหรัฐฯ และจีนซึ่งประเทศเหล่านี้ได้รับเชิญไปทั้งหมดแล้ว เราคิดว่าไม่ใช่เรื่องของความรวดเร็ว แต่เป็นเรื่องของความมั่นใจในด้านความปลอดภัย.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เอกอัครราชทูตชี้แจงข้อเท็จจริงยูเอ็น ปมกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

31 ก.ค. – เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ขึ้นเวทียูเอ็น ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ระหว่างการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศว่าด้วยการระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างการกล่าวถ้อยแถลง เนื่องจากกัมพูชากล่าวพาดพิงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเวทีดังกล่าว ไทยเข้าร่วมการประชุมโดยมีเป้าหมายร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในการผลักดันการแก้ปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีผ่านแนวทางสองรัฐ.-สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เผยประเทศไทยฝนลดลง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 31 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง […]

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย