ก.ต่างประเทศ 30 ก.ค.-กต.ยืนยันไทยไม่เคยละเมิดข้อตกลงหยุดยิงแม้แต่ครั้งเดียว ผิดหวัง “กัมพูชา” ปล่อยเฟกนิวส์ แจงไทยไม่เคยใช้อาวุธเคมี ขออย่าบิดเบือนคำพูดว่าที่ทูตสหรัฐฯ คนใหม่ จ่อพาทูตทหารลงพื้นที่ชายแดนภายในสัปดาห์นี้ ชี้ไม่ได้ล่าช้า แต่คำนึงถึงความปลอดภัย
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กระทรวงการต่างประเทศ ณ กระทรวงการต่างประเทศ
นายนิกรเดช เปิดเผยถึงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา นับตั้งแต่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้เวลา 24.00 น.ของวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมาจนถึงช่วงเช้ามืดของวันนี้ ฝ่ายความมั่นคงของไทยมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหลายครั้งหลายพื้นที่ เช่น การยิงปืนเล็ก และลูกระเบิดเข้ามาในเขตแดนของไทย ยืนยันว่าฝ่ายไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งแต่พบการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ไทยได้ส่งหนังสือแจ้งเรื่องการละเมิดไปยังประเทศมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน รวมถึงสหรัฐอเมริกาและจีน ในฐานะสักขีพยานในการเจรจาหยุดยิง ทั้งยังมีหนังสือไปถึงเลขาธิการสหประชาชาติไปแล้วเมื่อวานนี้
ตั้งแต่เมื่อคืนนี้จนถึงช่วงเช้าวันนี้ หน่วยงานความมั่นคงพบการละเมิดข้อตกลง กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์การละเมิดดังกล่าว ซึ่งการดำเนินการควบคู่ไปกับการแถลงการณ์ประณามกัมพูชาของกองทัพบกและกองทัพไทย โดยเมื่อวานนี้นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้พบกับนายบุ่ย แทงห์ เซิน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ซึ่งเดินทางมาที่ไทยเพื่อหารือประเด็นดังกล่าว ในฐานะสมาชิกอาเซียนและประเทศเพื่อนบ้าน
นายมาริษ ได้อธิบายถึงท่าทีของไทยและข้อเท็จจริงบนพื้นที่ว่าเกิดอะไรขึ้นและการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดจริงของฝ่ายกัมพูชา นายบุ่ย ได้สนับสนุนท่าทีของไทยในการหาข้อยุติอย่างสันติวิธีโดยกลไกทวิภาคี โดยวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นก็โทรมาหานายมาริษ ในช่วงเวลา 13.00 น.ของวันนี้ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นก็สนับสนุนไทยในการใช้กลไกทวิภาคีและหาข้อสรุปอย่างสันติวิธี
ฝ่ายไทยมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดและมุ่งแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันโดยสันติวิธี ขณะที่เรายังพบกัละเมิดข้อตกลงของฝ่ายกัมพูชาอยู่บ่อยครั้ง แสดงให้เห็นถึงการขาดเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการเคารพต่อพันธกรณีภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา ในการนี้ฝ่ายไทยจึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการละเมิดข้อตกลงทุกรูปแบบโดยทันที และกลับมาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวด้วยความจริงใจและด้วยความสุจริตใจ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาไทยไม่เคยละเมิดข้อตกลงหยุดยิงแม้แต่ครั้งเดียว เพราะประเทศไทยรักษาคำพูดเรามีความมุ่งมั่นและแน่วแน่ในการลงมือปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างจริงจังและจริงใจ ไม่ได้พูดว่าจะปฏิบัติแล้วไม่ได้ทำจริง เป็นหลักการที่ไทยยึดถือมาโดยตลอด
ส่วนประเด็นการกดดันไทยให้ดูแลแรงงานกัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ไทยเคารพสิทธิแรงงานต่างด้าวในไทยทุกประเทศ รวมถึงแรงงานกัมพูชาซึ่งได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมภายใต้กฎหมาย พันธกรณีระหว่างประเทศเกี่ยวกับการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิแรงงานในกรอบ องค์การระหว่างประเทศ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ องค์การโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ รวมถึงตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ไทยเป็นภาคีอยู่
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาระหว่างรัฐ ไทยไม่มีนโยบายตอบโต้ประชาชนกัมพูชาที่อาศัยและทำงานในประเทศไทย และจะไม่ผลักภาระไปสู่ประชาชนของทั้งสองประเทศ
สำหรับการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารของกัมพูชา ฝ่ายไทยขอแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จและบิดเบือนอย่างเป็นระบบของฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชาที่มีเป้าหมายไม่เพียงแต่ปกปิดความจริงที่เกิดขึ้น แต่ยังมุ่งหวังทำลายเสถียรภาพความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศ
การที่กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่องแต่กลับสื่อสารกับนานาประเทศว่า ตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่ไม่สอดคล้องกับคำพูด สะท้อนถึงความไม่จริงใจและขาดความสุจริตใจในการร่วมแก้ปัญหา การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่บั่นทอนความไว้วางใจ ความพยายามทั้งสองฝ่ายที่จะฟื้นฟูสันติภาพและการสร้างบรรยากาศที่ดีที่จะต่อการเจรจา แต่ยังเป็นอุปสรรคที่จะทำให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติอย่างยั่งยืน
ขณะที่บทบาทของเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลกได้ดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงในพื้นที่ที่รับผิดชอบ โดยการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเกี่ยวกับสถานการณ์และท่าที หลักการสากลที่ไทยยึดถือให้รัฐบาล องค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชน ท้องถิ่น ชุมชนไทยได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องที่ไม่บิดเบือนและเข้าใจจุดยืนของไทยที่ต้องการยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี และกลับเข้าสู่การเจรจากับกัมพูชาบนพื้นฐานของความจริงใจและสุจริตใจ เรายังมีคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ 4 สำนัก คณะผู้แทนถาวรประจำอาเซียนและสถานทูตทูตเอกอัครราชทูตอีกหลายแห่งที่มีหน้าที่ในกรอบพหุภาคีที่ต่างกำลังชี้แจงจุดยืนข้อเท็จจริงในเวทีโลก ภายใต้อนุสัญญาต่าง ๆ เพื่อยึดมั่นต่อพันธกรณีระหว่างประเทศของไทย
ไทยขอยืนยันเจตนารมณ์ในการแก้ไขข้อพิพาทบนสันติวิธี บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมร่วมมือกับประชาชนระหว่างประเทศในการธำรงสันติภาพและเสถียรภาพ เรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการกระทำที่เป็นการละเมิดหยุดยิง และกลับเข้าสู่กระบวนการเจรจาอย่างสุจริตใจและจริงใจ
นายนิกรเดช ขอวิงวอนให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาล ทุกหน่วยงานได้บูรณาการความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อปกป้องอธิปไตย ฃบูรณภาพดินแดน ศักดิ์ศรี สถานะของไทยระหว่างประเทศ และยึดถือผลประโยชน์และความปลอดภัยของคนไทยไว้เหนือสิ่งอื่นใดเสมอมา
ในช่วงตอบคำถาม นายนิกรเดช ยังกล่าวถึงกรณีที่กัมพูชามีถ้อยแถลงผ่านเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสหภาพรัฐสภาที่ยืนยันว่าไทยเปิดฉากยิงก่อนรวมถึงใช้สารเคมีว่า คำพูดดังกล่าวถือเป็นการบิดเบือนข้อมูล จึงเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดการกระทำเช่นนี้ โดยเรื่องดังกล่าวนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาไทยได้ตอบโต้ไปแล้ว ไทยขอแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการกล่าวหาของฝ่ายกัมพูชา
ขณะที่ใช้อาวุธเคมี กระทรวงการต่างประเทศได้ทำการประท้วงและประณามไปที่กัมพูชาแล้ว เพราะเป็นการบิดเบือนข้อมูลอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากไทยเป็นภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี เรายืนยันว่าเราไม่มีอาวุธเคมีและไม่เคยใช้ ส่วนรูปที่กัมพูชากล่าวอ้างก็เป็นเฟกนิวส์ เข้าใจว่าเป็นภาพการดับไฟป่าในประเทศอื่น เป็นการบิดเบือนข้อมูลโดยโฆษกทหารของกัมพูชา จึงขอให้สื่อมวลชนและสาธารณชนฟังข้อมูลข่าวสารจากทางการของไทย อย่าหลงเชื่อการบิดเบือนข้อมูลจากกัมพูชา
นายนิกรเดช กล่าวถึงกรณี นายฌอน เค. โอนีลล์ ว่าที่ทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เตือนไทยทำสงครามกับเพื่อน เป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ว่า เป็นการพูดจริง โดยเขาถูกถามโดยการประชุมวุฒิสภา ซึ่งก่อนที่ทูตจะผ่านการรับรองในกระบวนการของสหรัฐอเมริกา จะต้องตอบคำถามของที่ประชุมวุฒิสภา ซึ่ง เป็นคำถามโดยตรงเกี่ยวกับการเป็นทูตที่ประเทศไทยจะพูดอะไรกับฝ่ายไทยซึ่งเป็นการให้ความเห็นโดยตรงเกี่ยวกับประเทศไทย ซึ่งฝ่ายกัมพูชานำไปปั่นกระแส และผู้เสมือนว่าโจมตีประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่มีการตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อย
ส่วนที่กัมพูชามีการเชิญผู้ช่วยทูตทหารและผู้สังเกตการณ์ลงพื้นที่กระทรวงการต่างประเทศมีความกังวลเรื่องนี้หรือไม่ ขณะที่ไทยจะมีการเชิญผู่ช่วยทูตทหารร่วมลงพื้นที่เมื่อไหร่นั้น นายนิกรเดช ระบุว่า การเชิญผู้ช่วยทูตทหารของกัมพูชาถือเป็นสิทธิ์ แต่ยืนยันว่าไม่กังวล ซึ่งหากตนเป็นเขาจะมีความกังวลมากกว่า เพราะเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งจะได้เห็นข้อเท็จจริงในพื้นที่ ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมของไทยกำลังประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่ ส่วนที่เหตุใดจึงลงพื้นที่ช้านั้น เพราะเราไม่รู้ว่าฝ่ายกัมพูชาจะมีการละเมิดอีกเมื่อไหร่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของคณะที่เราจะพาลงพื้นที่ โดยคาดว่าน่าจะเป็นวันศุกร์นี้ (1 ส.ค.) รวมถึงสื่อมวลชนด้วย ที่จะได้เห็นสถานที่และข้อเท็จจริงในการทำร้ายประชาชนที่ไม่ใช่ทหารซึ่งน่าจะเป็นหลักฐานให้กับผู้ช่วยทูตทหารโดยเฉพาะกลุ่มอาเซียน มาเลเซีย สหรัฐฯ และจีนซึ่งประเทศเหล่านี้ได้รับเชิญไปทั้งหมดแล้ว เราคิดว่าไม่ใช่เรื่องของความรวดเร็ว แต่เป็นเรื่องของความมั่นใจในด้านความปลอดภัย.-312.-สำนักข่าวไทย