ศปถ.สรุปยอดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ วันที่ 3 เสียชีวิต 79 ราย

ปภ.14 เม.ย.-ศปถ.สรุปยอดอุบัติเหตุทางถนนช่วงสงกรานต์ประจำปี 2560 วันที่ 3 เกิดอุบัติเหตุ 748 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 79 ราย บาดเจ็บ 752 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ เมาแล้วขับ จังหวัดเชียงใหม่และอุดรธานีเกิดอุบัติเหตุสูงสุด จังหวัดละ 33 ครั้ง ขณะที่จังหวัดสกลนคร และกรุงเทพฯ มีผู้เสียชีวิตสูงสุด จังหวัดละ 5 ราย ด้าน รมว.ท่องเที่ยวฯ มั่นใจมาตรการควบคุมความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้นของรัฐบาล ไม่ทำให้การท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ของปีนี้ซบเซา


ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2560 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้สรุปสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนประจำวันที่ 13 เมษายน 2560 ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการรณรงค์ภายใต้แนวคิด “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” พบว่า เกิดอุบัติเหตุ 748 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 79 ราย บาดเจ็บ 752 คน  สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาแล้วขับ 402 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 48.80 รองลงมาเป็นขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด 240 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 27.54 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 668 คัน คิดเป็นร้อยละ 86.53 พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย เมาแล้วขับ ขับรถเร็ว ตัดหน้ากระชั้นชิด และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 62.97 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 18.17 ทั้งนี้ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,043 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 64,141 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 795,063 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 136,509 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 38,746 ราย ไม่มีใบขับขี่ 36,457 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่และอุดรธานี จังหวัดละ 33 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตสูงสุดที่จังหวัดสกลนครและกรุงเทพมหานคร จังหวัดละ 5 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดที่จังหวัดเชียงใหม่ 37 คน

ขณะที่สรุปอุบัติเหตุบนถนน สะสม 3 วันตั้งแต่วันที่ 11 จนถึงวันที่ 13 เมษายน เกิดอุบัติเหตุรวม 1,743 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 167 ราย บาดเจ็บ 1,795 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดสะสม คือ จังหวัดเชียงใหม่ 83 ครั้ง จังหวัดนครราชสีมามีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด 9 ราย สำหรับจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดสะสม คือ จังหวัดเชียงใหม่ 86 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตมี 16 จังหวัด จังหวัดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บในช่วง 3 วันมี 1 จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิ  ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบสถิติการเกิดอุบัติเหตุสะสมช่วง 3 วันกับปี 2559 พบว่า เกิดอุบัติเหตุสะสมลดลง 82 ครั้ง แต่ผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มขึ้น 14 ราย ผู้บาดเจ็บสะสมเพิ่มขึ้น 18 คน


ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า รัฐบาลต้องการปรับมุมมองการทำงาน เน้นให้ทุกชีวิตมีค่า เน้นให้เกิดการรักษาความปลอดภัย ทำอย่างไรไม่ให้รณรงค์เฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทุกคนต้องสวมหมวกนิรภัยและคาดเข็มขัดนิรภัย เพื่อลดอุบัติเหตุและสร้างวินัยจราจรให้เป็นวัฒนธรรมการใช้ถนนของคนไทย แม้สถิติการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงตัวเลขการเสียชีวิตจะลดน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา แต่รัฐบาลยังคงไม่พอใจ เนื่องจากเป้าหมายของรัฐบาล คือ ไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียหรือเกิดอุบัติเหตุกับประชาชน ซึ่งการออกกฎระเบียบที่เข้มงวดของรัฐบาล เพื่อต้องการให้ประชาชนมีความปลอดภัย และเห็นว่าต้องค่อย ๆ ปรับตัวตามกฎระเบียบจากประเทศไทยไปสู่ประเทศที่มีความปลอดภัยสูงหลายประเทศ โดยตลอดทั้งปีนี้จะมีการรณรงค์เรื่องการสร้างวินัยการจราจร เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาถึงสาเหตุของการเกิดเหตุและเสียชีวิตย้อนหลังไป 5 ปี ซึ่งพบว่าร้อยละ 80 พบว่ามีสาเหตุมาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่มีส่วนสำคัญในการเกิดอุบัติเหตุและสามารถป้องกันได้

“มั่นใจว่าการออกมาตรการควบคุมความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้นของรัฐบาล ไม่ทำให้การท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของปีนี้ซบเซา เพราะมียอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5% ขณะที่ยอดการท่องเที่ยวในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น 8% และยังมียอดการจองที่พักทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นางกอบกาญจน์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

ลุ้นผลประชุม JBC ไทย-กัมพูชา

14 มิ.ย.- ประชาชน 2 ประเทศลุ้นผลการประชุม JBC ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว นายเปง สุเพีย ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานว่าก่อนการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา ขณะนี้เป็นการประชุมกลุ่มเล็ก ผ่านไปกว่า 2 ชม. ยังไม่ออกมา ประชาชนสองประเทศลุ้นผลการประชุม ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว .-สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]