รุดหน้า “ต้นแบบสถานีตรวจอากาศอัตโนมัติ”

กรุงเทพ 5 พ.ย.- กทปส.สรุปผลการจัดสรรเงินกองทุนปี 63 กว่า 2,600 ล้านบาท สู่ 85 โครงการ พร้อมลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและตรวจสอบการใช้งาน “ต้นแบบสถานีตรวจอากาศอัตโนมัติ” ของสมาคมวิทยุสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ


กองทุนวิจัยและพัฒนา กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) สรุปผลการจัดสรรเงินกองทุนปี 2563 มูลค่ากว่า 2,600 ล้านบาท สู่ 85 โครงการเพื่อประโยชน์สาธารณะ พร้อมลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและตรวจสอบการใช้งาน “ต้นแบบสถานีตรวจอากาศอัตโนมัติ” ของสมาคมวิทยุสมัครเล่นแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายใต้กองทุนประเภทที่ 1

นวัตกรรม “ต้นแบบสถานีตรวจอากาศอัตโนมัติ” เป็นระบบติดตามสภาพอากาศเรียลไทม์ ด้วยคลื่นความถี่และเน็ตไฮสปีด หนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินแนวทางป้องกันภัยพิบัติ ระบุพิกัดทีมค้นหาและช่วยเกษตรกรวางแผนเพาะปลูกแนวใหม่ หลังพบประเทศไทยและเพื่อนบ้านเผชิญสภาพภูมิอากาศแปรปรวน ทั้งนี้ สถานีดังกล่าวผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและมาตรฐาน จากสมาคมวิทยุสมัครเล่นฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และล่าสุดได้รับการติดตั้งทั่วประเทศรวม 40 จุด


​นายนิพนธ์ จงวิชิต ผู้อำนวยการกองทุนวิจัยและพัฒนา กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เปิดเผยว่า กทปส. มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านการจัดสรรงบประมาณแก่หน่วยงานต่างๆ สู่การพัฒนาและสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นรูปธรรมอย่าง “นวัตกรรม/งานวิจัย” ที่เกี่ยวข้องในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม อันก่อให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชน เศรษฐกิจ และสังคมในภาพรวม โดยที่ผ่านมา ในปี 2563 กทปส.ดำเนินการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนา รวมกว่า 2,600 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

• ทุนประเภทที่ 1 (Open Grant) ครอบคลุม 41 โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 256 ล้านบาท

• ทุนประเภทที่ 2 ประกอบด้วย ทุนมุ่งเน้นการบรรลุความสำเร็จตามนโยบายคณะกรรมการบริหารกองทุน มีประกาศ TOR จำนวน 33 โครงการ รวม 606 ล้านบาท ทุนต่อเนื่อง ที่ให้กับโครงการวิจัยที่เคยได้รับทุนและต้องการต่อยอดงานวิจัย จำนวน 2 โครงการ รวม 33.3 ล้านบาท และ ทุนกรณีทำความตกลงกับหน่วยงานของรัฐ จำนวน 4 โครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา


• ทุนประเภทที่ 3 ทุนตามที่ กสทช.กำหนด ครอบคลุม 4 งานหลัก รวมเป็นเงินกว่า 1,310 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการสนับสนุนการส่งสัญญาณผ่านดาวเทียม (Must Carry) ปี 2563 โครงการสนับสนุนอุปกรณ์คำบรรยายแทนเสียง และบรรยายเสียงแทนภาพ (AD,CC) โครงการสนับสนุนสถานพยาบาลและโรงพยาบาลภาคสนามในการต่อสู้สถานการณ์ โควิด-19 (COVID-19) กรอบวงเงิน 750,000,000 บาท และโครงการสนับสนุนการถ่ายทอดกีฬาโอลิมปิก

• ทุนประเภทที่ 4 ทุนสนับสนุนการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จำนวน 500 ล้านบาท

​โดยล่าสุด กทปส.ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานติดตั้ง และตรวจสอบประสิทธิภาพ “ต้นแบบสถานีตรวจอากาศอัตโนมัติ” ของสมาคมวิทยุสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่จังหวัดกระบี่ หนึ่งในโครงการที่ได้รับทุนประเภทที่ 1/2561 ซึ่งเป็นระบบติดตามสภาพอากาศเรียลไทม์ ด้วยคลื่นความถี่และเน็ตไฮสปีด หนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินแนวทางป้องกันภัยพิบัติ ระบุพิกัดทีมค้นหา และช่วยเกษตรกรวางแผนเพาะปลูกแนวใหม่ ภายใต้โครงการ “โครงข่ายสื่อสำรองฉุกเฉินไร้สายระบุพิกัดอัจฉริยะ เพื่อการติดตามเฝ้าระวังภัยธรรมชาติและ SAR” หลังพบว่าหลายพื้นที่ในประเทศไทย เผชิญสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น การมีเทคโนโลยีที่ช่วยคาดการณ์สภาพภูมิอากาศ หรือรายงานข้อมูลทางธรรมชาติที่จำเป็น โดยการใช้ประโยชน์จากโครงข่ายไร้สายประสิทธิภาพสูง จึงนับมีส่วนสำคัญยิ่ง ในการป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต นายนิพนธ์ กล่าวทิ้งท้าย

​ด้าน ดร.จักรี ห่านทองคํา นายกสมาคมวิทยุสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นักวิจัยเจ้าของผลงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้นแบบสถานีตรวจอากาศอัตโนมัติ ประกอบด้วยอุปกรณ์สำคัญ 4 ส่วน ดังนี้ 1.สถานีรับข้อมูล (igate WX station) เพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลทางธรรมชาติและข้อมูลประกอบแต่ละจังหวัด 2.อุปกรณ์ตรวจวัด (Sensor) ที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ เพื่อส่งข้อมูลต่อไปยังสถานีรับข้อมูล 3.อุปกรณ์ระบบสายอากาศย่าน VHF ความถี่ 144.390 MHz และ 4.สายนำสัญญาณ แหล่งจ่ายพลังงาน พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วงส่วนต่างๆ

ขั้นตอนการทำงานของสถานีฯ คือ sensor จะตรวจวัดค่าทุก 10 นาที แล้วส่งข้อมูลมาที่สถานีรับข้อมูล igate จากนั้นจะส่งต่อข้อมูลมายังศูนย์รวมกลางเพื่อเก็บรวบรวม เพื่อนำข้อมูลมาประมวล และแสดงผล ตามที่ต้องการ ซึ่งสามารถนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้งานในบริบทต่าง ๆ ได้ใน 3 มิติ ดังรายละเอียดต่อไปนี้

• ช่วยรัฐวางแผนเฝ้าระวัง/ป้องกันภัยธรรมชาติ ระบบจะทำการรายงานข้อมูลทางธรรมชาติที่จำเป็นแบบเรียลไทม์ (Real Time) จากอุปกรณ์ตรวจวัด (Censor) ในทุกพื้นที่ของประเทศ อาทิ อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ ความกดอากาศ ปริมาณน้ำฝน ทิศทางลม ค่าฝุ่นในอากาศ (PM2.5) เพื่อเป็นข้อมูลแก่ทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน พลเรือน หน่วยงานของรัฐ ในการติดตาม เฝ้าระวัง และวางแผนป้องกัน ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกล ผ่านการสื่อสารในรูปแบบคลื่นความถี่วิทยุย่านความถี่ VHF ที่ไม่จำกัดโดยลักษณะภูมิศาสตร์ พร้อมทั้งแสดงผลในรูปแบบภาพกราฟิก ที่ง่ายต่อการเข้าใจและนำไปใช้งาน จึงทำให้ประชาชนทุกคน มีโอกาสในการเลือกรับข้อมูลที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

• ปักหมุดค้นหาและช่วยเหลือแบบเรียลไทม์ ระบบจะทำการประมวลผลภูมิศาสตร์ พร้อมปักหมุดค้นหาและแสดงผลแบบเรียลไทม์ ในลักษณะ (ไฟแดงกระพริบที่โปรแกรม) โดยสามารถระบุ/จำแนกสิ่งต่างๆ ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งบุคคล รถยนต์ เครื่องบิน เรือ และพาหนะต่างๆ อีกทั้งยังสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ในทุกพื้นที่ จากทุกมุมโลกผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet) โดยผู้ใช้งานสามารถกำหนดขอบเขต หรือเส้นทางการช่วยของทีมได้แบบเรียลไทม์ สามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ตามสถานการณ์เฉพาะหน้า โดยไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่จริง เพื่อให้ผู้บริหารหรือผู้บัญชาการสถานการณ์ฉุกเฉิน สามารถปฏิบัติการค้นหาช่วยเหลือระยะไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• ช่วยเกษตรกรวางแผนเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิต ระบบจะแสดงข้อมูลที่จำเป็นต่อการวางแผนเพาะปลูกในหลากมิติ อาทิ ปริมาณน้ำฝน ความชุ่มชื้นของดิน ระดับน้ำในแม่น้ำ/คลอง ความเร็วลม สภาพภูมิอากาศ อีกทั้งยังเก็บข้อมูลเป็นสถิติเพื่อนำมาใช้ในการพิจารณา รวมถึงวางแผนทำการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) หรือเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นข้อมูลสำคัญในการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติการทำฝนหลวง ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ด้านการบริหารจัดการด้านการบิน ในอนาคต

​ทั้งนี้ ผลงานดังกล่าวเป็นผลงานภายใต้ความร่วมมือกับภาควิชาวิศวกรรมโยธาโทรคมนาคม คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยปัจจุบันทางสมาคมฯ ดำเนินการติดตั้งสถานีตรวจอากาศอัตโนมัติ เป็นที่เรียบร้อยแล้วรวม 40 จุด ครอบคลุม 40 จังหวัดทั่วประเทศ โดยพร้อมรองรับการใช้งานได้ในทุกแพลตฟอร์ม ทั้งคอมพิวเตอร์ ไอโอเอส (iOS) และแอนดรอยด์ (Android) อีกทั้งยังผ่านการทดสอบประสิทธิภาพ โดยสมาคมวิทยุสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]