อนามัยโลกเตือนความเสี่ยงจากโอไมครอนยังสูงมาก

เจนีวา 29 ธ.ค. – องค์การอนามัยโลกระบุว่า ความเสี่ยงที่เกิดจากการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังคงอยู่ในระดับสูงมาก ในขณะที่ทั่วโลกพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานับถึงวันอาทิตย์ องค์การอนามัยโลกระบุในรายงานอัปเดตสถานการณ์ด้านระบาดวิทยารายสัปดาห์เมื่อวันพุธว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นต้นเหตุที่ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดพุ่งสูงขึ้นในหลายประเทศ ความเสี่ยงโดยรวมที่เชื่อมโยงกับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังคงอยู่ในระดับสูงมาก โดยที่เชื้อดังกล่าวจัดอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวล มีหลักฐานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่แสดงให้เห็นว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาถึง 2 เท่าภายใน 2-3 วัน และทำให้หลายประเทศพบผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เช่น อังกฤษและสหรัฐ ซึ่งพบการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสายพันธุ์หลักแล้ว ทั้งนี้ การระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อดังกล่าวอาจเกิดขึ้นจากการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันและการแพร่เชื้อที่เพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวระบุว่า แอฟริกาใต้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดลดลงถึงร้อยละ 29 โดยที่แอฟริกาใต้เป็นประเทศแรกที่พบการระบาดของเชื้อดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน นอกจากนี้ ข้อมูลเบื้องต้นจากอังกฤษ แอฟริกาใต้ และเดนมาร์ก ซึ่งเป็นประเทศที่พบอัตราผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนต่อประชากรสูงที่สุดในโลก ชี้ว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวมีอัตราทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา แต่ยังคงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความรุนแรงของเชื้อโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวต่อไป นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังระบุว่า กลุ่มประเทศที่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงสุด ได้แก่ สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส และอิตาลี.-สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกชี้ไม่มีประเทศใดรอดพ้นโควิดระบาด

เจนีวา 23 ธ.ค. – องค์การอนามัยโลกเตือนเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า การที่ประเทศร่ำรวยเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ประชาชนของตนเองยิ่งตอกย้ำปัญหาความไม่เท่าเทียมด้านวัคซีนโควิดที่อาจทำให้การระบาดของโรคโควิดไม่จบสิ้น และไม่มีประเทศใดสามารถรอดพ้นจากการระบาดของโรคโควิดได้ ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวย้ำว่า ทั่วโลกยังคงต้องให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนโควิดในกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิดสูงมากกว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว และไม่มีประเทศใดสามารถรอดพ้นจากการระบาดของโรคโควิดได้ การเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแบบครอบคลุมของประเทศร่ำรวยมีแนวโน้มที่จะยืดเวลาการระบาดออกไปมากกว่าทำให้การระบาดยุติลง การส่งวัคซีนโควิดไปยังประเทศที่มีอัตราฉีดวัคซีนครบสองโดสในระดับสูงจะยิ่งทำให้เชื้อโควิดมีโอกาสแพร่ระบาดและกลายพันธุ์มากขึ้น ดร. ทีโดรส ยังระบุว่า เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจอย่างยิ่งเมื่อยังคงมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในทวีปแอฟริกามากถึงร้อยละ 75 ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด ทั้งที่ทั่วโลกได้เริ่มฉีดวัคซีนโควิดมาปีหนึ่งแล้ว ขณะที่ข้อมูลของสหประชาชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุว่า ประเทศที่มีรายได้สูงฉีดวัคซีนโควิดโดสแรกให้ประชาชนร้อยละ 67 ส่วนประเทศที่มีรายได้ต่ำยังฉีดวัคซีนโดสแรกได้ไม่ถึงร้อยละ 10 ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของ ดร. ทีโดรส มีขึ้นในขณะที่เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน โดยพบแล้วใน 106 ประเทศทั่วโลก. -สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกเตือนเลิกจัดงานคริสต์มาส-ปีใหม่สกัดโอไมครอน

เจนีวา 21 ธ.ค. – องค์การอนามัยโลกเตือนให้ยกเลิกจัดงานสังสรรค์หรือการเดินทางในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่เพื่อปกป้องระบบสาธารณสุขท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทั่วโลก ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก แถลงเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ผู้คนทั่วโลกรู้สึกเบื่อหน่ายกับการระบาดของเชื้อโควิด ทุกคนต้องการใช้เวลาอยู่ร่วมกับเพื่อนฝูงและครอบครัว รวมถึงการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติดังเดิม แนวทางที่รวดเร็วที่สุดในตอนนี้เพื่อให้ทุกคนไปถึงจุดหมายนั้นก็คือ ผู้นำประเทศต้องตัดสินใจยกเลิกการจัดงานช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ส่วนประชาชนต้องยกเลิกแผนการเดินทางในช่วงดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องชีวิตของทุกคน เขามองว่า การประกาศยกเลิกหรือเลื่อนการจัดงานในตอนนี้ยังดีกว่าต้องมานั่งเสียใจเรื่องยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดในภายหลัง ดร. ทีโดรส ยังระบุว่า การระบาดของโรคโควิดอาจยุติลงภายในปีหน้า เนื่องจากจะมีประชากรร้อยละ 70 ของทุกประเทศทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบโดสในช่วงกลางปีหน้า นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้จีนเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดของโรคโควิดมากขึ้น องค์การอนามัยโลกจำเป็นต้องเดินหน้าสืบสวนเรื่องนี้ต่อไปจนกว่าจะรู้ที่มาของโรคโควิดเพื่อใช้เป็นกรณีศึกษาสำหรับการป้องกันโรคภัยอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ในขณะเดียวกัน โซเมีย สวามินาตัน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า การด่วนสรุปจากหลักฐานเบื้องต้นว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนัก พร้อมทั้งเตือนว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้ระบบสาธารณสุขทั่วโลกเผชิญกับภาวะตึงตัวอีกครั้ง. -สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกเตือนโอไมครอนแพร่เร็วอย่างไม่เคยพบมาก่อน

เจนีวา 15 ธ.ค. – องค์การอนามัยโลกเตือนเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนกำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวใน 77 ประเทศแล้ว ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกแถลงว่า เขารู้สึกวิตกกังวลว่าประเทศต่าง ๆ ยังรับมือกับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ไม่ดีนัก ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าได้ประเมินความอันตรายของเชื้อดังกล่าวต่ำเกินไป แม้เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะทำให้เกิดอาการป่วยไม่รุนแรง แต่ก็อาจทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งจนระบบสาธารณสุขต้องเผชิญกับภาวะตึงตัว เขายังระบุเพิ่มเติมว่า การฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันอาจมีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ควรคำนึงถึงการจัดลำดับความสำคัญด้วย การฉีดวัคซีนเข็มที่สามให้แก่กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่ำต่ออาการป่วยหนักหรือเสียชีวิตจะทำให้ชีวิตของคนจำนวนมากที่มีความเสี่ยงสูงและยังไม่มีโอกาสเข้าถึงวัคซีนโควิดต้องตกอยู่ในอันตราย เนื่องจากปัญหาขาดแคลนวัคซีน บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า หลายประเทศทั่วโลกได้ประกาศใช้คำสั่งระงับการเดินทางจากแอฟริกาใต้และประเทศใกล้เคียงหลังพบเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนครั้งแรกในแอฟริกาใต้ แต่แนวทางดังกล่าวกลับประสบความล้มเหลวในการพยายามควบคุมการระบาด ขณะที่ผลการศึกษาล่าสุดของไฟเซอร์ระบุว่า วัคซีนโควิดมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนลดลงเมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่การฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สามจะช่วยกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้.-สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกชี้โอไมครอนแพร่เชื้อเร็วขึ้น-ลดประสิทธิภาพวัคซีน

เจนีวา 13 ธ.ค. – องค์การอนามัยโลกเผยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนแพร่เชื้อได้รวดเร็วกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา และทำให้วัคซีนป้องกันโรคโควิดมีประสิทธิภาพลดลง แต่เชื้อดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดอาการรุนแรงในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อ องค์การอนามัยโลกระบุว่า ขณะนี้ เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้แพร่ระบาดไปยัง 63 ประเทศทั่วโลกนับถึงวันที่ 9 ธันวาคม และพบการระบาดอย่างรวดเร็วในแอฟริกาใต้ ซึ่งพบการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาในระดับต่ำ และอังกฤษ ซึ่งพบการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาในระดับสูง ทั้งยังระบุว่า ยังขาดข้อมูลที่บ่งชี้ว่าอัตราแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นเพราะการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่น้อยลง การแพร่เชื้อที่รวดเร็วขึ้น หรือทั้งสองปัจจัยรวมกัน องค์การอนามัยโลกรายงานอ้างข้อมูลเบื้องต้นที่ระบุว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทำให้วัคซีนป้องกันโรคโควิดมีประสิทธิภาพลดลงในด้านการป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาด นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดยังชี้ว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนอาจเข้ามาแพร่ระบาดแทนที่เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาในชุมชนหลายแห่งทั่วโลก ทั้งนี้ ผลการศึกษาหลายชิ้นระบุว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทำให้เกิดอาการป่วยเล็กน้อย หรือไม่มีอาการป่วย แต่องค์การอนามัยโลกชี้ว่า ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะสรุปอาการที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อดังกล่าว ขณะนี้ หลายประเทศที่มีปริมาณวัคซีนโควิดเพียงพอ เช่น อังกฤษและฝรั่งเศส ต่างสนับสนุนให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน.-สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกเผยวัคซีนโควิดที่มีอยู่น่าจะต้านโอไมครอนได้

เจนีวา 8 ธ.ค. – เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลกระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่มีอยู่ในปัจจุบันน่าจะยังมีประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยรุนแรงในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน นพ. ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก เผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณที่ชี้ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโควิดได้ดีกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ ทั่วโลกมีวัคซีนโควิดประสิทธิภาพสูงที่ผ่านการรับรองว่าสามารถต้านทานเชื้อโควิดได้ทุกสายพันธุ์ในด้านการป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เขาคาดว่าวัคซีนโควิดที่มีอยู่จะยังคงมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ ข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อมีอาการรุนแรงขึ้นกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาและสายพันธุ์อื่น ๆ โดยมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงน้อยกว่าอีกด้วย อย่างไรก็ดี ความเห็นของ นพ. ไรอัน มีขึ้นในขณะที่ผลวิจัยล่าสุดของแอฟริกาใต้ ซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากคณะผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคอาจมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนลดลงถึง 40 เท่าเมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโควิดได้ไม่สมบูรณ์ ทั้งนี้ ผลการศึกษาดังกล่าวอ้างอิงจากการทดลองตัวอย่างเลือดจากอาสาสมัคร 12 คนในแอฟริกาใต้ ขณะนี้ ยังไม่มีข้อมูลที่ยืนยันว่าวัคซีนของโมเดอร์นา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และวัคซีนขนานอื่น ๆ มีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้หรือไม่.-สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกเตือนเอเชีย-แปซิฟิก เตรียมรับมือโอไมครอนระบาด

มะนิลา 3 ธ.ค. – เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลกเตือนให้ประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เตรียมรับมือกับยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้นจากการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนด้วยการเพิ่มขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขและการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบสองโดสให้แก่ประชาชน นพ. ทาเคชิ คาซาอิ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก แถลงวันนี้ว่า การใช้มาตรการควบคุมพรมแดนอาจช่วยซื้อเวลาเพื่อชะลอการระบาดได้ แต่ประเทศและชุมชนต่าง ๆ ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้น และไม่ควรพึ่งมาตรการควบคุมพรมแดนเพียงอย่างเดียว สิ่งที่สำคัญกว่าคือการเตรียมรับมือกับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่สามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว ขณะนี้ ข้อมูลที่มีอยู่ชี้ว่าประเทศต่าง ๆ ไม่ควรเปลี่ยนแนวทางควบคุมโรคโควิดที่ใช้กันอยู่ ทั้งยังระบุว่า ประเทศต่าง ๆ ต้องใช้บทเรียนที่ได้จากการรับมือกับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา และเรียกร้องให้เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบสองโดสในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิดสูง รวมถึงคงการใช้มาตรการป้องกันต่าง ๆ เช่น การสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคม สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อหาคำตอบว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสามารถแพร่ระบาดได้อย่างไร และทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงหรือไม่ หลังแอฟริกาใต้เผยว่าพบเชื้อดังกล่าวเป็นที่แรกของโลกเมื่อเดือนก่อนและองค์การอนามัยโลกประกาศให้เป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวล ทั้งนี้ มีหลายสิบประเทศทั่วโลกที่รายงานว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนก่อนที่ประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชียเริ่มพบผู้ป่วยติดเชื้อดังกล่าวในช่วงสัปดาห์นี้ ได้แก่ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินเดีย จนทำให้รัฐบาลของแต่ละประเทศต้องประกาศใช้มาตรการจำกัดการเดินทาง.-สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกเตือนคำสั่งห้ามเดินทางไม่ช่วยสกัดโอไมครอน

เจนีวา 1 ธ.ค. – องค์การอนามัยโลกเตือนว่า การใช้มาตรการห้ามการเดินทางแบบปูพรมกว้างขวางไปทั่วจะไม่ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนท่ามกลางสถานการณ์ที่หลายประเทศรีบประกาศใช้มาตรการดังกล่าวมากขึ้น ในขณะที่ภูมิภาคลาตินอเมริกาพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน 2 รายแรกแล้ว องค์การอนามัยโลกระบุเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า การใช้มาตรการห้ามการเดินทางที่ครอบคลุมเสี่ยงที่จะทำให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี หลังแคนาดาประกาศห้ามอีก 3 ประเทศจากทวีปแอฟริกาเดินทางเข้าประเทศ ได้แก่ ไนจีเรีย มาลาวี และอียิปต์ องค์การอนามัยโลกยังระบุในประกาศคำแนะนำการเดินทางว่า การใช้มาตรการดังกล่าวจะทำให้เกิดอุปสรรคระหว่างประเทศต่าง ๆ ในด้านการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน อย่างไรก็ดี องค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิดสูงและยังไม่ฉีดวัคซีนโควิด ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า เขาเข้าใจว่าประเทศต่าง ๆ ต้องหาทางปกป้องพลเมืองของตนจากเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่ยังไม่มีข้อมูลอธิบายอย่างชัดเจน แต่เขาขอให้ทั่วโลกอย่าตื่นตระหนก ให้ความร่วมมือ และทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ใช้มาตรการควบคุมเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนอย่างสมเหตุสมผล ในขณะเดียวกัน ภูมิภาคลาตินอเมริการะบุเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน 2 รายแรกที่เดินทางจากแอฟริกาใต้ไปยังบราซิล ขณะที่ญี่ปุ่นเผยว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกเมื่อวานนี้หลังใช้มาตรการห้ามผู้เดินทางต่างชาติเข้าประเทศได้เพียงวันเดียว ขณะนี้ มีหลายสิบประเทศและดินแดนทั่วโลกที่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ […]

อนามัยโลกเตือนทั่วโลกเสี่ยงโควิดโอไมครอนสูงมาก

เจนีวา 29 พ.ย. – องค์การอนามัยโลกระบุวันนี้ว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมีแนวโน้มที่จะแพร่ระบาดไปทั่วโลก และทำให้เกิดความเสี่ยงสูงมากทั่วโลก อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดการระบาดรุนแรงในบางประเทศ องค์การอนามัยโลกประกาศคำแนะนำทางเทคนิคให้แก่ประเทศสมาชิก 194 ประเทศทั่วโลก โดยเรียกร้องให้แต่ละประเทศเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดให้แก่ประชาชนที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิดสูง และสร้างความมั่นใจว่ายังคงใช้แผนแนวทางป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อปกป้องบริการสาธารณสุขที่จำเป็น ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมีการกลายพันธุ์ของโปรตีนบนส่วนหนามของไวรัสเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อวิถีของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ความเสี่ยงของเชื้อดังกล่าวทั่วโลกในภาพรวมจึงได้รับการประเมินให้อยู่ในระดับเสี่ยงสูงมาก องค์การอนามัยโลกยังระบุว่า ทั่วโลกจำเป็นต้องศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนให้มากขึ้นเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการที่เชื้อจะหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนและการติดเชื้อในครั้งก่อน ๆ โดยคาดว่าจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์หน้า ขณะนี้ เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้แพร่ระบาดไปยังหลายประเทศทั่วโลกแล้ว เช่น อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย และอิสราเอล. -สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกว่ายังไม่ชัดโควิดโอไมครอนทำให้ป่วยหนักขึ้น

เจนีวา 29 พ.ย. –  องค์การอนามัยโลกเผยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วขึ้น หรือทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงมากขึ้น เมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ องค์การอนามัยโลกระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อมูลในเบื้องต้นชี้ว่า อัตราผู้ป่วยติดเชื้อโควิดกำลังเพิ่มสูงขึ้นในแอฟริกาใต้ แต่อาจเป็นตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิดโดยรวม และไม่ได้เป็นยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ดี องค์การอนามัยโลกเน้นย้ำว่า มีหลักฐานเบื้องต้นระบุว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ และหายป่วยอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน องค์การอนามัยโลกกำลังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนต่อมาตรการรับมือโรคโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิดด้วย ขณะนี้ องค์การอนามัยโลกยังไม่พบข้อมูลที่ชี้ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะก่อให้เกิดอาการป่วยที่แตกต่างจากเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น รายงานเบื้องต้นที่เป็นผลการศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่มีอายุน้อยมีแนวโน้มที่จะมีอาการป่วยน้อยกว่าผู้ป่วยที่มีอายุมาก แต่การทำความเข้าใจเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของอาการป่วยจะต้องใช้เวลาอีกหลายวันไปจนถึงหลายสัปดาห์. -สำนักข่าวไทย

ผู้ผลิตวัคซีนโควิดเร่งหาทางรับมือไวรัสกลายพันธุ์

วอชิงตัน 28 พ.ย.- บริษัทผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กำลังเร่งหาทางรับมือกับเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระลอกใหม่ หลังจากองค์การอนามัยโลกประกาศให้ไวรัสโอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น เว็บไซต์สถานีวิทยุแห่งชาติหรือเอ็นพีอาร์ (NPR) ของสหรัฐได้รับการชี้แจงจากโมเดอร์นา ผู้ผลิตวัคซีนของสหรัฐว่า ได้ดำเนินยุทธศาสตร์แบบครอบคลุมเพื่อพยากรณ์ไวรัสสายพันธุ์น่ากังวลมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว ประกอบด้วยการเพิ่มปริมาณวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิจาก 50 ไมโครกรัมเป็น 100 ไมโครกรัม การศึกษาเรื่องฉีควัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิ 2 เข็มเพื่อป้องกันการกลายพันธุ์ดังที่พบในไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน และจะเร่งพัฒนาวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิที่สามารถป้องกันสายพันธุ์โอไมครอนได้โดยเฉพาะ ขณะที่จอห์นสันแอนด์จอห์นสันของสหรัฐชี้แจงต่อเอ็นพีอาร์ว่า ได้เริ่มการทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนกับไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว ด้านบริษัทไฟเซอร์ของสหรัฐและไบออนเทคของเยอรมนีเผยกับรอยเตอร์ว่า คาดว่าจะเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์โอไมครอนได้ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจว่าจะต้องปรับปรุงวัคซีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันหรือไม่ หากต้องปรับปรุงก็พร้อมจะจัดส่งวัคซีนป้องกันสายพันธุ์โอไมครอนได้โดยเฉพาะภายในเวลาประมาณ 100 วัน องค์การอนามัยโลกได้รับรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่น หลักฐานเบื้องต้นบ่งชี้ว่า สายพันธุ์นี้เสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำเนื่องจากมีการกลายพันธุ์หลายตำแหน่ง สถานีโทรทัศน์อัลจาซีราห์รายงานว่า มีการยืนยันพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้แล้วในสหราชอาณาจักร อิตาลี เยอรมนี เบลเยียม อิสราเอล และฮ่องกง ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐหรือซีดีซี (CDC) แจ้งเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ แต่ นพ.แอนโทนี เฟาชี หัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของประธานาธิบดีสหรัฐเผยว่า ไม่แปลกใจหากจะพบเชื้อนี้ในสหรัฐ เพราะเป็นเชื้อที่แพร่ได้รวดเร็ว […]

อนามัยโลกจ่อประชุมด่วนสกัดโควิดกลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้

องค์การอนามัยโลกเปิดประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญนัดเฉพาะกิจที่เมืองเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ในเวลา 11.00 น. ของวันนี้ หรือตรงกับเวลา 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เพื่อประเมินเกี่ยวกับสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กลายพันธุ์ใหม่ที่พบในแอฟริกาใต้ ท่ามกลางความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

1 5 6 7 8 9 28
...