ฉีดวัคซีนโควิด

บูอิน 4 ม.ค.- สวนสัตว์ในชิลีทดลองฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้แก่สัตว์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ในจำนวนนี้มีเสือเบงกอลและลิงอุรังอุตังบอร์เนียวที่เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์รวมอยู่ด้วย สวนสัตว์บูอิน ทางตอนกลางของชิลีฉีดวัคซีนเข็มแรกให้แก่สัตว์ 10 ตัว เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ประกอบด้วยเสือเบงกอลอายุ 3 ปี ลิงอุรังอุตังบอร์เนียวอายุ 26 ปี สิงโต 3 ตัว เสือพูม่า 3 ตัว และเสือ 2 ตัว และฉีดเข็มที่สองเมื่อวันจันทร์ เป็นวัคซีนทดลองที่พัฒนาสำหรับใช้กับสัตว์โดยเฉพาะ และยังไม่มีวางจำหน่าย หัวหน้าแผนกสัตวบาลของสวนสัตว์กล่าวว่า เป็นการปกป้องสัตว์ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อสูงที่สุด ขณะเดียวกันเป็นการทดสอบว่าวัคซีนสามารถกระตุ้นให้สัตว์สร้างภูมิคุ้มกันหรือไม่ และภูมิจะอยู่ได้นานเพียงใด สวนสัตว์แห่งนี้ยังไม่เคยตรวจหาเชื้อไวรัสกับสัตว์ เนื่องจากยังไม่พบสัตว์แสดงอาการ ก่อนหน้านี้มีรายงานพบสัตว์ติดโควิดในหลายประเทศ เช่น สิงโตในสิงคโปร์ โครเอเชีย สหรัฐ ฮิปโปในเบลเยียม เสือสุมาตราในอินโดนีเซีย ลิงกอริลลาในสหรัฐ  ชิลิเป็นประเทศแรกในลาตินอเมริกาที่เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้สัตว์ ขณะที่สวนสัตว์หลายแห่งในสหรัฐประกาศฉีดวัคซีนให้สัตว์ไปแล้ว ส่วนการฉีดวัคซีนในคน ประชากรชิลีวัย 3 ปีขึ้นไปฉีดครบโดสแล้วเกือบร้อยละ 90 และฉีดเข็ม […]

กัวลาลัมเปอร์ 28 ธ.ค. – นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซีย เผยวันนี้ว่า มาเลเซียจะร่นการเว้นช่วงฉีดวัคซีนเข็มที่สามของไฟเซอร์และแอสตราเซเนกาเหลืออย่างน้อย 3 เดือนในกลุ่มผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดส นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย ระบุว่า แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับมาตรการที่ใช้กันในหลายประเทศทั่วโลก เช่น เยอรมนีและออสเตรเลีย ซึ่งแนะนำให้ร่นการเว้นระยะฉีดวัคซีนเข็มที่สามให้สั้นลงเหลืออย่างน้อย 3 เดือนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า มาเลเซียมีแนวโน้มเกิดการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในชุมชนสูงมาก หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวที่ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศเมื่อเร็ว ๆ นี้ในรัฐซาราวัก ปัจจุบันมาเลเซียแนะนำให้ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดของซิโนแวคครบสองโดสเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มสามของไฟเซอร์หรือแอสตราเซเนกาโดยเว้นระยะห่างอย่างน้อย 3 เดือน ส่วนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนสองเข็มแรกของไฟเซอร์หรือแอสตราเซเนกาควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มสามโดยเว้นระยะห่าง 6 เดือน ขณะนี้ มาเลเซียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 2.7 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 31,000 คน. -สำนักข่าวไทย

ฮ่องกง 28 ธ.ค. – ฮ่องกงเตรียมจะขยายมาตรการบังคับฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ครอบคลุมถึงโรงเรียนและสถานที่ทำงาน เพื่อเพิ่มการป้องกันเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศทั่วโลก สถานีโทรทัศน์เคเบิลทีวีของฮ่องกงรายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เผยนามในวันนี้ว่า รัฐบาลฮ่องกงกำลังวางแผนออกข้อกำหนดฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดให้ครอบคลุมถึงโรงเรียนและสถานที่ทำงาน หลังจากที่ได้ใช้ข้อกำหนดดังกล่าวกับบาร์ คลับ โรงอาบน้ำ ร้านคาราโอเกะ และร้านอาหารบางส่วน แต่จะยกเว้นให้แก่กลุ่มที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งต้องมีเอกสารรับรองทางการแพทย์ ในขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์ของฮ่องกงรายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เผยนามว่า ฮ่องกงเตรียมออกข้อกำหนดให้ลูกเรือของสายการบินขนส่งสินค้าต้องกักตัวในโรงแรมและกำลังพิจารณาขยายข้อกำหนดฉีดวัคซีนโควิดให้ครอบคลุมถึงโรงเรียนด้วย อย่างไรก็ดี รัฐบาลฮ่องกงยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว ก่อนหน้านี้ รัฐบาลฮ่องกงให้ออกข้อกำหนดเมื่อสัปดาห์ก่อนให้พนักงานของรัฐแสดงใบรับรองฉีดวัคซีนโควิดเมื่อเข้าอาคารหรือสถานที่ทำงานของรัฐบาลตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าเป็นต้นไป ฮ่องกงยังคงเดินหน้าใช้ยุทธศาสตร์ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเป็นศูนย์เช่นเดียวกับจีน ขณะนี้ ฮ่องกงมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 12,500 คน และผู้เสียชีวิต 213 คน โดยมีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดสร้อยละ 62 จากประชากรทั้งหมด 7.5 ล้านคน. -สำนักข่าวไทย

วอชิงตัน 28 ธ.ค.- ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐเตือนชาวอเมริกันไม่ต้องตื่นตระหนก แต่โรงพยาบาลบางแห่งอาจมีผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ล้นโรงพยาบาล และไม่ตอบเรื่องจะบังคับผู้โดยสารเที่ยวบินในประเทศฉีดวัคซีนหรือไม่ ประธานาธิบดีไบเดนย้ำในการประชุมแบบเสมือนจริงกับผู้ว่าการรัฐหลายรัฐและคณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่อย่างรวดเร็วจะไม่ส่งผลแบบเดียวกับเมื่อครั้งที่โรคโควิด-19 เริ่มระบาดเมื่อต้นปี 2563 หรือไวรัสสายพันธุ์เดลตาระบาดกลางปีนี้ โอไมครอนเป็นเรื่องที่น่ากังวลแต่ไม่ควรเป็นเรื่องที่ตื่นตระหนก เพราะการตรวจหาเชื้อและฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงมากขึ้นทำให้ผู้ติดเชื้อจำนวนมากอาการไม่หนัก อย่างไรก็ดี เนื่องจากยังมีคนอีกหลายสิบล้านคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จึงมีผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น ทำให้โรงพยาบาลบางแห่งรับมือไม่ไหว ทั้งในแง่บุคลากรและเครื่องไม้เครื่องมือ ประธานาธิบดีไบเดนยอมรับว่า แม้ได้เพิ่มศักยภาพการตรวจหาเชื้อแล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอ รัฐบาลจะขยายศูนย์ตรวจฟรีและเพิ่มจำนวนยี่ห้อชุดตรวจหาเชื้อที่บ้าน จากที่ไม่มีเลยเมื่อครั้งเริ่มบริหารประเทศ เป็นมี 8 ยี่ห้อแล้วในขณะนี้ และกำลังซื้อชุดตรวจแจกประชาชนฟรี 500 ล้านชุด ส่วนในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ประธานาธิบดีไบเดนไม่ยอมเรื่องอนุมัติให้บังคับฉีดวัคซีนกับผู้โดยสารเที่ยวบินในประเทศหรือไม่ ตามที่ นพ.แอนโทนี เฟาชี หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดีเสนอแนะระหว่างให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอ็มเอสเอ็นบีซี (MSNBC).-สำนักข่าวไทย

เยรูซาเลม 27 ธ.ค.- โรงพยาบาลในอิสราเอลทดลองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เข็มที่ 4 กับกลุ่มอาสาสมัครในวันนี้ แต่ต้องรอให้กระทรวงสาธารณสุขอนุมัติว่าจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้กับกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ เพื่อยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ศูนย์การแพทย์ชีบาทดลองฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 กับบุคลากรทางการแพทย์ 150 คน ในเมืองรามัตกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตมหานครเทลอาวีฟ มุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพของวัคซีนในการสร้างสารภูมิต้านทานหรือแอนติบอดี และความปลอดภัย เพื่อสร้างให้แน่ใจว่าคนทั่วไปจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 หรือไม่ สัปดาห์ที่แล้วคณะผู้เชี่ยวชาญในกระทรวงสาธารณสุขเสนอแนะให้อิสราเอลเป็นประเทศแรกของโลกที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 หรือเรียกว่าเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่ 2 ให้แก่ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีภูมิต้านทานอ่อนแอ และบุคลากรทางการแพทย์ รัฐบาลอิสราเอลเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ แต่ผู้มีอำนาจตัดสินใจคือ นพ.นัคมาน อาช ผู้อำนวยการใหญ่ทางการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งจะตัดสินใจโดยปราศจากการแทรกแซงจากรัฐบาล สื่ออิสราเอลคาดว่า นพ.อาชอาจปรับเพิ่มเกณฑ์อายุผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 4 เป็น 70 ปี และไม่ให้รวมบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากกังวลเรื่องยังไม่มีข้อมูลผลการทดลองมากพอ ประชากรอิสราเอล 9 ล้าน 4 แสนคน รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วร้อยละ […]

นิวยอร์ก 27 ธ.ค.- นครนิวยอร์กของสหรัฐมีเด็กเข้าโรงพยาบาลเพราะติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า ครึ่งหนึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งไม่อยู่ในเกณฑ์รับการฉีดวัคซีน สำนักงานสาธารณสุขรัฐนิวยอร์กเตือนว่า แนวโน้มเด็กเข้าโรงพยาบาลเพราะโรคโควิด-19 กำลังเพิ่มขึ้น เฉพาะที่นครนิวยอร์กเพียงแห่งเดียวมีเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี เข้าโรงพยาบาลเพราะโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าระหว่างวันที่ 5 ธันวาคมจนถึงปัจจุบัน ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่อยู่ในเกณฑ์จะได้รับวัคซีน ข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ระบุว่า สหรัฐมีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยพบเฉลี่ยวันละเกือบ 190,000 คนในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ขณะเดียวกันการอุบัติขึ้นของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ประกอบกับเป็นช่วงเดินทางในเทศกาลหยุดยาวสิ้นปี ทำให้มีความต้องการตรวจหาเชื้ออย่างล้นหลาม นพ.แอนโทนี เฟาชี หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดียอมรับต่อสถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ว่า มีปัญหาการตรวจหาเชื้อและจะเร่งเพิ่มจุดตรวจหาเชื้อให้มากขึ้นในเดือนมกราคม พร้อมกับย้ำว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนแพร่ได้เร็วมากเป็นพิเศษจึงไม่ควรวางใจ เพราะการมีผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมากอาจสร้างปัญหามากกว่าการเป็นเชื้อที่มีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้.-สำนักข่าวไทย

ปานามาซิตี 22 ธ.ค.- ปานามาจะร่นระยะห่างการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เข็ม 3 หรือเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันลงครึ่งหนึ่งจาก 6 เดือนเป็น 3 เดือน หลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนคนแรกของประเทศ ประธานาธิบดีเลาเรนติโน กอร์ติโซ ทวีตผ่านทวิตเตอร์ว่า การฉีดวัคซีนเข็ม 3 จะมีขึ้นหลังจากฉีดเข็ม 2 ไปแล้ว 3 เดือน จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 6 เดือน เนื่องจากวัคซีนช่วยป้องกันการเสียชีวิต เขาจึงอนุมัติให้ศูนย์ฉีดวัคซีนทั่วประเทศลดระยะห่างการฉีดเข็ม 3 ลงเหลือ 3 เดือนให้แก่ประชากรวัย 16 ปีขึ้นไป โดยจะเป็นการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ ไม่ว่าเข็มก่อนหน้านี้จะเป็นไฟเซอร์หรือแอสตราเซนเนกาก็ตาม ข้อมูลของรัฐบาลปานามาระบุว่า ประชากร 4 ล้าน 2 แสนคน รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว 6 ล้านโดส ประชากรเป้าหมายร้อยละ 90 ได้ฉีดเข็มแรกแล้ว และร้อยละ 80 ได้ฉีดครบ 2 เข็ม ขณะที่มียอดติดเชื้อสะสมมากกว่า […]

เยรูซาเล็ม 22 ม.ค.- นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเน็ตต์ของอิสราเอลประกาศให้ชาวอิสราเอลวัย 60 ปี ขึ้นไปและบุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มที่เข้าเกณฑ์จะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เข็มที่ 4 ตามที่คณะผู้เชี่ยวชาญแนะนำ นายกรัฐมนตรีเบนเน็ตต์ทวีตผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า ได้สั่งการให้เตรียมการฉีดเข็ม 4 โดยทันที ก่อนหน้านี้เขากล่าวถึงการที่คณะผู้เชี่ยวชาญโรคระบาดของประเทศแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็ม 4 แก่ชาวอิสราเอลวัย 60 ปีขึ้นไปและบุคลากรทางการแพทย์ว่า เป็นข่าวที่ดีเยี่ยม เพราะจะช่วยให้อิสราเอลฝ่าฟันระลอกคลื่นการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนที่กำลังถาโถมทั้งโลก ต่อมาสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเปิดเผยถ้อยแถลงของเขาว่า พลเมืองอิสราเอลได้ฉีดวัคซีนเข็ม 3 เป็นกลุ่มแรกของโลก และจะเดินหน้าบุกเบิกเรื่องการฉีดเข็ม 4 ด้วยเช่นกัน ด้านกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลแถลงเพิ่มเติมว่า ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องเข้าเกณฑ์รับวัคซีนเข็ม 4 เช่นกัน การฉีดเข็ม 4 จะต้องห่างจากเข็ม 3 อย่างน้อย 4 เดือน ชาวอิสราเอล 9 ล้าน 3 แสนคนฉีดวัคซีนเข็ม 3 แล้วมากกว่า 4 ล้าน 1 แสนคน ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรีอิสราเอลได้ประกาศจำกัดการนั่งรับประทานอาหารในห้างสรรพสินค้า และให้เด็กในชุมชนที่มียอดเสียชีวิตสูงและอัตราฉีดวัคซีนต่ำ […]

สิงคโปร์ 14 ธ.ค. – สิงคโปร์จะเร่งเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดเข็มที่สามมากยิ่งขึ้นเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ระบุวันนี้ว่า ข้อมูลเบื้องต้นจากต่างประเทศชี้ว่า ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดเข็มสามมีภูมิต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีอัตราป้องกันอาการป่วยรุนแรงจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน ดังนั้น การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจึงมีความจำเป็นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านและลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ยังแจ้งว่า สิงคโปร์พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทั้งหมด 16 คน ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อ 14 คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และมี 2 คนที่ติดเชื้อในประเทศ ทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดส และเป็นผู้ที่ไม่มีอาการป่วยหรือมีอาการเล็กน้อย โดยที่ทางการสิงคโปร์ยังไม่พบความเชื่อมโยงของการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในชุมชน ก่อนหน้านี้ ทางการสิงคโปร์รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 339 คน และผู้เสียชีวิตเพิ่ม 4 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 273,000 คน และผู้เสียชีวิต 798 คน.-สำนักข่าวไทย