วอชิงตัน 20 ธ.ค. – นพ. แอนโทนี เฟาชี ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านโรคติดเชื้อของสหรัฐ เตือนว่า การเดินทางในช่วงเทศกาลคริสต์มาสจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มขึ้น แม้กระทั่งในกลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบโดส
นพ. เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐและหัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เผยผ่านสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีของสหรัฐเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วขึ้นกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้านี้และกำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก ระบบสาธารณสุขของสหรัฐอาจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของเชื้อดังกล่าว ประชาชนทุกคนยังจำเป็นต้องระมัดระวังตัวไว้ก่อน เช่น การสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคม
นพ. เฟาชี ยังเรียกร้องให้ชาวอเมริกันเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยระบุว่า มีความแตกต่างอย่างมากในด้านความเสี่ยงต่ออาการป่วยรุนแรงในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสและฉีดวัคซีนเข็มที่สามกับผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด ก่อนหน้านี้ เขาเคยแถลงที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ว่า ผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิดเสี่ยงต่ออาการป่วยหนักและเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงมาก ทั้งนี้ คำเตือนดังกล่าวของ นพ. เฟาชี มีขึ้นในขณะที่สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐพรรคเดโมแครต 2 คนคือ เอลิซาเบธ วอร์เรน วัย 72 ปี และคอรี บูเกอร์ วัย 52 ปี มีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวก
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี ระบุว่า มีชาวอเมริกันเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรกเกือบร้อยละ 73 และฉีดวัคซีนเข็มที่สามเกือบร้อยละ 30 โดยพบการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนร้อยละ 3 จากยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่พบการระบาดในรัฐนิวยอร์ก ขณะนี้ สหรัฐมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 50 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 800,000 คน. -สำนักข่าวไทย