สหรัฐพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดโอไมครอนรายแรกแล้ว

วอชิงตัน 2 ธ.ค. – สหรัฐพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากแอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน และมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกในวันที่ 29 พฤศจิกายน นพ. แอนโทนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐ แถลงที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐยังไม่ได้ประกาศใช้คำสั่งระงับการเดินทาง และมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกในวันที่ 29 พฤศจิกายน ขณะนี้ ผู้ป่วยติดเชื้อคนดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการกักตัวเอง ส่วนผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นลบ ทั้งยังระบุว่า ผู้ป่วยคนนี้ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบสองโดส มีอาการป่วยเล็กน้อย และกำลังมีอาการดีขึ้น ขณะที่ นพ. แกรนท์ โคลแฟกซ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขของเมืองซานฟรานซิสโกกล่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ในขณะเดียวกัน หน่วยงานสาธารณสุขเมืองซานฟรานซิสโกและรัฐแคลิฟอร์เนียยืนยันว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าวติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนหลังได้รับผลการจัดลำดับพันธุกรรมจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ตั้งอยู่ในเมืองซานฟรานซิสโก ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่าผู้ป่วยคนนี้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐเปิดพรมแดนให้คนฉีดวัคซีนครบโดสหลังปิดมา 20 เดือน

สหรัฐกลับมาเปิดพรมแดนระหว่างประเทศให้แก่ผู้เดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น หลังใช้มาตรการดังกล่าวมาเป็นเวลา 20 เดือน ซึ่งทำให้หลายครอบครัวต้องแยกจากกัน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวหยุดชะงัก และเกิดความสัมพันธ์ทางการทูตที่ตึงเครียด

สหรัฐจะเปิดพรมแดนครั้งแรกหลังปิดมา 20 เดือน

วอชิงตัน 8 พ.ย. – สหรัฐจะกลับมาเปิดพรมแดนระหว่างประเทศอีกครั้งตั้งแต่วันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ให้แก่นักเดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หลังจากปิดพรมแดนมาเป็นเวลา 20 เดือน บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานวันนี้ว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ออกคำสั่งปิดพรมแดนประเทศเนื่องจากปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้เดินทางจากต่างชาติกว่า 30 ประเทศ เช่น อังกฤษ สหภาพยุโรป หรืออียู ที่ไม่สามารถเดินทางไปพบปะครอบครัวและทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวชะงักงัน ขณะที่สายการบินหลายแห่งคาดการณ์ว่า คำสั่งเปิดพรมแดนอีกครั้งของสหรัฐจะทำให้มีผู้เดินทางจำนวนมาก เนื่องจากสหรัฐได้ประกาศยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ ให้แก่นักเดินทางที่ฉีดวัคซีนโควิดครบโดส แต่ยังคงมีการตรวจหาเชื้อโควิดและติดตามผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อ บีบีซียังรายงานว่า ข้อกำหนดล่าสุดของสหรัฐระบุว่า ผู้เดินทางชาวต่างชาติจะต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิดก่อนออกเดินทางด้วยเที่ยวบิน รวมถึงใบรับรองผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นลบภายใน 3 วัน และข้อมูลการติดต่ออื่น ๆ ซึ่งจะทำให้พวกเขาไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางถึงสหรัฐ. -สำนักข่าวไทย

สหรัฐเริ่มฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ให้เด็ก 5-11 ปีแล้ว

วอชิงตัน 4 พ.ย.-สหรัฐเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดของไฟเซอร์ให้เด็กอายุ 5-11 ปีในวันพุธตามเวลาท้องถิ่นเป็นวันแรก หลังจากที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี แนะนำให้ฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กเล็กเป็นวงกว้างเมื่อวันอังคาร กาเอล โคเรียส วัย 7 ปี เป็นหนึ่งในเด็กเล็กกลุ่มแรกที่เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดที่คลินิกสุขภาพแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตันของสหรัฐ แม่ของโคเรียสกล่าวว่า เธอและลูกชายรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับการฉีดวัคซีนในครั้งนี้ และเฝ้ารอคอยช่วงเวลานี้มานานแล้ว ขณะที่ทางการสหรัฐระบุว่า มีวัคซีนจำนวนจำกัดจากวัคซีนทั้งหมดในเบื้องต้น 15 ล้านโดสที่จะได้รับการกระจายไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในวันพุธ แต่คาดว่าวัคซีนทั้งหมดจะได้รับการแจกจ่ายไปยังคลินิกกุมารแพทย์ โรงพยาบาลเด็ก และร้านขายยามากขึ้นในสัปดาห์หน้า ก่อนหน้านี้ ซีดีซีได้ประกาศแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดของไฟเซอร์ในเด็กอายุ 5-11 ปีเป็นวงกว้างเมื่อวันอังคาร หลังจากที่สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ หรือเอฟดีเอ ได้อนุมัติใช้วัคซีนดังกล่าวในกลุ่มเด็กเล็กเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะนี้ สหรัฐฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบโดสให้ประชาชนร้อยละ 58 จากประชากรทั้งหมด 329 ล้านคน และมีเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีราว 28 ล้านคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ทั้งนี้ สหรัฐจะฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในปริมาณเข็มละ 10 ไมโครกรัมในกลุ่มช่วงอายุดังกล่าวเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาที่อาจทำให้เด็กจำนวนมากติดเชื้อและต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล.-สำนักข่าวไทย

ประท้วงนิวยอร์กบังคับฉีดวัคซีนภายใน 1 พ.ย.

พนักงานเทศบาลนครนิวยอร์กเดินขบวนจากสะพานบรุกลินไปยังศาลาว่าการย่านแมนฮัตตัน ถือป้ายประท้วงทางการนิวยอร์กที่บังคับฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน ไม่เช่นนั้นจะถูกพักงานโดยไม่ได้รับเงินเดือน

คาดสหรัฐจะฉีดวัคซีนโควิดให้เด็ก 5-11 ปีต้นเดือนหน้า

สหรัฐอาจเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้เด็กอายุ 5-11 ปีในช่วงครึ่งแรกของเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะทำให้เด็กจำนวนมากได้รับวัคซีนครบโดสก่อนสิ้นปีนี้

“ไบเดน” ฉีดวัคซีนโควิดเข็มสามของไฟเซอร์แล้ว

วอชิงตัน 28 ก.ย. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยหวังว่าจะเป็นแบบอย่างให้ประชาชนตระหนักถึงความจำเป็นในการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม ในขณะที่ชาวอเมริกันอีกหลายล้านคนยังไม่ยอมฉีดวัคซีนเข็มแรก ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า วัคซีนเข็มที่สามมีความสำคัญ แต่สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ รัฐบาลต้องทำให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดมากขึ้น และยังมีชาวอเมริกันร้อยละ 23 ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเข็มแรก นางจิล ไบเดน สตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐ จะเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่สามในเร็ว ๆ นี้เช่นกัน นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐยังไม่สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าสหรัฐควรแจกจ่ายวัคซีนให้ทั่วโลกมากขึ้นก่อนที่จะอนุญาตให้ฉีดวัคซีนเข็มที่สามในประเทศ โดยระบุว่า สหรัฐได้ช่วยเหลือเรื่องวัคซีนป้องกันโรคโควิดมากกว่าประเทศอื่น ๆ แล้ว ก่อนหน้านี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี ได้ประกาศสนับสนุนการฉีดวัคซีนเข็มที่สามของไฟเซอร์/ไบออนเทคให้ชาวอเมริกันที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงติดเชื้อโควิดเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยมีเพียงผู้ที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสของไฟเซอร์มาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนที่มีสิทธิเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม เนื่องจากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ หรือเอฟดีเอ ยังไม่ได้พิจารณาอนุมัติใช้วัคซีนของโมเดอร์นาเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้น ขณะที่จอห์นสันแอนด์จอห์นสันยังไม่ได้ยื่นเรื่องขออนุมัติ ขณะนี้ สหรัฐมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 43.9 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 700,000 คน.-สำนักข่าวไทย

คะแนนนิยม “ไบเดน” ดิ่งลงต่ำสุดตั้งแต่รับตำแหน่ง

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ มีคะแนนนิยมเหลือเพียงร้อยละ 44 ในการสำรวจความคิดเห็นประชาชนล่าสุด ซึ่งร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ

ยอดเด็กติดโควิดในสหรัฐพุ่งเกือบ 240% ตั้งแต่ ก.ค.

วอชิงตัน 14 ก.ย. – สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา หรือเอเอพี ระบุเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในกลุ่มเด็กในสหรัฐกำลังเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เอเอพีรายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ที่เป็นเด็ก 243,373 คนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ตัวเลขดังกล่าวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่มี 251,781 คน แต่ก็คิดเป็นอัตราผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งขึ้นถึง 240% เมื่อเทียบกับในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่พบผู้ป่วยติดเชื้อเป็นเด็กเพียง 71,726 คน เอเอพียังระบุในแถลงการณ์ว่า ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อที่เป็นเด็กกำลังเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และพบผู้ป่วยติดเชื้อเป็นเด็กเกือบ 500,000 คนในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งยังระบุว่า สหรัฐมียอดผู้ป่วยติดเชื้อที่เป็นเด็กทั้งหมดราว 5.3 ล้านคนนับถึงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และมีตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เป็นเด็กคิดเป็นร้อยละ 29 จากยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศ การรายงานยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่เป็นเด็กมีขึ้นในขณะที่โรงเรียนทั่วสหรัฐเริ่มเปิดการสอนอย่างเต็มรูปแบบ และผู้เชี่ยวชาญหลายรายแนะนำให้ผู้ปกครองเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อปกป้องบุตรหลานอายุต่ำกว่า 12 ปีที่ยังไม่มีสิทธิเข้ารับการฉีดวัคซีน ขณะนี้ สหรัฐมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 42 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 680,000 คน.-สำนักข่าวไทย

“ไบเดน” กำหนดเจ้าหน้าที่รัฐบาลฉีดวัคซีนโควิด

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐประกาศนโยบายใหม่ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า สหรัฐจะกำหนดให้เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของรัฐบาลกลางเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และผลักดันให้บริษัทขนาดใหญ่ฉีดวัคซีนให้แก่พนักงานหรือตรวจหาเชื้อโควิดทุกสัปดาห์

สหรัฐมีคนติดโควิดเข้า รพ.มากสุดในรอบ 8 เดือน

กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐแจ้งว่า มีผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เข้ารับการรักษาตัวโรงพยาบาลมากถึง 100,000 คนเมื่อวันพฤหัสบดี มากที่สุดในรอบ 8 เดือน

สหรัฐอนุมัติใช้วัคซีนของไฟเซอร์เต็มรูปแบบ

วอชิงตัน 24 ส.ค. – สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ หรือเอฟดีเอ อนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทคเต็มรูปแบบสำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป โดยถือเป็นวัคซีนขนานแรกที่ได้รับการอนุมัติดังกล่าวในสหรัฐ เอฟดีเออนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์อย่างเต็มรูปแบบโดยให้ใช้เป็นการทั่วไปสำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป และอ้างอิงข้อมูลล่าสุดจากการทดลองทางคลินิกและการทบทวนการผลิต หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้อนุมัติใช้วัคซีนดังกล่าวเป็นกรณีฉุกเฉินในผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐหวังว่าประกาศดังกล่าวจะช่วยโน้มน้าวใจชาวอเมริกันที่ยังไม่ฉีดวัคซีนให้มั่นใจว่าวัคซีนของไฟเซอร์ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ทั้งยังคาดการณ์ว่า การอนุมัติของเอฟดีเอจะทำให้รัฐบาลท้องถิ่นหลายแห่งและบริษัทเอกชนกำหนดให้พลเมืองและพนักงานเข้ารับการฉีดวัคซีนมากขึ้น ส่วนกระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุว่ากำลังเตรียมออกกฎบังคับให้เจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฉีดวัคซีนโควิด ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐกล่าวที่ทำเนียบขาวว่า การอนุมัติของเอฟดีเอถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 และเรียกร้องให้ภาคเอกชนบังคับให้พนักงานเข้ารับการฉีดวัคซีนมากขึ้น เขาขอให้ผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเข้ารับการฉีดวัคซีนในทันทีและไม่จำเป็นต้องรีรออีกต่อไป ขณะนี้ สหรัฐฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ให้แก่ประชาชนกว่า 204 ล้านคนจากประชากรทั้งหมดราว 328 ล้านคน.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 4 5 9
...