สหรัฐไม่พอใจอินเดียเพิ่มนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

สหรัฐแสดงความไม่พอใจกรณีอินเดียประกาศจะซื้อน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาความต้องการพลังงาน จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังวิกฤติโควิด-19

อินเดียแจงเรื่องนำเข้าน้ำมันรัสเซีย

นิวเดลี 19 มี.ค.- เจ้าหน้าที่อินเดียชี้แจงเรื่องนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศว่า อินเดียจะนำเข้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ในปีนี้ หลังจากถูกวิจารณ์เรื่องนำเข้าจากรัสเซียที่ถูกหลายประเทศคว่ำบาตรเพราะรุกรานยูเครน เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียที่ขอสงวนนามชี้แจงกับรอยเตอร์ว่า อินเดียนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางมากที่สุด ประกอบด้วยอิรักร้อยละ 23 ซาอุดีอาระเบียร้อยละ 18 และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ร้อยละ 11 ส่วนสหรัฐนั้น อินเดียนำเข้ามากเป็นอันดับ 4 โดยในปีนี้จะนำเข้าเพิ่มอีกร้อยละ 11 เป็นร้อยละ 8 ขณะที่รัสเซียครองส่วนแบ่งน้อยในตลาดน้ำมันอินเดีย แต่หลังจากรุกรานยูเครน รัสเซียได้เสนอขายน้ำมันแบบมีส่วนลดเพื่อลดผลกระทบจากการถูกคว่ำบาตร อินเดียนออยล์คอร์ปที่เป็นโรงกลั่นอันดับหนึ่งของอินเดียเพิ่งสั่งซื้อน้ำมันจากรัสเซีย 3 ล้านบาร์เรลผ่านการประมูล และฮินดูสถานปิโตรเลียมคอร์ปสั่งจอง 2 ล้านบาร์เรลให้ส่งมอบเดือนพฤษภาคม เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียอีกคนกล่าวว่า อินเดียพร้อมรับข้อเสนอที่มีการแข่งขันจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ราคาน้ำมันโลกทะยานขึ้น จนทำให้อัตราเงินเฟ้ออินเดียสูงขึ้น ฐานะการคลังตึงตัว และกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เจ้าหน้าที่อินเดียกล่าวด้วยว่า แม้แต่ยุโรปเองก็ยังนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียอยู่ มาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย และไม่ตัดธนาคารรัสเซียที่ทำธุรรรมด้านนี้ออกจากสมาคมโทรเลขทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลกหรือสวิฟต์ (SWIFT) ดังนั้นการทำธุรกรรมด้านพลังงานที่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่ควรถูกนำมาเป็นเรื่องทางการเมือง.-สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นจะย้ำกับอินเดียให้เป็นหนึ่งเดียวเรื่องยูเครน

มุมไบ 19 มี.ค.- นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะของญี่ปุ่นจะย้ำกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียระหว่างเยือนอินเดียในวันนี้ ให้มีความเป็นหนึ่งเดียวกันในเรื่องยูเครน นายกรัฐมนตรีคิชิดะกล่าวก่อนเดินทางออกจากญี่ปุ่นว่า เนื่องจากเหตุการณ์รัสเซียรุกรานยูเครนเกิดขึ้นในเวลาเดียวกับการเยือนอินเดียครั้งนี้ เขาจึงอยากจะย้ำถึงความสำคัญของความเป็นหนึ่งเดียวในระดับสากล และย้ำเรื่องญี่ปุ่นและอินเดียจะทำงานร่วมกันในประเด็นต่าง ๆ ญี่ปุ่นและอินเดียเป็นสมาชิกของการเจรจาด้านความมั่นคงภาคี 4 ฝ่ายหรือควอด (Quad) ที่มีสหรัฐและออสเตรเลียรวมอยู่ด้วย ญี่ปุ่นออกมาตรการคว่ำบาตรบุคคลและองค์กรในรัสเซียจำนวนหนึ่ง หลังจากรัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครน แต่อินเดียเป็นสมาชิกควอดประเทศเดียวที่ไม่ประณามรัสเซีย หนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานคาดการณ์ว่า นายกรัฐมนตรีคิชิดะจะประกาศแผนการลงทุนเป็นเวลา 5 ปี มูลค่า 5 ล้านล้านเยน (ราว 1.39 ล้านล้านบาท) ในอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย ญี่ปุ่นสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตเมืองของอินเดีย และโครงการรถไฟความเร็วสูงที่ใช้เทคโนโลยีหัวกระสุนของญี่ปุ่น ส่วนเมื่อปี 2563 ทั้งสองประเทศลงนามข้อตกลงว่าด้วยการจัดหาและการบริการต่างฝ่าย (ACSA) ให้กองทัพทั้งสองฝ่ายสามารถจัดหาเสบียงอาหาร เชื้อเพลิง และสิ่งของอื่น ๆ ต่างตอบแทนกัน.-สำนักข่าวไทย

ศาลอินเดียมีมติหนุนคำสั่งห้ามสวมฮิญาบในห้องเรียน

นิวเดลี 15 มี.ค. – ศาลอินเดียมีมติสนับสนุนคำสั่งห้ามสวมฮิญาบในห้องเรียนของรัฐกรณาฏกะ ทางตอนใต้ของอินเดีย หลังจากที่รัฐดังกล่าวประกาศสั่งห้ามสวมฮิญาบเข้าห้องเรียนเมื่อเดือนก่อน ซึ่งทำให้มีผู้ปกครองและนักเรียนชาวมุสลิมรวมตัวชุมนุมประท้วงต่อต้านจนปะทะกับกลุ่มนักเรียนชาวฮินดูที่สนับสนุนคำสั่งดังกล่าว หัวหน้าผู้พิพากษาศาลสูงของรัฐกรณาฏกะอ่านคำพิพากษาที่ระบุว่า ศาลได้ลงความเห็นแล้วว่าการสวมฮิญาบของสตรีชาวมุสลิมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแนวปฏิบัติที่จำเป็นทางศาสนา รัฐบาลท้องถิ่นของรัฐกรณาฏกะมีอำนาจในการกำหนดข้อบังคับเรื่องชุดแต่งกายเข้าห้องเรียน ทำให้ศาลต้องยกฟ้องคำร้องยื่นคัดค้านต่อคำสั่งดังกล่าว ขณะที่กลุ่มนักเรียนที่ยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งห้ามสวมฮิญาบในห้องเรียนต่อศาลเผยว่า การสวมฮิญาบเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายรัฐธรรมนูญของอินเดียและเป็นแนวปฏิบัติที่สำคัญของศาสนาอิสลาม ส่วนนายอับดุล มาจีด หัวหน้าพรรคสังคมประชาธิปไตยแห่งอินเดีย ซึ่งมักต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ของชาวมุสลิมเป็นหลัก กล่าวว่า เขาจะไปหารือกับกลุ่มนักเรียนและผู้ปกครองที่ร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อช่วยยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาต่อไป หากผู้ร้องเรียนมีความประสงค์จะทำเช่นนั้น สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ก่อนที่ศาลสูงจะอ่านคำพิพากษาในวันนี้ ทางการรัฐกรณาฏกะได้สั่งปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนและวิทยาลัยหลายแห่ง รวมถึงออกคำสั่งห้ามการรวมตัวของประชาชนในบางพื้นที่เพื่อป้องกันการชุมนุมประท้วง ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายตั้งข้อสังเกตว่า คำสั่งห้ามสวมฮิญาบในห้องเรียนของรัฐกรณาฏกะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการไม่ให้ความสำคัญต่อชาวมุสลิมในอินเดียที่มีสัดส่วนร้อยละ 13 จากประชากรอินเดียทั้งหมด 1,350 ล้านคน โดยที่อินเดียมีประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู ก่อนหน้านี้ คำสั่งห้ามสวมฮิญาบของรัฐกรณาฏกะยังทำให้เกิดการประท้วงในรัฐต่าง ๆ ของอินเดียอีกด้วย ส่วนสหรัฐและองค์การความร่วมมืออิสลามก็ได้ออกมาตำหนิเกี่ยวกับคำสั่งดังกล่าวเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

อินเดียจับอดีต “ราชินีตลาดหุ้น” เป็นหุ่นเชิดให้โยคี

มุมไบ 7 มี.ค.- อดีตประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งชาติของอินเดียหรือเอ็นเอสอี (NSE) เจ้าของฉายา “ราชินีตลาดหุ้น” ของอินเดีย ถูกควบคุมตัวโทษฐานบริหารงานตามคำแนะนำของโยคี นางจิตรา รามกฤษณะ วัย 59 ปี ถูกสำนักงานสวบสวนกลางของอินเดียควบคุมตัวที่เดลีเมื่อเย็นวันอาทิตย์ โดยถูกกล่าวหาว่า บริหารเอ็นเอสอีในนครมุมไบซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ใหญ่ที่สุดในอินเดียและตลาดอนุพันธ์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ตามคำแนะนำของโยคีระหว่างที่เธอดำรงตำแหน่งในปี 2556-2559 รายงานของทางการหนา 190 หน้าที่เผยแพร่เมื่อเดือนก่อนแจกแจงรายละเอียดเรื่องนางรามกฤษณะเปิดเผยข้อมูลสำคัญแก่ที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณที่บังเอิญรู้จักกันริมแม่น้ำคงคา รายงานระบุว่า เธอยกอำนาจการบริหารงานทั้งหมดให้แก่คนไม่รู้จัก และเป็นเพียงหุ่นเชิด แต่ไม่ได้ระบุชื่อโยคีคนดังกล่าว เดือนที่แล้วตำรวจรัฐบาลกลางอินเดียได้ควบคุมตัวนายอานันด์ สุบรามาเนียน ที่นางรามกฤษณะจ้างงานและให้เงินเดือนสูงลิ่วทั้งที่เขาไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน โดยเป็นไปตามคำแนะนำของโยคี เรื่องอื้อฉาวเริ่มขึ้นในปี 2558 เมื่อมีข่าวเรื่องการปั่นหุ้นและให้นายหน้าหลักทรัพย์ได้สิทธิพิเศษในตลาดหลักทรัพย์ นายสุบรามาเนียนและนางรามกฤษณะลาออกในปีถัดมา ด้านคณะกรรมการเอ็นเอสอีสรุปตามการตรวจสอบบัญชีของอีแอนด์วายว่า นายสุบรามาเนียนเป็นคนอุปโลกน์โยคีขึ้นมาเพื่อบงการนางรามกฤษณะให้เป็นไปตามประโยชน์ส่วนตน.-สำนักข่าวไทย

จับมาเฟียอินเดียหนีคดีปล้นฆ่า ฟอกเงินกบดานไทย

สตม.24 ก.พ.-ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับมาเฟียอินเดีย ปล้นฆ่า ฟอกเงิน และเรียกฆ่าไถ่ หลบหนีกบดานไทยตามหมายจับตำรวจสากล พลตำรวจโท ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง  แถลงผลการจับกุม  นายฮาร์มาน อายุ29ปี  สัญชาติอินเดีย โดยผู้ต้องหารายนี้ได้ก่อคดีปล้นฆ่า ค้ามนุษย์  ร่วมถึงลักพาตัวเรียกค่าไถ่  และการฟอกเงิน โดยหลบหนีเข้ามาประเทศไทย ทั้งนี้ทางการอินเดียได้ออกหมายจับและได้รับการประสานจากตำรวจสากล เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามหมายจับแดง โดยการสืบสวนของตำรวจ ตม. พบว่า นายฮาร์มาน ได้เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 และอาศัยอยู่ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยจับกุมตัวได้หน้าร้านขายของสะดวกซื้อ ถนนพัทยาเหนือ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร โดยการอนุญาตสิ้นสุดจำนวน 448วัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำส่งเจ้าพนักงานสวบสวนดำเนินคดีในประเทศเมื่อสิ้นสุด จะส่งตัวไปยังประเทศต้นทาง พลตำรวจตรีอาชยน ไกรทอง รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่า จากการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหารายนี้ยังไม่พบการกระทำความผิดในประเทศแต่ได้มีการติดต่อกับเพื่อนร่วมชาติที่มีอิทธิพลเพื่อสั่งการให้มีการกระทำผิดในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นไปได้ว่าหากปล่อยไว้จะมีการก่อความผิดในประเทศไทย แต่ยืนยันได้ว่าผู้ต้องหารายนี้ไม่มีความเชื่อมโยงใดๆกับผู้เสียชีวิตจากเหตุยิงถล่มชายเชื้อสายอินเดีย ถือหนังสือเดินทางแคนนาดาในจังหวัดภูเก็ต .-สำนักข่าวไทย

มาดากัสการ์เผชิญพายุลูกที่ 4 ในรอบ 1 เดือน

อันตานานาริโว 23 ก.พ.- มาดากัสการ์ ประเทศเกาะในมหาสมุทรอินเดียที่อยู่นอกชายฝั่งตะวันออกของทวีปแอฟริกา เผชิญพายุใหญ่ลูกที่ 4 ในรอบ 1 เดือน เมื่อไซโคลนเอ็มนาตี (Emnati) ขึ้นฝั่งในวันนี้ ทำให้เกิดกระแสลมแรงถึง 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำนักงานจัดการความเสี่ยงและภัยพิบัติของรัฐบาลมาดากัสการ์แถลงในวันนี้ว่า ได้อพยพประชาชนมากกว่า 30,000 คน ก่อนไซโคลนขึ้นฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ในเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ต่อมาสำนักอุตุนิยมวิทยาได้ลดระดับจากไซโคลนลงเป็นพายุโซนร้อน เนื่องจากความเร็วลมลดลงเหลือ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และความเสียหาย คาดว่าพายุจะเคลื่อนตัวออกสู่มหาสมุทรอินเดียภายในเย็นวันนี้ มาดากัสการ์ยังไม่ฟื้นตัวจากการถูกไซโคลนบัตซีราย (Batsirai) ขึ้นฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 124 คน บ้านเรือนเสียหายบางส่วนหรือทั้งหมดมากถึง 124,000 หลัง และมีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยราว 30,000 คน ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพายุดูมาโก (Dumako) เพิ่งคร่าชีวิตคนไป 14 คน ไร้ที่อยู่อาศัยมากกว่า 4,300 คน ขณะที่พายุอานา (Ana) พัดผ่านเมื่อวันที่ 22 […]

ตำรวจอินเดียจับชายนักต้มตุ๋นหลอกแต่งงานหญิง 18 คน

นิวเดลี 22 ก.พ. – ตำรวจอินเดียจับกุมชายนักต้มตุ๋นที่หลอกแต่งงานกับผู้หญิงทั่วประเทศอย่างน้อย 18 คนได้ก่อนที่เขาวางแผนจะแต่งงานกับผู้หญิงอีก 2 คนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยชายคนนี้มักใช้อุบายหลอกเหยื่อว่า เขาเป็นคนที่เชื่อเรื่องเนื้อคู่และต้องการตามหารักแท้ ตำรวจอินเดียเผยว่า นายบิบู ปรากาช สเวน วัย 67 ปี มักโพสต์หลอกลวงในเว็บไซต์หาคู่แต่งงานของอินเดียว่า เขาเป็นแพทย์ อายุ 51 ปี และสานสัมพันธ์กับกลุ่มผู้หญิงเป้าหมายที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ทนายความ เจ้าหน้าที่การแพทย์ และเจ้าหน้าที่ทหารทั่วประเทศ ด้วยการแอบอ้างว่าเขามีเงินเดือนสูง ใช้บัตรประชาชนปลอม และปลอมแปลงหนังสือแต่งตั้งเพื่อสร้างหลักฐานเท็จด้านข้อมูลส่วนตัวและภูมิหลังของครอบครัวให้ดูน่าเชื่อถือ โดยมีจุดประสงค์เพื่อหวังหลอกเอาเงินจากผู้หญิงและมีความสัมพันธ์ทางเพศ ตำรวจคนดังกล่าวยังระบุว่า เจ้าหน้าที่จับกุมตัวนายสเวนได้หลังจากที่ใช้เวลานานหลายเดือนเพื่อตามล่าตัวเขา โดยพบเอกสารปลอมแปลงตัวตนที่หลากหลาย บัญชีธนาคาร รวมถึงแผนแต่งงานอีก 2 ครั้งในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม นายสเวนใช้วาจาโน้มน้าวใจคนเก่ง และมักพุ่งเป้าไปที่กลุ่มหญิงโสด แม่หม้าย หรือหญิงผ่านการหย่าร้างวัย 40 ปีตอนปลาย หลังเข้าพิธีแต่งงานอย่างชื่นมื่นกับเหยื่อได้เพียงไม่กี่วัน นายสเวนมักออกอุบายขอยืมเงินหรือเครื่องประดับของภรรยาใหม่ไปใช้เนื่องจากเหตุฉุกเฉิน จากนั้น เขาจะทิ้งผู้หญิงคนก่อนหน้าไปหาเหยื่อผู้หญิงรายใหม่ที่มีสถานะโสด หม้าย หรือผ่านการหย่าร้าง เพราะผู้หญิงกลุ่มนี้จะไม่กล้าแจ้งตำรวจ เนื่องจากสังคมอินเดียยังไม่ยอมรับเรื่องผู้หญิงที่แต่งงานใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ ตำรวจสืบสวนคาดว่า นายสเวนได้หลอกแต่งงานกับผู้หญิงมากว่า […]

รัฐปัญจาบของอินเดีย จัดเลือกตั้งท้องถิ่น

ในวันนี้ (20 ก.พ.) รัฐปัญจาบ ทางภาคเหนือของอินเดีย จัดเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น ซึ่งผลจะออกภายในวันที่ 10 มีนาคม ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดคะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรีอินเดีย และพรรครัฐบาลในอีก 2 ปีข้างหน้า

อินเดียตัดสินประหาร 38 คนที่พัวพันเหตุระเบิดปี 2008

ศาลอินเดียตัดสินในวันนี้ลงโทษประหารชีวิตชายชาวมุสลิม 38 คนและจำคุกตลอดชีวิตอีก 11 คน จากเหตุวาระเบิดหลายจุดเมื่อปี 2008 ในเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราฏ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 50 รายและบาดเจ็บอีกราว 200 คน

ชาวอินเดียตกบ่อน้ำในงานแต่งงาน เสียชีวิต 13 ราย

อุตตรประเทศ 17 ก.พ. – เกิดเหตุชาวอินเดียตกบ่อน้ำในระหว่างเข้าร่วมงานแต่งงานแห่งหนึ่งที่จัดขึ้นในรัฐอุตตรประเทศ ทางตอนเหนือของอินเดีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย ตำรวจของรัฐอุตตรประเทศเผยว่า เกิดเหตุฝาปิดบ่อน้ำโลหะยุบตัวพังที่งานแต่งงานแห่งหนึ่งในเขตกุสินาราของรัฐอุตตรประเทศเมื่อวันพุธ ในขณะที่ผู้เสียชีวิต 13 ราย ซึ่งเป็นผู้หญิงและเด็กทั้งหมด กำลังนั่งอยู่บนฝาบ่อน้ำดังกล่าว และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน โดยตำรวจคาดว่าสาเหตุที่ทำให้ฝาปิดบ่อยุบตัวพังเกิดจากการรองรับน้ำหนักไม่ไหว ตำรวจยังระบุว่า ในขณะที่ฝาปิดบ่อน้ำยุบตัวพัง แขกเหรื่อในงานต่างรีบวิ่งมาช่วยชีวิตผู้ที่ตกลงไปในบ่อน้ำและนำตัวผู้รอดชีวิตส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียง แต่ก็มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าวในทันที 11 ราย และมีอีก 2 รายที่เสียชีวิตระหว่างเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ พร้อมทั้งระบุว่าเหตุดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจ ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐอุตตรประเทศได้ออกมาเรียกร้องให้ทางการเขตกุสินาราเร่งช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ.-สำนักข่าวไทย

เหตุประท้วงสวมฮิญาบลามไปรัฐประชากรมากสุดของอินเดีย

ลัคเนา 15 ก.พ. – กลุ่มชายหลายสิบคนในรัฐอุตตรประเทศ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดและตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอินเดีย ออกมาชุมนุมสนับสนุนคำสั่งห้ามสวมฮิญาบในชั้นเรียน หลังกลุ่มนักศึกษาหญิงมุสลิมในอินเดียเพิ่งประท้วงคัดค้านคำสั่งห้ามสวมฮิญาบในชั้นเรียนที่รัฐกรณาฏกะเมื่อสัปดาห์ก่อน สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า กลุ่มชายอินเดียหลายสิบคนได้เดินทางไปยังวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเขตอลีครห์ของรัฐอุตตรประเทศ ซึ่งมีพรมแดนติดกรุงนิวเดลี เพื่อยื่นหนังสือคำร้องให้เจ้าหน้าที่หาทางออกคำสั่งห้ามสวมฮิญาบในชั้นเรียนโดยเด็ดขาด ผู้อำนวยการของวิทยาลัยดังกล่าวระบุว่า กลุ่มชายเหล่านี้สวมผ้าคลุมพันรอบคอ ซึ่งเป็นการแต่งกายของชาวฮินดู แต่เขาไม่รู้จักคนกลุ่มนี้ ปัจจุบันวิทยาลัยไม่อนุญาตให้สวมเครื่องแต่งกายทางศาสนาในชั้นเรียน แต่สามารถแต่งกายลักษณะเช่นนั้นนอกห้องเรียนได้ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า เมื่อสองปีก่อนเคยเกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว และกำลังเกิดซ้ำขึ้นอีกครั้งในตอนนี้ อย่างไรก็ดี วิทยาลัยยังคงไม่อนุญาตให้นักศึกษาสวมเครื่องแต่งกายทางศาสนาในชั้นเรียน เพราะมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการแต่งกายสำหรับทุกคนที่ระบุไว้อย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้ ทางการรัฐกรณาฏกะที่อยู่ทางตอนใต้ของอินเดียได้สั่งปิดการเรียนการสอนในวิทยาลัยหลายแห่งเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังออกนโยบายใหม่ที่ห้ามไม่ให้นักศึกษาสวมฮิญาบในชั้นเรียน จนทำให้นักศึกษาหญิงชาวมุสลิมออกมาชุมนุมคัดค้านคำสั่งดังกล่าวและปะทะกับกลุ่มนักศึกษาชาวฮินดู ทั้งนี้ ชาวมุสลิมในอินเดียระบุว่า คำสั่งห้ามสวมฮิญาบเป็นการกดทับประชากรมุสลิมในอินเดียที่มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 13 ซึ่งต่างจากประชากรฮินดูที่มีสัดส่วนมากที่สุดในอินเดีย จากประชากรทั้งหมด 1,350 ล้านคน. -สำนักข่าวไทย

1 34 35 36 37 38 132
...