สภา

รัฐสภา 27 ส.ค. – สภาฯ วุ่น เถียงเรื่ององค์ประชุม รัฐบาลเหน็บ สส.กรุงเทพฯ ไม่ร่วม ก่อนถูก สส.ปชน.ถล่ม ถ้ารัฐรับผิดชอบจริงกฎหมายผ่านไปนานแล้ว ขู่ถ้าพาดพิงฝ่ายค้านอีก ถกกฎหมายไม่ราบรื่นแน่ ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดให้ สส.หารือปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน คนละ 3 นาที ซึ่งระหว่างที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย หารือต่อประที่ชุมฯ เป็นคนสุดท้ายถึงเรื่องการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ประชาชนหวาดระแวงต่อสถานการณ์ ซึ่งใช้เวลาเกิน ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกขึ้นประท้วงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำหน้าที่ควบคุมการประชุมว่า ที่ไม่มีความเป็นกลาง เนื่องจาก สส.คนอื่น ใช้เวลาหารือ คนละ 2 นาที แต่นายครูมานิตย์ กลับใช้เวลาไป 5 นาที และอภิปรายวนเวียนซ้ำซาก รวมถึงเมื่อพิจารณาองค์ประชุมในขณะนี้แล้ว ก็ยังไม่ครบ ยังมี สส.พรรคร่วมรัฐบาลไปโพสต์ข้อความว่า สส.พรรคฝ่ายค้านไม่ลงชื่อ โดยยืนยันว่า […]

รัฐสภา 6 ส.ค.- สภาฯ สะดุด ถก “พ.ร.บ.ขนส่งทางราง” หลัง “ฉลาด” สั่งปิดประชุม ชิ่งหนีสภาล่ม หลัง “ฝ่ายค้าน” ทักท้วง สส.บางตา – ประกาศไม่ร่วมแสดงตน ในการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การขนส่งทางรางพ.ศ…. ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ที่มีนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เป็นประธานกมธ. ได้พิจารณาแล้วเสร็จ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการพิจารณาในวาระสองนั้น มติของที่ประชุมได้เห็นด้วยกับเนื้อหาที่กมธ.แก้ไข และเป็นการลงมติต่อเนื่อง ทำให้ในช่วงที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้สั่งพักการประชุม 25 นาที เพื่อให้ สส.พักรับประทานอาหาร เมื่อเวลา 14.35 น. จากนั้นเมื่อเวลา 15.00 น. ที่ประชุมได้กลับมาพิจารณาอีกครั้ง และได้พิจารณาตามเนื้อหาที่เสนอจนถึงเวลา 16.30 น. พบว่ามีสส.พรรคฝ่ายค้านได้ลุกทักท้วงถึงการร่วมเป็นองค์ประชุมที่พบว่า ฝ่ายรัฐบาลมีอยู่บางตา จนนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ […]

รัฐสภา 5 ส.ค.-“วันนอร์” นัดเลือกรองประธานสภาคนที่หนึ่ง 7 ส.ค. ก่อนถกงบ 69 วาระ 2-3 วันที่ 13-15 ส.ค. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเลือกตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ว่า ได้บรรจุระเบียบวาระอื่นๆ ไว้วันพฤหัสบดีที่ 7 ส.ค. แล้ว แต่จะต้องให้ สภาขอเลื่อนวาระดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาก่อนเพราะมีความจำเป็นเนื่องจากวันที่ 13-15 ส.ค. จะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วาระ 2 และ 3 ซึ่งต้องใช้เวลาทั้งกลางวันและกลางคืนการทำหน้าที่ของประธานในที่ประชุม 2 คนอาจไม่ทัน จึงอยากให้มีการเลือก ให้เรียบร้อยในวันที่ 7 ส.ค ทั้งนี้การจะเลือก ใครตามรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะเสนอ โดยผู้ที่ได้รับเสียงข้างมากจะได้ดำรงตำแหน่ง ส่วนการจัดสรรเวลาในการอภิปรายร่างกฎหมายงบประมาณปี 69 วาระ 2 และ 3 ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า รัฐบาลยังไม่ได้แจ้งมาอย่างเป็นทางการเป็นเพียงแค่การประสานกันภายใน ส่วนจะใช้ระยะเวลากี่วันต้องให้วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน ไปหารือกรอบเวลา […]

รัฐสภา 22 ก.ค.-สว.นันทนา ฟ้องสื่อ-ประชาชน ถูกปิดหูปิดตาปิดปากในสภา ไม่ให้ค้านตั้งองค์กรอิสระ ขณะที่ “ทนายอั๋น” เตรียมยื่นประธานคณะกรรมการฯหยุดชงสรรหา-สอบจริยธรรม สว.ที่กล่าวหา “นันทนา” นางสาวนันทนา นันทวโรภาส สว. แถลงคัดค้านการแต่งตั้งองค์กรอิสรของวุฒิสภา อีกครั้ง หลังเกิดความวุ่นวายประท้วงระหว่างการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ (22 ก.ค.) โดยนางสาวนันทนา กล่าวว่า การพิจารณาเลือกองค์กรอิสระของวุฒิสภาวันนี้เป็นตำแหน่งสำคัญอย่างยิ่งยวดทั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งที่สำคัญสว. 138 คนถูกตั้งข้อกล่าวหา โดยอนุกรรมการชุดที่ 26 ของ กกต. และกรรมการชุดดังกล่าวได้ส่งสำนวนไปยังกกต.ใหญ่เพื่อให้ส่งฟ้องศาล แม้จะยังเป็นผู้บริสุทธิ์แต่มีประโยชน์ทับซ้อนอยู่ชัดเจน และที่ผ่านมาได้เรียกร้องสว. 138 คนที่เป็นคู่กรณี ยุติการลงมติในการเลือก ทั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกกต. แต่สุดท้ายในก็ไม่สามารถอภิปรายได้ เพราะมีการยกมือประท้วง และประธานในที่ประชุม วินิจฉัยให้หยุดอภิปราย ซึ่งมองว่าเป็นการทำให้ประชาชนเสียโอกาสในการรับรู้ จึงมาแถลงเพื่อให้ประชาชนรู้ว่าได้ทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์เต็มที่แต่ก็ถูกกระบวนการขัดขวาง ไม่ให้อภิปรายในสภา และต้องการจะบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องปกติที่คู่กรณีพยายามที่จะใช้สิทธิ์ของตัวเองในการเลือกองค์กรอิสระ โดยไม่ได้คำนึงถึงจริยธรรม และไม่มีจิตสำนึกว่าเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ และการเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ จะมีอีกในเดือนสิงหาคมที่และ เดือนธันวาคม ถ้าเป็นไปตามที่กกต.บอกว่าคดีของ สว.จะต้องใช้เวลา 8 เดือนดังนั้นจะเป็นการเพิ่มบุคลากรเข้าไปในองค์กรอิสระโดยสว.ชุดนี้ “หาก […]

รัฐสภา 16 ก.ค.-สภายืนยันตามหลักการเดิม “ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ” พร้อมส่งให้รัฐบาลดำเนินการ “จาตุรนต์” ชี้เป็นการปลดล็อกกติกาการออกเสียงประชามติให้เป็นเสียงข้างมากชั้นเดียว เพื่อเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป ขณะที่โฆษกภูมิใจไทย มองกฎหมายฉบับนี้ยังก้ำกึ่ง นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวในฐานะผู้เสนอยกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ซึ่งถูกยับยั้งไว้ตามมาตรา 37(3) ของรัฐธรรมนูญ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล และประธาน ที่มีการเลื่อนระเบียบวาระ เพื่อให้ได้พิจารณาเรื่องนี้โดยเร็ว เนื่องจากมีการยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ให้พิจารณาเกี่ยวกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่าจะต้องมีการทำประชามติจำนวนกี่ครั้ง เมื่อใดบ้าง ซึ่งก็มีข่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญคงจะใช้เวลาอีกไม่นาน จึงมีข้อยุติออกมา และหากมีข้อยุติว่าจะต้องทำ 3 ครั้ง จะหมายความว่า จะต้องทำก่อนที่จะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าเรายังไม่มีพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติฉบับใหม่ทันเวลา ก็จะต้องทำประชามติตามกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งสร้างกันดีว่า กฎหมายที่มีอยู่นั้น จะเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมีกติการะบบเสียงข้างมากสองชั้น อย่างไรก็ตาม การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เป็นนโยบายที่แทบทุกพรรคการเมืองใช้หาเสียง ซึ่งได้มีการเสนอญัตติเพื่อแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติจากทั้งคณะรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน เพื่อแก้ไขสาระสำคัญเปลี่ยนการทำประชามติเป็นเสียงข้างมากชั้นเดียว แม้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้การทำประชามติผ่านไปเดินง่ายหรือพิเศษอะไร แต่เป็นกติกาที่จะสร้างความชอบธรรมมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีการกำหนดว่าการทำประชามติต้องใช้เสียงข้างมากกี่ชั้น ทำให้ต้องย้อนไปดูรัฐธรรมนูญตัวแม่ หรือฉบับปัจจุบันว่า ตอนทำประชามติใช้กติกาอย่างไร ซึ่งหากมีการทำประชามติอีกก็ไม่ควรใช้หลักเกณฑ์ที่ต่างกัน […]

กรุงเทพฯ 14 ก.ค.-“ชูศักดิ์” เผย “เพื่อไทย” เตรียมชงร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพระพุทธศาสนาเข้าสภา แก้ปัญหาพระสงฆ์-ฆราวาส ประพฤติผิด-เสพเมถุน เอาผิดอาญาบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ​นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการกลั่นกรองกฎหมายของพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านพระพุทธศาสนาของพรรค ว่า จากปัญหาที่เกี่ยวกับการปฏิบัติของพระสงฆ์ขณะนี้ ทั้งในเรื่องการจัดการทรัพย์สินของวัดโดยไม่โปร่งใส การประพฤติผิดพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง การเสพเมถุนกับสีกาจนเป็นข่าวครึกโครมในขณะนี้ ตนเองได้รับมอบหมายจากพรรคให้พิจารณาดำเนินการจัดทำร่างกฎหมายเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาเพื่อกำหนดมาตรการในการแก้ปัญหาพระสงฆ์ประพฤติผิดวินัยร้ายแรงและหามาตรการในการปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา​โดวันนี้ (14 ก.ค.) ตนได้มอบหมายให้คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคเพื่อไทยยกร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและคุ้มครองพระพุทธศาสนาขึ้นมาโดยด่วน ซึ่งเรื่องดังกล่าวสอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 ที่กำหนดให้ รัฐต้องมีมาตรการและกลไกในการปกป้องมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด ดังนั้น ในร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้การกระทำบางอย่างเป็นความผิดอาญา นอกเหนือไปจากมาตรการทางวินัยสงฆ์จะมีบทกำหนดโทษอันเป็นโทษทางอาญาสำหรับผู้ที่กระทำความผิดอันเข้าข่ายเป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ซึ่งจะมีทั้งในส่วนของการกระทำของพระสงฆ์และฆราวาสที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ ดังเช่นกรณีที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน รวมถึงการกระทำอื่นๆ เหตุที่ต้องใช้มาตรการทางอาญาเข้ามาช่วยเพราะเห็นว่าในสถานการณ์ปัจจุบันลำพังการลงโทษตามวินัยสงฆ์ไม่เพียงพอที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาได้ จึงต้องมีมาตรการเด็ดขาด โดยจะกำหนดความผิดและกำหนดอัตราโทษก็ให้เหมาะสม โดยจะเร่งรัดดำเนินการจัดทำร่างกฎหมายฉบับนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อเสนอต่อสภา ​นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ อันเป็นผลจากการกระทำของพระสงฆ์บางรูป ได้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวงการพระสงฆ์ทั่วประเทศ กระทบต่อจิตใจและความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ขอให้คิดว่านั่นเป็นการกระทำส่วนบุคคล แต่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาต่างๆ ที่สอนให้ทุกคนเป็นคนดีไม่มีเปลี่ยนแปลง จึงขอให้พุทธศาสนิกชนยังคงยึดมั่นในหลักศาสนาและช่วยกันส่งเสริมและคุ้มครองพระพุทธศาสนาต่อไป.-316.-สำนักข่าวไทย

รัฐสภา 8 ก.ค.-“ปกรณ์วุฒิ” หวังสภารับทุกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เปิดช่องคุย ม.112 ในชั้นกรรมาธิการ ขออย่ามองตัวบุคคล ต้องมองถึงภาพรวมผลของสังคม เพราะทุกคดีเป็นคดีอาญาเหมือนกัน บอกมติวิปรัฐบาลไม่มีคว่ำร่างของพรรคประชาชน ซัดวิป รทสช. ให้ข่าวสร้างความสับสน-สร้างอำนาจต่อรองพรรคใหญ่ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่จะเข้าสภาในวันที่ 9 ก.ค.นี้ แทนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่ยังมีประเด็นถกเถียงในมาตรา 112 อยู่ ว่า จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมทั้งหมด 5 ฉบับ ซึ่งมีการเพิ่มของพรรคภูมิใจไทยขึ้นมาอีก 1 ร่าง แต่ละร่างเนื้อหาค่อนข้างใกล้เคียงกันเพื่อต้องการคลี่คลายความขัดแย้งภายในประเทศ และไม่ได้ลงรายละเอียดใดๆ และมีความแตกต่างกันในรายละเอียดของในเนื้อหา บางร่างยกเว้นมาตรา 112 ไว้เลย บางร่างอาจจะแค่เปิดไว้เฉยๆ ขณะที่ร่างของพรรคประชาชนระบุไว้เลยว่า ให้นิรโทษกรรมคดี 112 ด้วย ซึ่งความเห็นของตนสามารถรับไปทุกร่างและไปพูดคุยในชั้นกรรมาธิการได้ สภาไม่ควรที่จะปิดกั้นว่าคดีแบบไหนควรจะได้รับการนิรโทษ คดีมาตราไหนไม่ควรที่จะได้รับการ นิรโทษเพราะคำว่าคดีที่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง สามารถเกิดได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการชุมนุม การฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน […]

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“ภูมิธรรม” บอกยังไม่มีการพิจารณา ถอนร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ พรุ่งนี้หรือไม่ รอความเห็นสภาก่อน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นไปได้ในการถอนร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ค.) ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ยังไม่มีการพิจารณาและยังไม่ได้คุยกัน เมื่อถามยํ้าว่า ประธานวิปรัฐบาลเป็นคนเสนอให้ถอน เพราะรัฐบาลยังไม่พร้อม นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็อยู่ที่วิปรัฐบาลเสนอมา ตนยังไม่เห็น ส่วนจากสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ควรเลื่อนออกไปก่อนหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เป็นความเห็นของสภา และนำมาเสนอใน ครม. ถ้าเสนอมาเราจะพิจารณา เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองว่าต้องเลื่อนออกไปก่อนหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนยังไม่ได้พิจารณาเลย มีเรื่องที่ต้องรีบทำอีกเยอะ.-316.-สำนักข่าวไทย