พบติดโอไมครอนในไทยแล้ว 205 คน
ศบค. เผยผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 2,671 ราย พบติดไอไมครอน ในไทยแล้ว 205 ราย ขณะ 5 จังหวัดรายงานความคืบหน้าจัดงานปีใหม่
ศบค. เผยผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 2,671 ราย พบติดไอไมครอน ในไทยแล้ว 205 ราย ขณะ 5 จังหวัดรายงานความคืบหน้าจัดงานปีใหม่
ตลาดหลักทรัพย์ฯ มอบเงิน 40 ล้านบาท ให้มูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรซ์ และคณะแพทยฯ จุฬาฯ แห่งละ 20 ล้าน สนับสนุนโครงการค้นคว้า และผลิตวัคซีน covid-19
ลอนดอน 23 ธ.ค. – แอสตราเซเนกา บริษัทเวชภัณฑ์สัญชาติอังกฤษและสวีเดน เผยข้อมูลจากการทดลองในห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษในวันนี้ว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดของแอสตราเซเนกา 3 เข็มมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปทั่วโลกได้ แอสตราเซเนการะบุว่า ผลการทดลองดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า การฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาครบ 3 เข็มจะช่วยเพิ่มระดับสารภูมิต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนให้อยู่ในระดับเดียวสารภูมิต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาหลังฉีดวัคซีนครบสองโดส ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มสามของแอสตราฯ จะมีระดับสารภูมิต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสูงกว่าผู้ป่วยติดเชื้อที่รักษาหายดีแล้ว โดยที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดได้วิเคราะห์ตัวอย่างเลือดจากกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนครบสองโดสและวัคซีนเข็มสาม และผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อโควิดในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวล รวมถึงตัวอย่างเลือดจากผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มสามของแอสตราฯ 41 คน ทั้งยังระบุว่า คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดที่เป็นผู้ดำเนินการทดลองในครั้งนี้เป็นนักวิจัยอิสระคนละทีมกับที่พัฒนาวัคซีนของแอสตราฯ ในขณะเดียวกัน นายเมเน ปังกาลอส หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาชีวเภสัชภัณฑ์ของแอสตราฯ กล่าวว่า ในขณะที่แอสตราฯ เริ่มเข้าใจเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมากขึ้น บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถกระตุ้นการตอบสนองของที-เซลล์ (T-cell) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการหาและกำจัดเซลล์ติดเชื้อ ให้มีประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ ทั้งนี้ ผลการทดลองดังกล่าว ซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากคณะผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการและยังไม่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ มีความสอดคล้องกับผลการทดลองของไฟเซอร์กับโมเดอร์นาที่ระบุว่า การฉีดวัคซีนโควิดที่ทั้งสองบริษัทพัฒนาขึ้นครบ 3 เข็มมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้. -สำนักข่าวไทย
ครม.เห็นชอบใช้เงินกู้ 3.59 หมื่นล้าน จัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์-แอสตราเซเนกา 90 ล้านโดส เยียวยาผู้ประกันตนสถานบันเทิง กระตุ้นการท่องเที่ยว Thailand Festival Experience
เจนีวา 8 ธ.ค. – เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลกระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่มีอยู่ในปัจจุบันน่าจะยังมีประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยรุนแรงในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน นพ. ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก เผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณที่ชี้ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโควิดได้ดีกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ ทั่วโลกมีวัคซีนโควิดประสิทธิภาพสูงที่ผ่านการรับรองว่าสามารถต้านทานเชื้อโควิดได้ทุกสายพันธุ์ในด้านการป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เขาคาดว่าวัคซีนโควิดที่มีอยู่จะยังคงมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ ข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อมีอาการรุนแรงขึ้นกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาและสายพันธุ์อื่น ๆ โดยมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงน้อยกว่าอีกด้วย อย่างไรก็ดี ความเห็นของ นพ. ไรอัน มีขึ้นในขณะที่ผลวิจัยล่าสุดของแอฟริกาใต้ ซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากคณะผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคอาจมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนลดลงถึง 40 เท่าเมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโควิดได้ไม่สมบูรณ์ ทั้งนี้ ผลการศึกษาดังกล่าวอ้างอิงจากการทดลองตัวอย่างเลือดจากอาสาสมัคร 12 คนในแอฟริกาใต้ ขณะนี้ ยังไม่มีข้อมูลที่ยืนยันว่าวัคซีนของโมเดอร์นา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และวัคซีนขนานอื่น ๆ มีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้หรือไม่.-สำนักข่าวไทย
สธ. เผยผลสำรวจภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 ในคนไทยที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เร่งสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
นิวยอร์ก 2 ธ.ค. – นายสตีเฟน โฮก ประธานของโมเดอร์นา อิงค์ บริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐ เผยเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า โมเดอร์นาอาจมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่ผ่านการทดสอบและพร้อมยื่นขออนุมัติต่อหน่วยงานกำกับดูแลยาของสหรัฐได้เร็วสุดในเดือนมีนาคมปีหน้า นายโฮกกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า เขาเชื่อว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการแก้ปัญหาประสิทธิภาพของวัคซีนที่ลดลงจากเชื้อดังกล่าว แต่อาจจะต้องใช้เวลาราว 3-4 เดือนเพื่อให้เสร็จสิ้นกระบวนการทดลองทางคลินิกในระยะกลางตามคำแนะนำของสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ หรือเอฟดีเอ เขาคาดว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนไม่อาจเสร็จทันก่อนเดือนมีนาคม หรืออาจเป็นช่วงไตรมาสที่สองของปีหน้า ยกเว้นว่าเอฟดีเอจะเปลี่ยนแปลงคำแนะนำเกี่ยวกับข้อมูลจำเป็นที่ใช้ในการอนุมัติ นายโฮกยังระบุว่า โมเดอร์นามีความพร้อมในการผลิตในขณะที่วัคซีนกำลังอยู่ในกระบวนการทดสอบเพื่อให้ส่งมอบวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว ขณะนี้ เอฟดีเอกำลังประเมินผลกระทบของวัคซีนป้องกันโรคโควิดที่เกิดขึ้นจากเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน โดยที่เอฟดีเอสามารถร่นระยะเวลาดำเนินการให้รวดเร็วขึ้นคล้ายกับแนวทางอนุมัติวัคซีนไข้หวัดใหญ่ด้วยการอนุมัติการเปลี่ยนแปลงของเชื้อไวรัสในสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ลดระยะเวลาลงราว 3-4 เดือน นอกจากนี้ นายโฮกยังเผยว่า โมเดอร์นากำลังทดสอบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิดครบสองโดสจะมีภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้หรือไม่ รวมถึงการทดสอบในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นโดสละ 50 ไมโครกรัมกับโดสละ 100 ไมโครกรัม โดยที่เขายังคงเชื่อว่าวัคซีนโควิดที่มีอยู่ในขณะนี้จะช่วยชะลอการระบาดได้ แม้อาจจะยังไม่สามารถยับยั้งเชื้อโควิดโอไมครอนได้ก็ตาม.-สำนักข่าวไทย
ศบค. เผยทั่วโลกติดเชื้อวันเดียวเกือบ 6 แสนคน แนะคนไทยเร่งฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน ที่ยังมีตัวเลขเข็ม 1 เพียง 45.92% ส่วน 26 จังหวัด ที่ตัวเลขเข็ม 1 ยังต่ำกว่า 60%
ฮ่องกง 1 ธ.ค. – นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮ่องกงประสบความสำเร็จจากการแยกเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในขั้นตอนเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางคลินิกเป็นแห่งแรกในทวีปเอเชีย ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะช่วยในการพัฒนาวัคซีนโควิดที่มีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อดังกล่าวได้ในอนาคต มหาวิทยาลัยฮ่องกงระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอังคารว่า นักวิจัยของภาควิชาจุลชีววิทยาของมหาวิทยาลัยฮ่องกงประสบความสำเร็จจากการแยกเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในขั้นตอนเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางคลินิกที่สามารถช่วยให้เกิดการพัฒนาและผลิตวัคซีนต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งองค์การอนามัยโลกจัดให้อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวล ขณะนี้ คณะนักวิจัยกำลังนำเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนไปศึกษาในด้านการแพร่กระจาย ความสามารถในการหลี่กเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีน และความสามารถก่อโรคด้วยการทดลองในสัตว์ มหาวิทยาลัยฮ่องกงยังระบุว่า คณะนักวิจัยกำลังศึกษาเกี่ยวกับโอกาสในการพัฒนาและผลิตวัคซีนต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนอย่างเร่งด่วนด้วยเทคโนโลยีวัคซีนเชื้อตาย ทั้งนี้ คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยฮ่องกงประสบความสำเร็จจากการแยกเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ในช่วงค่ำวันจันทร์ ซึ่งใช้เวลาเพียง 4 วันหลังฮ่องกงพบผู้ป่วยติดเชื้อดังกล่าว 2 รายแรกในวันที่ 25 พฤศจิกายน และเป็นเวลา 5 วันหลังจากแอฟริกาใต้แจ้งต่อองค์การอนามัยโลกว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นครั้งแรกในวันที่ 24 พฤศจิกายน.-สำนักข่าวไทย
แฟรงก์เฟิร์ต 1 ธ.ค. – นายอูเกอร์ ซาฮิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของไบออนเทค บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของเยอรมนี ระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทค มีแนวโน้มที่จะป้องกันอาการป่วยรุนแรงจากเชื้อโควิดสายพันธุ์ไอไมครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นายซาฮินเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ไบออนเทคกำลังดำเนินการทดสอบวัคซีนป้องกันโรคโควิดที่ใช้เวลา 2 สัปดาห์วิเคราะห์ผลเลือดของกลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค 2-3 เข็ม เพื่อให้ได้คำตอบว่าแอนติบอดีที่อยู่เลือดจะยับยั้งเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้หรือไม่ และจำเป็นที่จะต้องพัฒนาวัคซีนใหม่หรือไม่ อย่างไรก็ดี ไบออนเทคคาดการณ์ว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน 2-3 เข็มมีแนวโน้มที่จะได้รับการป้องกันจากอาการป่วยหนักที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน นายซาฮินคาดว่าผลการทดสอบวัคซีนในห้องปฏิบัติการจะชี้ว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิดจะมีประสิทธิภาพลดลงเล็กน้อยถึงปานกลาง เนื่องจากการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แต่ก็เป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดาว่าจะลดลงเหลือเท่าใด ขณะนี้ ไบออนเทคกำลังเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิดรุ่นอัปเกรดประสิทธิภาพ แม้ว่าจะยังคงไม่มีความชัดเจนว่าจำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรือไม่ เขายังกล่าวว่า การฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันมีแนวโน้มที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันความรุนแรงของโรคในทุกระดับเมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนสองเข็ม ทั้งนี้ ความมั่นใจในประสิทธิภาพวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทคของนายซาฮินถือเป็นท่าทีที่แตกต่างจากนายสเตฟาน บานเซล ซีอีโอของโมเดอร์นา ซึ่งออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า วัคซีนโควิดที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเจอสายพันธุ์โอไมครอน.-สำนักข่าวไทย
“อนุทิน” เตรียมเสนอ ศบค.ใหญ่ แผนเปิดประเทศระยะ2 เผย ลงนามซื้อไฟเซอร์อีก 30 ล้านโดส มั่นใจวัคซีนเพียงพอ
เจนีวา 25 พ.ย. – องค์การอนามัยโลกระบุเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ราวร้อยละ 40 พร้อมทั้งเตือนให้ผู้คนทั่วโลกเลิกเข้าใจผิดว่าการฉีดวัคซีนโควิดทำให้ใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องระมัดระวังตัว ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิดครบโดสล้วนเข้าใจผิดว่าการฉีดวัคซีนทำให้ใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องระมัดระวังตัว แต่ที่จริงแล้วผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิดและแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น ยิ่งเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาแพร่ระบาดได้มากขึ้น ก็หมายความว่าวัคซีนโควิดมีประสิทธิภาพป้องกันลดลง ดร.ทีโดรส ยังระบุว่า ขณะนี้องค์การอนามัยโลกกำลังวิตกกังวลเกี่ยวกับความเชื่อผิด ๆ ที่ว่าวัคซีนจะทำให้การระบาดของโรคโควิด-19 สิ้นสุดลง และผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค แม้วัคซีนจะช่วยป้องกันการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ 100% ทั้งยังอ้างข้อมูลที่ระบุว่า ก่อนหน้านี้ วัคซีนโควิดมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อได้ราวร้อยละ 60 แต่หลังเกิดการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาก็มีประสิทธิภาพลดเหลือเพียงร้อยละ 40 เท่านั้น ดร.ทีโดรส ยังเน้นย้ำว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิดครบโดสหมายถึงผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำต่ออาการป่วยหนักและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แต่ยังคงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิดและแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น ดังนั้น ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสจึงต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 เพื่อป้องกันการติดเชื้อและแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด และไม่ควรออกไปพบผู้อื่นนอกบ้านโดยไม่จำเป็น.-สำนักข่าวไทย