พบติดโอไมครอนในไทยแล้ว 205 คน


ทำเนียบ 24 ธ.ค.- ศบค. เผยผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 2,671 ราย พบติดไอไมครอนในไทยแล้ว 205 ราย ขณะ 5 จังหวัดรายงานความคืบหน้าจัดงานปีใหม่ ย้ำมาตรการป้องกันจำกัดร่วมงาน 1 พันคน ยันมีวัคซีนเพียงพอ เล็งฉีดให้แรงงาน-กลุ่มเปราะบาง-ศูนย์พักพิง



พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ เพิ่มขึ้น 2,671 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,175,809 ราย หายป่วยเพิ่ม 2,766 ราย รวมหายป่วยแล้ว 2,117,526 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 38,192 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 836 ราย, ใส่เครื่องช่วยหายใจ 218 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 27 คน ผู้เสียชีวิตสะสมรวม 21,434 คน ผู้ป่วยยืนยันสะสมรอกใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 – 24 ธันวาคม 2564 โดยผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น 2,671 ราย เป็นผู้ที่ติดเชื้อในประเทศ 2,558 ราย จากระบบเฝ้าระวังและบริการ 2,502 ราย, จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 56 ราย, จากเรือนจำ 58 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 55 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตวันนี้ 27 คน เป็นชาย 13 คน หญิง 14 คน เป็นคนไทยทั้งหมด ระหว่าง 50-94 ปี ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปร้อยละ 78 เป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรังร้อยละ 15


ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในประเทศ 10 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพฯ 411 รายชลบุรี 175 ราย นครศรีธรรมราช 144 ราย สมุทรปราการ 87 ราย สงขลา 85 ราย,ขอนแก่น 73 ราย ราชบุรี 60 ราย พัทลุง 59 ราย พิษณุโลก 59 ราย และเชียงใหม่ 56 ราย



ขณะที่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลก 278 ล้านราย เสียชีวิตแล้วกว่า 5.4 ล้านคน สหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 52.7 ล้านราย อินเดีย 34.7 ล้านราย บราซิล 22.2 ล้านราย สหราชอาณาจักร 11.7 ล้านราย รัสเซีย 10 ล้านราย โดยมีประเทศที่มีการแพร่ระบาดสายพันธุ์โอมิครอน ยืนยันแล้ว 98 ประเทศ ที่สหรัฐอเมริกา ยืนยันการแพร่ระบาดครบ 50 รัฐแล้ว ซึ่งการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าอย่างรวดเร็ว ส่วนการแพร่ระบาดในทวีปเอเชียที่มักจะตามหลังทวีปยุโรป ดังนั้นจึงนอนใจไม่ได้ เพราะเมื่อทวีปยุโรปมีการแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าวลดลง ทวีปเอเชียจะมีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น


พญ.อภิสมัย ยังกล่าวอีกว่า การแพร่ระบาดของสายพันธุ์ โอไมครอน ในประเทศไทย พบแล้ว 205 ราย โดยล่าสุดที่ประชุม EOC รายงานว่า เป็นผู้ป่วยจากจังหวัดกาฬสินธุ์ สามีภรรยาเดินทางมาจากเบลเยียม ทั้งคู่อายุ 47 ปี โดยเข้ามาประเทศไทยด้วยเงื่อนไขที่จะต้องตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทาง และเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย ผลเป็นลบ ก่อนที่จะเดินทางกลับกาฬสินธุ์ และได้ไปรับประทานอาหารกับครอบครัวที่ร้านอาหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ปิด เริ่มมีอาการวันที่ 13 และ 15 ธันวาคม โดยทั้ง 2 คนเดินทางไปธนาคาร และสถานที่ราชการหลายแห่ง การโดยสารรถตู้ประจำทางไปจังหวัดขอนแก่น พบปะผู้คน และเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ตรวจ RT-PCR ยืนยันเป็นบวก และตรวจสายพันธุ์ยืนยันเป็นโอไมครอนจากคลัสเตอร์ดังกล่าว ทำให้มีผู้ติดเชื้อยืนยันแล้ว 21 คน โดยล่าสุดรายงานผู้เดินทางจากต่างประเทศ พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 50 ของผู้เดินทางเข้าประเทศ ทำให้หลายหน่วยงานเริ่มยกระดับความเข้มงวดการจัดงานช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือบางหน่วยงานยกเลิกการจัดเทศกาลปีใหม่ บางร้านอาหารประกาศปิด เพื่อเตรียมมาตรการให้รัดกุมมากขึ้น เพราะเชื่อดังกล่าวถ้าเราอยากได้รวดเร็วและติดง่าย


พญ.อภิสมัย ยังกล่าวถึงการจัดงานปีใหม่ที่จะมี 5 จังหวัด ซึ่งกำหนดเป็นพื้นที่จัดงานปีใหม่เข้ารายงานความคืบหน้า ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา ระยอง ดังนั้นจึงขอความร่วมมือประชาชน จะต้องลงทะเบียนล่วงหน้าเท่านั้น สำหรับผู้ที่ต้องการไปร่วมงานปีใหม่ใน 5 จังหวัดดังกล่าว โดยจำกัดเพียง 1,000 คนเท่านั้น มีการโหลด application QQ เพื่อจองคิวล่วงหน้า โหลด application จะเปิดวันที่ 25 ธันวาคม โดยจะต้องลงข้อมูลตามมาตรการของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือ ต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม มีการตรวจ ATK ล่วงหน้า 72 ชั่วโมงก่อนเข้าร่วมงาน โดยที่จังหวัดภูเก็ต มีการจัดหมอพร้อม station อำนวยความสะดวก ให้นักท่องเที่ยวไปตรวจ ATK ตามจุดที่กำหนดได้ มีจุดตรวจคัดกรองอุณหภูมิภายในงาน



นอกจากนี้ยังขอให้ทุกคนที่จะไปร่วมงานปีใหม่ ไม่ว่าจะเป็น 5 จังหวัดดังกล่าว หรือที่อื่นๆ ประเมินตนเอง ผ่านแอปพลิเคชัน กรมอนามัย เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ปลอดภัยกับตัวเราและบุคคลอื่น


ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำทุกโรงพยาบาล ระบบสาธารณสุขต่างๆ ขอให้เตรียมความพร้อม ข้าราชการทุกภาคส่วน ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ รวมทั้งศูนย์กักกันในชุมชน community isolation หรือการจัดทีมรองรับการแพร่ระบาด home isolation ส่วนการให้วัคซีนแอสตราเซเรกา ที่จะให้เป็นวัคซีน บูสเตอร์ เข็มที่ 3 มีแนวโน้มการป้องกันสายพันธุ์โอมิครอน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงขอเชิญชวนให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วไปรับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ได้ ยืนยันขณะนี้มีวัคซีนเพียงพอ


ขณะที่ยอดการฉีดวัคซีนในประเทศไทยวันนี้(24 ธ.ค.) 101,609,859 โดส คิดเป็นเข็มที่ 1 ร้อยละ 70.6 เข็มที่ 2 ร้อยละ 62.5 เข็มที่ 3 ร้อยละ 8


พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค.มีการพูดถึงการฉีดวัคซีนในกลุ่มเปราะบางที่เข้าถึงยาก ต้องขอบคุณทั้งกระทรวงมหาดไทย สมาคมเจ้าของเรือไทย กรมเจ้าท่า และศรชล ที่รายงานความคืบหน้าการฉีดวัคซีนกลุ่มแรงงานประมง ทั้งชาวไทยและต่างชาติ วิธีการทำบันทึกสำรวจ ว่า มีรายงานอีกส่วนหนึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เนื่องจากอยู่ในทะเล ประมาณ 300 คน หากเข้าฝั่งจะพยายามฉีดวัคซีนให้ได้ทั้งหมด รวมทั้งแรงงานต่างด้าว ศูนย์อพยพ ศูนย์พักพิง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]