
ยูเอ็นขอให้จีนทบทวนนโยบายปราบปรามก่อการร้าย
นางมิเชล บาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็น เรียกร้องให้รัฐบาลจีนทบทวนนโยบายปราบปรามการก่อการร้ายให้เป็นไปตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล
นางมิเชล บาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็น เรียกร้องให้รัฐบาลจีนทบทวนนโยบายปราบปรามการก่อการร้ายให้เป็นไปตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล
สหประชาชาติ 27 เม.ย.- นายอันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียตกลงกันเรื่องจัดเส้นทางให้คนอพยพออกจากโรงงานเหล็กในเมืองมารีอูปอลของยูเครนที่ถูกกองกำลังรัสเซียปิดล้อมอยู่ โฆษกยูเอ็นแถลงว่า ในการพบหน้ากันตัวต่อตัวเมื่อวันอังคาร ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อ 2 เดือนก่อน นายกูเตอร์เรสและนายปูตินได้หารือข้อเสนอความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการอพยพคนออกจากเขตขัดแย้ง ซึ่งหมายถึงสถานการณ์ในเมืองมารีอูปอล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ทั้งคู่เห็นพ้องในหลักการว่ายูเอ็นและคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศควรเข้าไปมีส่วนร่วมในการอพยพพลเรือนออกจากโรงงานเหล็กอาซอฟสตอล โดยจะมีการหารือเรื่องนี้กับสำนักงานมนุษยธรรมยูเอ็นและกระทรวงกลาโหมรัสเซียในวันพุธ เลขาธิการยูเอ็นและผู้นำรัสเซียหารือกันเกือบ 2 ชั่วโมง โดยนั่งอยู่เพียง 2 คน ตรงข้ามกันด้านหัวโต๊ะยาว เลขาธิการยูเอ็นวิจารณ์ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครนว่า ละเมิดบูรณภาพทางดินแดนของประเทศเพื่อนบ้านอย่างชัดเจน และขอให้รัสเซียเปิดทางให้มีการอพยพพลเรือนที่ติดค้างอยู่ในโรงงานเหล็กดังกล่าว ขณะที่ผู้นำรัสเซียอ้างว่า กองกำลังรัสเซียได้เสนอเปิดเส้นทางด้านมนุษยธรรมให้แก่พลเรือนแล้ว แต่กองกำลังยูเครนที่ปักหลักอยู่ในโรงงานใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์และไม่ยอมปล่อยให้ออกมา เอพีรายงานว่า โรงงานแห่งนี้ถูกรัสเซียโจมตีจนเหลือแต่ซาก และเป็นที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มต่อต้านในเมืองมารีอูปอล ว่ากันว่ามีทหารยูเครน 2,000 นาย และพลเรือน 1,000 คนกบดานอยู่ในชั้นใต้ดินของโรงงาน.-สำนักข่าวไทย
นิวยอร์ก 23 เม.ย.- นายอันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) จะพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียและประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนในสัปดาห์หน้า ผู้ช่วยโฆษกประจำตัวนายกูเตอร์เรสเผยระหว่างการแถลงข่าววานนี้ว่า เลขาธิการยูเอ็นจะเดินทางไปกรุงมอสโกของรัสเซียในวันอังคาร เพื่อพบกับผู้นำรัสเซียและรับประทานมื้อเที่ยงรวมทั้งประชุมกับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย โดยหวังว่าจะได้พูดคุยเรื่องที่สามารถทำได้เพื่อให้ยูเครนเกิดสันติภาพโดยทันที ขณะที่สำนักงานโฆษกยูเอ็นแถลงว่า เลขาธิการยูเอ็นจะเดินทางไปพบกับผู้นำยูเครนในวันพฤหัสบดี รวมทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนและคณะเจ้าหน้าที่หน่วยงานยูเอ็น เพื่อหารือเรื่องการเร่งจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม นายกูเตอร์เรสขอพบผู้นำรัสเซียและยูเครนผ่านจดหมายที่ส่งถึงคณะผู้แทนถาวรประจำยูเอ็นของแต่ละประเทศ หลังจากเมื่อวันอังคารได้เรียกร้องขอให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมเป็นเวลา 4 วันเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาในช่วงอีสเตอร์แบบออร์โธด็อกซ์ที่ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 24 เมษายนนี้ เพื่อเปิดทางให้ประชาชนอพยพอย่างปลอดภัยออกจากพื้นที่ที่มีการสู้รบ และสามารถจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังพื้นที่เดือดร้อนหนัก.-สำนักข่าวไทย
ฮ่องกง 11 เม.ย.- ทนายความของนายจิมมี ไล เจ้าของสื่อและนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ขอให้สหประชาชาติหรือยูเอ็นเข้ามาสอบสวนเรื่องที่เขาถูกคุมขังและตั้งข้อหาอาญาหลายข้อหา เพราะมองว่าเป็นการคุกคามทางกฎหมายเพื่อลงโทษเขาที่แสดงความคิดเห็น ทีมทนายความของนายไลในอังกฤษแถลงวันนี้ว่า ลูกความวัย 74 ปี อาจต้องใช้ชีวิตที่เหลือในเรือนจำ เพียงเพราะพูดแสดงความคิดเห็นและปกป้องเสรีภาพสื่อมวลชน ประชาธิปไตย และหลักนิติรัฐในฮ่องกง ทีมทนายความได้ส่งคำร้องไปยังผู้รายงานพิเศษยูเอ็นเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและแสดงออก การต่อต้านการก่อการร้ายและสิทธิมนุษยชน สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการชุมนุมและรวมตัวอย่างสันติ และกลุ่มผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน ขณะนี้กำลังรอคำตอบอยู่ ขณะที่นายเซบาสเตียน ไล บุตรชายของเขาขอให้ผู้รายงานพิเศษยูเอ็นเข้ามาสอบสวนการกระทำของทางการจีนและฮ่องกงที่มีต่อชาวฮ่องกง เอพีอธิบายเพิ่มเติมว่า ผู้รายงานพิเศษยูเอ็นมีอำนาจในการหาข้อมูลจากหน่วยงานรัฐบาลเท่านั้น โดยอาจขอให้ทางการดำเนินมาตรการเพื่อยุติการละเมิดได้ นายไล เจ้าของหนังสือพิมพ์แอปเปิลเดลีที่ปิดตัวไปแล้วถูกทางการฮ่องกงตั้งข้อหาโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนใช้ในฮ่องกงตั้งแต่กลางปี 2563 ขณะนี้กำลังรับโทษจำคุก 20 ปี นอกจากนี้ยังถูกอายัดทรัพย์สินและถูกตั้งข้อหาอีกหลายข้อหาจากการเข้าร่วมการประท้วงหลายครั้ง.-สำนักข่าวไทย
สหประชาชาติ ระบุมีผู้อพยพจากยูเครนข้ามพรมแดนไปยังโปแลนด์แล้วกว่า 1.8 ล้านคน ซึ่งสหประชาชาติได้ส่งเจ้าหน้าที่และสิ่งของช่วยเหลือเพิ่มเติมไปยังโปแลนด์
สหประชาชาติ 15 มี.ค.- นายอันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ชี้ว่า จะไม่มีผู้ชนะสงครามในยูเครน เพราะจะมีแต่คนแพ้ และอาจบานปลายกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ได้ เว็บไซต์รัสเซียทูเดย์หรืออาร์ที (RT) ซึ่งเป็นสื่อของทางการรัสเซียรายงานว่า นายกูเตอร์เรสแถลงนอกห้องประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเมื่อวันจันทร์ตามเวลานิวยอร์กว่า สงครามในยูเครนที่ทวีความรุนแรงอยู่ในขณะนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นโดยบังเอิญหรือการจงใจจะเป็นภัยต่อมวลมนุษยชาติ โอกาสที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคิดมาก่อนได้กลับมาเป็นเรื่องที่สามารถเป็นไปได้จริงแล้ว นายกูเตอร์เรสเตือนเรื่องนี้ หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียยกระดับกองกำลังด้านการป้องกันที่มีอาวุธเชิงยุทธศาสตร์หลากหลายประเภท ครอบคลุมทั้งอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธทั่วไป ขึ้นเป็นกองกำลังพิเศษเมื่อปลายเดือนก่อน เป็นการยกระดับที่นายกูเตอร์เรสมองว่า น่ากลัวอย่างน่าสยดสยอง เลขาธิการยูเอ็นกล่าวด้วยว่า สงครามนี้จะไม่มีผู้ชนะ จะมีแต่คนแพ้ และจะลุกลามไปยังเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนาที่จะได้รับผลกระทบเป็นพิเศษจากราคาอาหารแพงขึ้น เพราะรัสเซียและยูเครนผลิตน้ำมันดอกทานตะวันมากถึงครึ่งหนึ่งของโลก และปลูกข้าวสาลี 1 ใน 3 ของโลก อาร์ทีรายงานว่า บรรดาผู้รู้และนักการเมืองในยุโรปและสหรัฐกำลังกดดันให้องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโตประกาศเขตห้ามบินเหนือน่านฟ้ายูเครน เพื่อเปิดช่องให้ยุโรปและสหรัฐสามารถยิงเครื่องบินรัสเซียในน่านฟ้ายูเครน และนำชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์มาเผชิญหน้ากันอย่างเปิดเผย จนถึงขณะนี้ผู้นำในนาโตและสหรัฐยังไม่ยอมเข้าไปข้องเกี่ยวกับสงครามนี้โดยตรง ตราบใดที่สมาชิกนาโตยังไม่ถูกโจมตี อาร์ทีกล่าวถึงการที่รัสเซียใช้ปฏิบัติการทางทหารกับยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ว่า ประธานาธิบดีปูตินยืนยันว่าเป็นการขจัดนาซีและปลดอาวุธประเทศเพื่อนบ้าน และสร้างความมั่นใจว่ายูเครนจะไม่เข้าร่วมนาโต โดยมีขึ้นหลังจากทั้งสองประเทศเผชิญหน้ากันมา 7 ปี จากเรื่องรัสเซียกล่าวหายูเครนว่า ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในแคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันสก์ที่พูดภาษารัสเซีย.-สำนักข่าวไทย
เจนีวา 14 มี.ค.- หน่วยงานของสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ร่วมกันเรียกร้องให้หยุดยิงโดยทันทีและยุติการโจมตีบุคลากรและสถานพยาบาลในยูเครน โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคนเป็น “ความโหดร้ายที่ไร้จิตสำนึก” ระบบเฝ้าระวังการโจมตีการดูแลสุขภาพหรือเอสเอสเอ (SSA) ขององค์การอนามัยโลกเผยแพร่แถลงการณ์ร่วมที่ลงนามโดยผู้อำนวยการองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติหรือยูนิเซฟ กองทุนประชากรยูเอ็น และองค์การอนามัยโลกว่า นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์มีการโจมตีการดูแลสุขภาพแล้วทั้งหมด 31 ครั้ง การโจมตีกลุ่มผู้เปราะบางที่สุดที่ประกอบด้วยทารก เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงชีวิตตนเองเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น ถือเป็นการกระทำที่โหดร้ายอย่างไร้จิตสำนึก การโจมตีดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 12 คน บาดเจ็บ 34 คน แถลงการณ์เรียกร้องให้หยุดยิงโดยทันที เพราะบุคลากรทางการแพทย์จะต้องสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย ทั้งการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และโปลิโอ การให้ยาช่วยชีวิตแก่พลเรือนทั่วยูเครนและผู้ลี้ภัยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แถลงการณ์ระบุว่า ตั้งแต่รัสเซียรุกรานยุเครน มีการคลอดไม่ต่ำกว่า 4,300 ครั้ง คาดว่าสตรียูเครนประมาณ 80,000 คนจะคลอดในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ขณะนี้ออกซิเจนและยา รวมถึงการจัดการกรณีเกิดภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์กำลังเหลือน้อยถึงระดับที่เป็นอันตราย ระบบสาธารณสุขในยูเครนกำลังตึงตัวอย่างยิ่ง หากระบบล้มเหลวจะกลายเป็นหายนะ จึงต้องพยายามอย่างเต็มที่ที่จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ขอเรียกร้องให้มีการหยุดยิงโดยทันทีและการเปิดทางให้ผู้เดือดร้อนได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทางออกสันติเพื่อยุติสงครามในยูเครนยังคงเป็นเรื่องที่สามารถเป็นไปได้.-สำนักข่าวไทย
ไทยออกถ้อยแถลงผ่านเวทียูเอ็น เรียกร้องรัสเซีย-ยูเครน ยุติสถานการณ์อย่างสันติ หยุดการใช้ความรุนแรง
สหประชาชาติ 3 มี.ค.- ไทยเป็นหนึ่งใน 141 ชาติสมาชิกสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นจีเอ (UNGA) ที่ลงมติสนับสนุนญัตติเรียกร้องให้รัสเซียยุติการใช้ปฏิบัติการทางทหารในยูเครนโดยทันที เว็บไซต์เดอะดิโพลแมตรายงานว่า ญัตติดังกล่าวประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการที่รัสเซียรุกรานยูเครน อันเป็นการละเมิดมาตรา 2 ย่อหน้า 4 ในกฎบัตรยูเอ็น และตัดสินว่ารัสเซียควรถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากดินแดนของยูเครนที่อยู่ภายในพรมแดนที่ได้รับการรับรองจากสากลโดยทันที ครบถ้วน และไร้เงื่อนไข เดอะดิโพลแมตสำรวจการออกเสียงตามภูมิภาคพบว่า เอเชียแปซิฟิกมีประเทศงดออกเสียง 10 ประเทศ โดยมีจีน สปป.ลาว และเวียดนามรวมอยู่ด้วย มีประเทศที่ทั้งร่วมเสนอญัตติและออกเสียงสนับสนุน 14 ประเทศ โดยมีกัมพูชา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้รวมอยู่ด้วย ขณะที่เอเชียกลาง 5 ประเทศที่ใกล้ชิดกับรัสเซีย งดออกเสียงหรือไม่เข้าร่วมการออกเสียงเลย ส่วนไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่ออกเสียงสนับสนุน ด้านเว็บไซต์ข่าวยูเอ็นรายงานว่า ญัตติดังกล่าวเรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากดินแดนของยูเครนที่อยู่ภายในพรมแดนที่ได้รับการรับรองจากสากลโดยทันที ครบถ้วน และไร้เงื่อนไข สมาชิกกว่า 90 ประเทศเป็นผู้ร่วมเสนอญัตติ และต้องได้เสียงข้างมาก 2 ใน 3 จึงจะผ่านความเห็นชอบ ผลการลงมติเมื่อวันพุธตามเวลานิวยอร์ก มี 141 ประเทศออกเสียงสนับสนุน 5 ประเทศออกเสียงคัดค้าน […]
สหประชาชาติ 2 มี.ค.- ประเทศส่วนใหญ่ในสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ตำหนิรัสเซียเรื่องรุกรานยูเครนและขอให้ยูเอ็นออกมติเรียกร้องให้รัสเซียยุติการใช้ปฏิบัติการทางการทหารในยูเครนโดยทันทีและถอนกำลังทหารรัสเซียทั้งหมดออกไป มตินี้ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่สะท้อนถึงความคิดเห็นของประชาคมโลก สมาชิกสมัชชาใหญ่ยูเอ็น 193 ประเทศจะลงมติญัตติในบ่ายวันพุธตามเวลานิวยอร์ก หลังจากเอกอัครราชทูต 120 ประเทศเสร็จสิ้นการกล่าวสุนทรพจน์แสดงจุดยืนในเรื่องนี้ เนื้อหาในญัตติประณามเบลารุสที่ข้องเกี่ยวกับการใช้กำลังกับยูเครนอย่างผิดกฎหมาย และเรียกร้องให้เบลารุสปฏิบัติตามพันธกิจสากล ข้อมูลจนถึงค่ำวันอังคารพบว่า มี 94 ประเทศให้การสนับสนุน ในจำนวนนี้มีอัฟกานิสถานและเมียนมารวมอยู่ด้วย ขณะที่เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือและคิวบากล่าวโทษสหรัฐและชาติตะวันตกว่า เป็นต้นเหตุของวิกฤตยูเครน เพราะพยายามขยายองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโตไปทางตะวันออกจนประชิดพรมแดนรัสเซียและจัดส่งอาวุธให้ยูเครน โดยไม่สนใจความกังวลเรื่องความมั่นคงของรัสเซีย สหรัฐและชาติตะวันตกเสนอญัตติลักษณะเดียวกันต่อคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นหรือยูเอ็นเอสซีเมื่อสัปดาห์ก่อน เรียกร้องให้รัสเซียยุติการใช้กำลังทหารต่อยูเครนโดยทันทีและถอนทหารทั้งหมดออกไป แต่ถูกรัสเซียใช้สิทธิยับยั้งหรือวีโต้ ขณะที่จีน อินเดีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์งดออกเสียง ทำให้มติที่มีเสียงสนับสนุน 11 วีโต้ 1 เสียง จากสมาชิกทั้งหมด 15 ประเทศเป็นอันตกไป.-สำนักข่าวไทย
หน่วยงานของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น (UN) เผยว่า มีพลเรือนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 240 คน ในจำนวนนี้ 64 คน เสียชีวิตในยูเครน นับตั้งแต่รัสเซียยกกำลังบุกยูเครนตั้งแต่วันพฤหัสบดี
รัสเซียใช้สิทธิยับยั้งร่างมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวานนี้ ที่จะประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซียในขณะที่จีนงดออกเสียง