ผิดกฎหมาย

โซล 6 ก.ย. – ประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ระดมสรรพกำลังอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือชาวเกาหลีใต้หลายร้อยคนที่ถูกกวาดจับกุมในสหรัฐ จากปฏิบัติการตรวจคนเข้าเมืองผิดกฎหมายของรัฐบาลสหรัฐ ที่โรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ของบริษัท ฮุนได มอเตอร์ ในรัฐจอร์เจียของสหรัฐ นายโช ฮยุน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ เป็นประธานการประชุมฉุกเฉินในวันนี้เกี่ยวกับการปราบปรามผู้อพยพในสหรัฐ ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่าทางการมีความกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ดังกล่าวและรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่จะต้องให้การช่วยเหลือคนงานเหล่านี้ ขณะนี้กำลังหารือเรื่องส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงต่างประเทศไปยังสหรัฐเป็นการด่วน และหากมีจำเป็นเขาจะเดินทางไปด้วยตัวเอง เพื่อหารือกับรัฐบาลสหรัฐ หาทางช่วยเหลือแรงงานที่ถูกจับกุมต่อไป นายโช ยังกล่าวด้วยว่า ประธานาธิบดีอี เน้นย้ำว่าสิทธิและผลประโยชน์ของชาวเกาหลีใต้ ตลอดจนการดำเนินธุรกิจของบริษัทเกาหลีใต้ในสหรัฐจะต้องไม่ถูกละเมิด ความเคลื่อนไหวของทางการมีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐได้บุกเข้าจับกุมคนงานก่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ดำเนินการโดยบริษัท แอชแอล-จีเอ แบตเตอรี ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างฮุนได มอเตอร์ กับแอลจี เอเนอร์จี โซลูชัน ตั้งอยู่ในเขตเทศมณฑลไบรอัน ใกล้กับเมืองซาวันนาห์ ในรัฐจอร์เจียของสหรัฐ ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พูดถึงเรื่องนี้ว่าคนที่ถูกจับเป็นคนต่างด้าวผิดกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็เพียงแต่ทำตามหน้าที่เท่านั้น เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิประจำรัฐจอร์เจียระบุว่าคนที่ถูกจับมีทั้งผู้ที่เข้ามาในสหรัฐผ่านโครงการยกเว้นวีซ่าซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน และบางส่วนเป็นคนที่อาศัยอยู่เกินวีซ่า แรงงานที่ถูกกวาดจับครั้งนี้มีจำนวน 457 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวเกาหลีใต้ 300 คน ส่วนใหญ่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ศูนย์กักกันในเมืองโฟล์กสตัน […]

วอชิงตัน 30 ส.ค. – ศาลอุทธรณ์สหรัฐประกาศว่าภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่เจ้าตัวจะสู้ต่อในชั้นฎีกา และยืนยันว่ามาตรการภาษียังคงมีผลบังคับใช้อยู่ ศาลอุทธรณ์กลางในกรุงวอชิงตันของสหรัฐมีคำตัดสินด้วยมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 4 เสียงยืนตามศาลการค้าที่มีคำตัดสินไปเมื่อเดือนพฤษภาคมว่าการจัดเก็บภาษีศุลกากรตามนโยบายของทรัมป์ส่วนใหญ่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนด ศาลระบุว่า แม้กฎหมายสหรัฐ จะให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ภายหลังการประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติ แต่อำนาจดังกล่าวมิได้รวมถึงการจัดเก็บภาษีศุลกากร อากร หรือการเก็บภาษีในลักษณะอื่นแต่อย่างใด แต่คำตัดสินของศาลจะยังไม่มีผลไปจนถึงวันที่ 14 ตุลาคมเพื่อเปิดโอกาสให้รัฐบาลทรัมป์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาต่อไป หลังจากที่ศาลมีคำตัดสินออกมา นายทรัมป์ได้โพสต์ผ่านทางแพลตฟอร์มทรูธโซเชียลของเขาระบุว่า คำตัดสินของศาลไม่ถูกต้อง และยืนยันว่ามาตรการภาษียังคงมีผลบังคับใช้อยู่ พร้อมประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาต่อไป มาตรการภาษีของทรัมป์นั้นถือได้ว่าเป็นเสาหลักของนโยบายด้านการต่างประเทศของสหรัฐ โดยนายทรัมป์ใช้มาตรการทางภาษีเพื่อกดดันทางการเมืองและการเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่กับประเทศที่ส่งสินค้าไปยังสหรัฐ.-816.-สำนักข่าวไทย

จาการ์ตา 15 ส.ค. – ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ของอินโดนีเซียกล่าววันนี้ว่า อินโดนีเซียจะเริ่มดำเนินการกวาดล้างการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างผิดกฎหมายในวงกว้างมากขึ้น หลังจากผลสำรวจพบว่ามีพื้นที่ปลูกปาล์มถึงประมาณ 23.125 ล้านไร่ ที่ดำเนินการโดยละเมิดกฎหมาย นายปราโบโวกล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ปลูกปาล์มรวมประมาณ 31.25 ล้านไร่ อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ เนื่องจากดำเนินการในพื้นที่ป่าสงวน ไม่รายงานขนาดพื้นที่จริง หรือเพิกเฉยต่อการเรียกเข้าพบของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ นายปราโบโวกล่าวเรื่องนี้ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภา หรือ “สเตทออฟเดอะยูเนียน” ในฐานะประธานาธิบดีเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลก กำลังจะเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปีของการประกาศเอกราชในช่วงสุดสัปดาห์นี้ นายปราโบโวชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว และเข้ารับตำแหน่งในเดือนตุลาคม นายปราโบโวกล่าวว่า รัฐบาลจะทำให้แน่ใจว่าประชาชนชาวอินโดนีเซียจะไม่ตกเป็นเหยื่อของเศรษฐกิจที่โลภมาก พร้อมระบุว่ารัฐบาลได้ยึดพื้นที่ปลูกปาล์มที่ผิดกฎหมายไปแล้วประมาณ 19.375 ล้านไร่ โดยได้รับความช่วยเหลือจากกองทัพ นายปราโบโวกล่าวว่ารัฐบาลของเขายังมีแผนจะปราบปรามการทำเหมือง โดยทางการได้รับรายงานการดำเนินงานที่ผิดกฎหมายมากถึง 1,063 แห่งทั่วประเทศซึ่งเป็นหมู่เกาะขนาดใหญ่ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ แต่ เขาไม่ได้ระบุว่าเหมืองเหล่านั้นเป็นเหมืองประเภทใดหรือผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ใดออกมา.-813.-สำนักข่าวไทย

นิวยอร์ค 13 มิ.ย. – นครนิวยอร์กของสหรัฐดำเนินการทำลายรถจักรยานยนต์ผิดกฎหมายหลายร้อยคัน จากจำนวนที่ยึดมาได้กว่า 100,000 คันตั้งแต่ปี 2565 ช่วยลดการก่ออาชญากรรมที่เกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ เจ้าหน้าที่นครนิวยอร์กสามารถยึดรถจักรยานยนต์ผิดกฎหมายตามท้องถนนในเมืองได้มากกว่า 100,000 คันนับตั้งแต่ปี 2565 ซึ่งรวมถึงรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก หรือสกูตเตอร์ ที่ไม่ได้จดทะเบียน จักรยาน และรถเอทีวีที่ใช้ขับในสภาพพื้นผิวต่าง ๆ รวมกันกว่า 62,300 คัน ตลอดจน ‘รถยนต์ผี’ อีกกว่า 38,000 คัน ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ป้ายทะเบียนถูกดัดแปลงหรือปลอมแปลง ทำให้ไม่สามารถติดตามได้ เมื่อวานนี้ มียานยนต์สองล้อผิดกฎหมายมากกว่า 200 คันถูกทำลายและกำจัดในเกาะสเตเทน ไอสแลนด์ของนครนิวยอร์ก เจ้าหน้าที่นำรถจักรยานยนต์มาจอดเรียงกัน ก่อนให้รถบดตรงเข้าบดขยี้ยานยนต์สองล้อผิดกฎหมายเหล่านี้เป็นเศษเหล็ก โครงการนี้ ซึ่งนำโดยสำนักงานตำรวจนครนิวยอร์กและสำนักงานสุขาภิบาลนครนิวยอร์ก มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชาวนิวยอร์กโดยลดอัตราการก่ออาชญากรรมและคืนพื้นที่สาธารณะ การกวาดล้างยานพาหนะผิดกฎหมาย ส่งผลให้คดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และจักรยานยนต์ขนาดเล็ก หรือสกู๊ตเตอร์ ลดลงอย่างมาก ข้อมูลตั้งแต่ต้นปีพบว่า คดีลักทรัพย์ลดลงร้อยละ 85.7 และคดีปล้นที่เกี่ยวข้องกับยานพาหนะเหล่านี้ลดลงร้อยละ 68.2 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ผู้บัญชาการตำรวจนิวยอร์กเน้นย้ำถึงภัยคุกคามต่อความปลอดภัยสาธารณะที่เกิดจากยานพาหนะที่ไม่ได้จดทะเบียนและไม่สามารถติดตามได้ โดยเน้นถึงบทบาทของยานพาหนะเหล่านี้ ที่ช่วยให้เกิดคดีอาชญากรรมและหลบเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมาย.-815.-สำนักข่าวไทย

วอชิงตัน 11 มิ.ย. – สหรัฐเป็นประเทศที่มีผู้อพยพมากที่สุดในโลก โดยเมื่อปี 2567 สหรัฐมีประชากรคิดเป็นร้อยละ 4 ของประชากรโลก แต่เป็นที่อยู่อาศัยของผู้อพยพคิดเป็นร้อยละ 17 ของผู้อพยพทั้งโลก เว็บไซต์สถาบันนโยบายการอพยพหรือเอ็มพีไอ (Migration Policy Institute: MPI) ซึ่งเป็นหน่วยงานไม่ฝักใฝ่พรรคการเมืองใด ตั้งขึ้นในปี 2544 สำนักงานใหญ๋ในกรุงวอชิงตันของสหรัฐ ได้แจกแจงข้อมูลเกี่ยวกับผู้อพยพในสหรัฐว่า การสำรวจชุมชนอเมริกันล่าสุดของสำนักสำมะโนประชากรสหรัฐพบว่า ปี 2566 สหรัฐมีผู้อพยพอาศัยอยู่ทั้งหมด 47.8 ล้านคน ในจำนวนนี้ราว 3 ใน 4 อาศัยอยู่อย่างถูกกฎหมายในฐานะพลเรือนที่ได้รับการแปลงสัญชาติ ผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรโดยชอบด้วยกฎหมายหรือที่เรียกว่าผู้ถือกรีนการ์ด และผู้ถือวีซ่าชั่วคราว จำนวนผู้อพยพดังกล่าวถือว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 14.3 ของประชากรสหรัฐทั้งหมด 331.9 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2393 ที่เริ่มทำการสำมะโนประชากรครั้งแรก ครั้งนั้นสหรัฐมีผู้อพยพ 2.2 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 10 ของประชากรในขณะนั้น จำนวนผู้อพยพในสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 2513 ส่วนใหญ่มาจากลาตินอเมริกาและเอเชีย หลังจากสหรัฐแก้ไขกฎหมายการอพยพ […]