ชัวร์ก่อนแชร์: “บอสอเดล” จากอดีตดารา-สู่มารดาแชร์ลูกโซ่

03 พฤศจิกายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


คดีแชร์ลูกโซ่ที่ดำเนินการโดย อเดล สปิตเซเดอร์ อดีตนักแสดงละครเวทีชาวเยอรมัน ผู้สร้างฐานะจากการหลอกลวงการลงทุน ได้รับการจารึกให้เป็นการก่อคดีแชร์ลูกโซ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เหตุหลอกลวงด้านการลงทุนที่เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 4 ปีในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ส่งผลให้มีเหยื่อหลงเชื่อกว่า 32,000 ราย รวมค่าเสียหายในอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินปัจจุบันประมาณ 18,000 ล้านบาท

อเดล สปิตเซเดอร์ เป็นที่รู้จักในประเทศเยอรมนีในฐานะนักแสดงละครเวที เมื่อความนิยมเสื่อมลงแต่ยังคงใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ทำให้เธอมีปัญหาหนี้สิน และใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยเงินช่วยเหลือจากมารดาที่ 50 กูลเดนต่อเดือน


จุดกำเนิดแชร์ลูกโซ่ในแคว้นบาวาเรีย

กระทั่งในช่วงปี 1869 ณ เมืองมิวนิก แคว้นบาวาเรีย เมืองทางตอนใต้ของเยอรมนีในปัจจุบัน อเดล สปิตเซเดอร์ได้พบกับภรรยาของช่างทาสีบ้านผู้ยากไร้ อเดลเล่าว่าเธอรู้จักกับคนที่สามารถให้ผลตอบแทน 10% ต่อเดือนจากเงินลงทุน ภรรยาช่างทาสีจึงมอบเงินแก่อเดลจำนวน 100 กูลเดน ซึ่งอเดลก็คืนเงินให้เธอจำนวน 20 กูลเดนในฐานะดอกเบี้ยจากการลงทุน 2 เดือน และสัญญาว่าในเดือนที่ 3 ภรรยาช่างทาสีจะได้เงินคืนอีก 110 กูลเดน

เมื่อเห็นว่าแผนการดังกล่าวได้ผล อเดล สปิตเซเดอร์ จึงนำข้อความไปโฆษณายัง Münchner Neueste Nachrichten หนังสือพิมพ์แถวหน้าของเมืองมิวนิก เพื่อยืมเงินจากผู้ลงทุนรายละ 150 กูลเดน และสัญญาจะให้ผลตอบแทน 10% ภายในเวลา 2 เดือน


ข้อเสนอของ อเดล สปิตเซเดอร์ เป็นที่โจษจันในกลุ่มคนชนชั้นกรรมาชีพในนครมิวนิก ซึ่งกำลังมองหาแหล่งลงทุนที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมโดยชาวยิว จนมีคนแห่กันนำเงินเก็บมาร่วมลงทุนกับเธอ บางรายยอมขายฟาร์มของตนเองเพื่อหวังฝากอนาคตไว้กับเงินปันผลที่จะได้จากการลงทุนครั้งนี้

ก่อตั้งธนาคารจอมปลอม

ในปีเดียวกันนั้น อเดล สปิตเซเดอร์ ได้ก่อตั้งธนาคารที่มีชื่อว่า Spitzedersche Privatbank โดยใช้ห้องในโรงแรมที่เธออาศัยเป็นสำนักงาน ภายหลังเธอต้องเช่าห้องเพิ่มเมื่อจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นถึง 40 คนอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ดี ทีมงานของ อเดล สปิตเซเดอร์ เต็มไปด้วยบุคคลที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการทำบัญชี เงินที่ได้จากนักลงทุนถูกเก็บอย่างลวก ๆ ในกระสอบหรือตู้เก็บของ รายชื่อผู้ลงทุนมีการบันทึกเพียงชื่อและจำนวนเงินลงทุนเท่านั้น และเนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชนชั้นแรงงานที่ไม่รู้หนังสือ จึงลงชื่อด้วยการทำเครื่องหมายกากบาทแทนลายเซ็น

ข้อเสนอของ อเดล สปิตเซเดอร์ ส่งผลต่อธุรกิจธนาคารรายอื่น ๆ ในเมืองมิวนิก เมื่อผู้คนแห่กันถอนเงินจากธนาคารอื่น ๆ เพื่อนำเงินมาลงทุนกับธนาคารของเธอจำนวนมาก

ไม่รู้แหล่งรายได้-ไม่ประกันเงินต้น

จุดสังเกตในข้อเสนอของ อเดล สปิตเซเดอร์ คือเธอไม่เคยบอกว่าจะนำเงินไปลงทุนอย่างไร และไม่เคยสัญญาเรื่องการรับประกันเงินต้นอีกด้วย แต่ลูกค้าที่นำเงินมาลงทุนต่างยินดีกับผลตอบแทนที่เธอสัญญาจะมอบให้โดยไม่ตั้งคำถามใด ๆ

ซึ่งวิธีการจ่ายผลตอบแทนของ อเดล สปิตเซเดอร์ คือการนำเงินลงทุนจากลูกค้ารายใหม่ ไปจ่ายเป็นผลตอบแทนที่สัญญาไว้กับลูกรายเก่า ซึ่งเข้าข่ายการทำธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่อย่างชัดเจน

เหตุผลที่ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ไม่ถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ เนื่องจากในยุคนั้นยังไม่มีกฎหมายด้านการธนาคารและกฎระเบียบด้านการเงินออกมาบังคับใช้ และเธอยังคงให้ผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนตามที่สัญญาไว้เสมอ นอกจากนี้ แคว้นบาวาเรียในยุคนั้นยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจหลายชนิดสามารถดำเนินการโดยปราศจากการตรวจสอบด้านความโปร่งใสอีกด้วย

ขยายกิจการธุรกิจแชร์ลูกโซ่

จนกระทั่งในปี 1871 ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ของ อเดล สปิตเซเดอร์ เติบโตอย่างต่อเนื่อง เธอจึงนำเงินลงทุนของลูกค้าจำนวน 54,000 กูลเดน ไปซื้อบ้านใหม่เพื่อจะใช้เป็นสำนักงานของเธอ โดยขณะนั้นมีพนักงานเพิ่มขึ้นกว่า 80 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนายหน้าที่ได้ส่วนแบ่งจากการหาลูกค้าใหม่รายละ 5-7 %

อเดล สปิตเซเดอร์ ต่อยอดธุรกิจด้วยการปล่อยเงินกู้และลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ จนมีรายได้ถึง 50,000 ถึง 60,000 กูลเดนต่อวัน ความมั่งคั่งทำให้เธอครอบครองทรัพย์สินมูลค่านับล้านกูลเดนและเป็นเจ้าของงานศิลปะราคาหลายล้านกูลเดน รวมถึงเป็นเจ้าของบ้านในมิวนิกถึง 17 หลัง จนสื่อในยุคนั้นยกให้เธอเป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้นบาวาเรีย

สร้างภาพให้คนหลงศรัทธา

อเดล สปิตเซเดอร์ ใช้กลยุทธ์ซื้อใจเหยื่อแชร์ลูกโซ่ด้วยการเปิดให้มีการฝากเงินต่อเมื่อธุรกรรมการถอนเงินสิ้นสุดลง ซึ่งส่วนใหญ่จะเลยช่วงเที่ยงวันไปแล้ว ส่งผลให้แถวของผู้คนที่นำเงินมาฝากกับเธอยาวเหยียดไปนอกสำนักงาน สร้างความรู้สึกแก่ผู้พบเห็นว่าการร่วมลงทุนกับเธอเป็นโอกาสที่พิเศษแค่ไหน

อเดล สปิตเซเดอร์ ยังสร้างภาพให้ตนเองเป็นผู้เคร่งศาสนา ด้วยการคล้องไม้กางเขนให้เห็นอย่างเด่นชัด และร่วมกิจกรรมทางศาสนากับชุมชนอย่างต่อเนื่อง

เธอนำเงินที่ได้จากนักลงทุนไปเปิดโรงทานถึง 12 แห่งในเมืองมิวนิก พร้อมจำหน่ายอาหารและเบียร์ในราคาย่อมเยาว์ จนเธอได้รับการยกย่องจากชาวบ้านว่าเป็น “เทพธิดาแห่งผู้ยากไร้”

การสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา ทำให้เธอได้รับการหนุนหลังจากโบสถ์คาทอลิก ที่ช่วยดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น และเป็นโล่ป้องกันเสียงวิจารณ์การดำเนินธุรกิจที่คลุมเครือของเธออีกทางหนึ่ง

การสอบสวนของสื่อมวลชน

Münchner Neueste Nachrichten หนังสือพิมพ์แนวคิดเสรีนิยมของเมืองมิวนิก เริ่มตีพิมพ์บทความตั้งคำถามความโปร่งใสในธุรกิจของ อเดล สปิตเซเดอร์ ตั้งแต่ปี 1870

อเดล สปิตเซเดอร์ ตอบโต้ด้วยการซื้อพื้นที่โฆษณาในหนังสือพิมพ์หัวหลัก ๆ ของเมืองเพื่อโต้แย้งข้อกล่าวหาดังกล่าว

ในขณะเดียวกัน นอกจาก Münchner Neueste Nachrichten จะปฏิเสธการให้พื้นที่โฆษณาแก่ อเดล สปิตเซเดอร์ แล้ว ยังบอกปัดการติดสินบนจากเธอเพื่อให้ยุติการวิพากษ์วิจารณ์อีกด้วย

อเดล สปิตเซเดอร์ จึงหันไปขอความร่วมมือจาก Volksbote หนังสือพิมพ์แนวคิดอนุรักษ์นิยมซึ่งมีชื่อเสียงพอ ๆ กับ Münchner Neueste Nachrichten แต่กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน และเป็นลูกหนี้ของ อเดล สปิตเซเดอร์ ในขณะนั้น

นับแต่นั้น Volksbote จึงถูกใช้เป็นช่องทางโต้แย้งคำกล่าวอ้างที่มาจาก Münchner Neueste Nachrichten ไปโดยปริยาย

รวมถึงแรงสนับสนุนจากสื่อในแวดวงศาสนา ที่ออกมาโต้แย้งคำวิจารณ์ต่อ อเดล สปิตเซเดอร์ ว่าเป็นเพียงแผนการของกลุ่มทุนชาวยิว ที่พยายามด้อยค่าความสำเร็จของผู้หญิงทำมาหากินและเป็นผู้เคร่งครัดในศาสนา

ในปี 1871 อเดล สปิตเซเดอร์ ได้ควบกิจการหนังสือพิมพ์หลายเจ้าที่ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ตรงเวลา และยังเปิดหนังสือพิมพ์ของเธอเองในชื่อ Münchener Tageblatt

การมีสื่อในมือทำให้ชื่อเสียงของเธอโด่งดังไปถึงนอกเมืองมิวนิก และเริ่มมีลูกค้าจากต่างเมืองนำเงินมาลงทุนกับเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ

การล่มสลายของอาณาจักรแชร์ลูกโซ่

Münchner Neueste Nachrichten ซึ่งรายงานความผิดปกติของธุรกิจแชร์ลูกโซ่อย่างต่อเนื่อง ได้ตีพิมพ์บทความในช่วงปลายปี 1872 ซึ่งเนื้อหาเป็นการแนะนำเจ้าหน้าที่ให้เห็นช่องทางการตรวจสอบและเอาผิดธุรกิจแชร์ลูกโซ่ของ อเดล สปิตเซเดอร์

การตีพิมพ์ครั้งนั้น ส่งผลให้ผู้คนเริ่มถอนเงินจากธนาคารในสัดส่วนที่มากกว่าการลงทุน ด้าน อเดล สปิตเซเดอร์ จึงรับมือด้วยการอนุญาตให้ถอนเงินแค่ช่วง 6-7 โมงเช้า และห้ามถอนเงินทุกวันพุธและวันเสาร์

ทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ลูกค้าจำนวน 40 รายไปขอคำร้องต่อศาลแขวงให้ทำการตรวจสอบการทำบัญชีของธนาคารของอเดล นอกจากนี้ ธนาคารคู่แข่งได้นำลูกค้าจำนวน 60 ราย รวมตัวไปถอนเงินที่ Spitzedersche Privatbank ในวันเดียวกัน ก่อนจะพบว่าธนาคารของ อเดล สปิตเซเดอร์ ไม่มีเงินเหลือเพียงพอให้ลูกค้าถอน นำไปสู่คำสั่งปิดธนาคารในเวลาต่อมา

อายัดทรัพย์และจำคุก

มีการประเมินว่า ในช่วงที่ธนาคาร Spitzedersche Privatbank ดำเนินการ มีลูกค้ากว่า 32,000 รายถูกหลอกให้ลงทุน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 38 ล้านกูลเดน หรือคิดเป็นเงิน 500 ล้านยูโร หรือ 18,000 ล้านบาทในค่าเงินปัจจุบัน

เมื่อนำทรัพย์สินที่อายัดจาก อเดล สปิตเซเดอร์ มาคำนวณ พบว่ามีมูลค่าเพียง 15% ของเงินที่เสียหายจากการลงทุน ส่งผลให้มีผู้ถูกหลอกนำเงินไปลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายจากเหตุการณ์ครั้งนั้น

อเดล สปิตเซเดอร์ ถูกตั้งข้อหาล้มเหลวในการดูแลบัญชีลูกค้าธนาคาร ยักยอกเงินลูกค้า และใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินควร และถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 3 ปี 10 เดือนในข้อหาล้มละลายจากการทุจริต เมื่อเดือนกรกฎาคม 1873

สาเหตุที่เธอไม่ถูกดำเนินคดีฐานฉ้อโกง เนื่องจากธุรกิจแชร์ลูกโซ่ของเธอไม่ตรงกับคำจำกัดความเรื่องการฉ้อโกงในขณะนั้น และการที่เธอไม่เคยรับประกันเงินต้นแก่ลูกค้า ยังถูกใช้เป็นเหตุบรรเทาโทษแก่เธออีกด้วย

ฉากสุดท้ายของเจ้าแม่แชร์ลูกโซ่

อเดล สปิตเซเดอร์ ได้รับอิสรภาพในเดือนกันยายน 1876 และกลายเป็นผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก และไม่สามารถขึ้นลงบันไดด้วยตัวเองได้นับแต่นั้น

ผู้คนที่เคยได้รับผลประโยชน์จากเธอต่างพากันทอดทิ้งเธอ หนังสือพิมพ์ที่เคยปกป้องเธอ หันมาหากำไรจากการเผยแพร่รายงานเปิดโปงธุรกิจของเธอ

ความพยายามคืนวงการละครเวทีประสบความล้มเหลว ผู้คนในเมืองฮัมบูร์กไม่ต้อนรับเธอ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเบอร์ลินก็ห้ามเธอขึ้นแสดงและขับเธอออกจากเมือง แม้แต่ความพยายามเดินทางไปออสเตรียก็ประสบความล้มเหลว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งห้ามไม่ให้เธอติดต่อกับผู้กำกับการแสดง

สุดท้าย เธอตัดสินใจเปลี่ยนชื่อ แล้วกลับไปทำธุรกิจล่อลวงนักลงทุน นำไปสู่การถูกจับกุมอีกหลายครั้ง

ในช่วงท้าย เธอต้องใช้ชีวิตจากเงินที่หยิบยืมจากเพื่อนที่หลงเหลือ และเงิน 50 กูลเดนที่มารดาของเธอยังส่งมาให้ใช้ทุกเดือน ก่อนที่เจ้าแม่แชร์ลูกโซ่แห่งเมืองมิวนิก จะจบชีวิตด้วยโรคหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันในวัย 63 ปี ในปี 1895 ร่างของเธอถูกฝังในสุสานของครอบครัวที่เมืองมิวนิก โดยภายหลังสมาชิกในครอบครัวได้ทำการเปลี่ยนชื่อบนป้ายจารึกหลุมฝังศพของเธอเป็น อเดล ชมิด ในเวลาต่อมา

มรดกแชร์ลูกโซ่ข้ามพรมแดน

ในวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกของ แฮนนาห์ แคทเธอรีน เดวีย์ส ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ยุคใหม่ มหาวิทยาลัยซูริก สวิตเซอร์แลนด์ กล่าวถึงคดีแชร์ลูกโซ่ในปี 1874 ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งคาดว่าเป็นการเลียนแบบธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่ อเดล สปิตเซเดอร์ เคยทำไว้มาดัดแปลงนั่นเอง

รูปแบบการทำกำไรจากการนำเงินลงทุนของลูกค้ารายใหม่ ไปจ่ายเป็นผลตอบแทนที่สัญญาไว้กับลูกค้ารายเก่า ได้รับการเรียกขานจาก Harper’s Weekly นิตยสารรายสัปดาห์ในศตวรรษที่ 19 ว่าเป็นการฉ้อโกงที่รู้จักในชื่อ Spitzeder Swindle ซึ่งได้รับการยืนยันว่า เป็นการทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่ครั้งแรกที่มีการจดบันทึกในประวัติศาสตร์นั่นเอง

ข้อมูลอ้างอิง :

https://en.wikipedia.org/wiki/Adele_Spitzeder
https://en.wikipedia.org/wiki/Ponzi_scheme

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบเจ้าบ่าวลอบขนยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด

ปราจีนบุรี 17 พ.ค. – ตำรวจสกัดจับพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก กระสุนปืน 10 นัด รถกระบะ 1 คัน นาทีเจ้าหน้าที่สกัดจับนายธนธรรม หรือ เม่น เจ้าบ่าวซึ่งเพิ่งผ่านพิธีแต่งงานไปไม่นาน และเป็นหนึ่งในแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยจับกุมได้บริเวณถนนบ้านหนองหอย อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด, อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก, กระสุนปืน 10 นัด และรถกระบะ 1 คัน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยขบวนการนี้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากริมแม่น้ำโขง จ.อำนาจเจริญ มาซุกซ่อนไว้ที่บ้านในปราจีนบุรี เพื่อเตรียมกระจายไปยังพื้นที่ปทุมธานี เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวจนพบว่าจะมีการเดินทางไปยัง จ.อุบลราชธานี เพื่อรับยาเสพติด กระทั่งกลุ่มผู้ต้องหารู้ตัวว่าถูกสะกดรอย จึงเร่งความเร็วรถหลบหนี ก่อนพุ่งชนรถเจ้าหน้าที่ และถูกสกัดจับไว้ได้ ขณะที่รถยนต์ 2 […]

ไรเดอร์ชกเบ้าตาแตก ฉุนเมาปักหมุดมั่วแถมลวนลาม

พัทยา 17 พ.ค.- ไรเดอร์ฉุน ชกนักท่องเที่ยวชาวอินเดียจนเบ้าตาแตก พยานบอกผู้ก่อเหตุฉุนปักหมุดผิดทำขี่วนหลายรอบ แถมถูกลวนลามจึงทนไม่ไหว นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย อายุประมาณ 35-40 ปี นอนบาดเจ็บ คิ้วซ้ายและเบ้าตาซ้ายแตกเลือดอาบหน้าอยู่ในอาการมึนเมา เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงประมาณตี 1 วันนี้ ในซอยเทพประสิทธิ์ 17 เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่วนผู้ก่อเหตุหลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง แต่พลเมืองดีบันทึกภาพไว้ได้ จึงมอบให้ตำรวจเป็นหลักฐาน สอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดฯ แห่งหนึ่งใกล้จุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเป็นไรเดอร์ส่งผู้โดยสาร และเล่าให้ตนฟังว่านักท่องเที่ยวคนนี้มึนเมาอย่างหนัก แถมปักหมุดสถานที่ส่งผิดที่ ผู้ก่อเหตุก็พยายามวนหาอยู่หลายครั้ง เท่านั้นยังไม่พอ ผู้บาดเจ็บได้ลวนลามผู้ก่อเหตุ จนผู้ก่อเหตุโมโหและจอดรถชกหน้าทันที ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บจะเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา หลังรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ข่าวแนะนำ

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

Pope Leo XIV with the Fisherman's Ring

ผู้นำโลกร่วมพิธีมิสซาสถาปนาโป๊ปเลโอที่ 14

โป๊ปเลโอที่ 14 เข้าพิธีมิสซารับตำแหน่งพระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกอย่างเป็นทางการแล้วในเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีผู้นำจากทั่วโลกร่วมในพิธี

อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นอนคุกคืนแรกเครียด ไม่กินมื้อเย็น

กรมราชทัณฑ์ 18 พ.ค. – อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นอนคุกคืนแรกเครียด ไม่กินมื้อเย็น ส่วน “เปรมชัย” กักโรคอยู่แดนพยาบาลเรือนจำ ภายหลังวานนี้ (17 พ.ค.) พนักงานสอบสวนนำตัว 3 ผู้ต้องหา คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง ได้แก่ นายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรือ อดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นายเอกพจน์ ภูฆัง หรือ อดีตพระมหาเอกพจน์ ภูฆัง พระลูกวัดคนสนิทของอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และ น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ โบรกเกอร์เว็บพนันออนไลน์ ฝากขังศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน และส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้ออกหมายขังระหว่างสอบสวน ให้ขัง น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ ที่ทัณฑสถานหญิงกลางโดยได้ดำเนินการรับตัวและนำตัวกักโรคโควิด-19 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในแดนระหว่างพิจารณาคดี เบื้องต้นตรวจสุขภาพร่างกายปกติ […]

ฝนตกหนักบนดอยสุเทพ น้ำหลากท่วมชุมชนเขตเทศบาลเชียงใหม่

เชียงใหม่ 18 พ.ค.-ฝนตกหนักบนดอยสุเทพ และในตัวเมืองเชียงใหม่ นานนับชั่วโมง ทำให้น้ำป่าไหลหลากลงมาตามลำห้วย และเอ่อล้นท่อระบายน้ำ ท่วมขังชุมชนศรีปิงเมือง ชุมชนกาดก้อม ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังกังวล กลัวจะเหมือนปีที่ผ่านมา ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ทำให้รถเล็ก ที่จะผ่านเส้นทางบริเวณดังกล่าว ผ่านลำบาก รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์ดับหลายคัน ระดับน้ำสูง 30 เซนติเมตร ขณะที่ชาวบ้านขอความร่วมมือผู้ที่ขับรถยนต์ผ่านเส้นทางเข้าในชุมชน ขอให้ชะลอความเร็ว เนื่องจากเกิดคลื่นน้ำ ทะลักเข้าไปในบ้าน ทรัพย์สินจะเสียหาย หากเป็นไปได้ ให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง ไปใช้เส้นทางอื่นแทน ขณะนี้ระดับน้ำยังคงสูงขึ้น เนื่องจากฝนยังไม่หยุดตก ทำให้การสัญจรบางเส้นทางลำบาก นอกจากนั้นยังมีน้ำท่วมขังถนนอีกหลายสาย รอการระบาย ทำให้มีประชาชนติดค้างตามร้านค้าร้านอาหารข้างทางเพื่อหลบฝน ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาและเร่งระบายน้ำ หลังจากนั้นประมาณ 2-3 ชั่วโมง ระดับน้ำน่าจะลดลง ล่าสุดเช้าวันนี้ ระดับน้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว บางจุดยังมีน้ำขังบนถนนเล็กน้อย ถนนตามชุมชนมีแต่ขยะและถุงขยะลอยมากับน้ำท่วม ทำให้รถขยะของเทศบาลนครเชียงใหม่ เร่งเก็บเศษขยะและถุงขยะ อย่างไรก็ตามประชาชนส่วนใหญ่ยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วม กลัวจะเหมือนปีที่ผ่านมา ขณะที่ผู้รับเหมาดูดตะกอนดินทรายในแม่น้ำปิง ได้นำเรือดูดทรายลำแรกจากจังหวัดอ่างทอง มาถึง ลงในน้ำปิง ตรงข้ามกับสำนักงานแขวงนครพิงค์ ย่านวังสิงห์คำ ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ […]