ชัวร์ก่อนแชร์: “บอสอเดล” จากอดีตดารา-สู่มารดาแชร์ลูกโซ่

03 พฤศจิกายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


คดีแชร์ลูกโซ่ที่ดำเนินการโดย อเดล สปิตเซเดอร์ อดีตนักแสดงละครเวทีชาวเยอรมัน ผู้สร้างฐานะจากการหลอกลวงการลงทุน ได้รับการจารึกให้เป็นการก่อคดีแชร์ลูกโซ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เหตุหลอกลวงด้านการลงทุนที่เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 4 ปีในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ส่งผลให้มีเหยื่อหลงเชื่อกว่า 32,000 ราย รวมค่าเสียหายในอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินปัจจุบันประมาณ 18,000 ล้านบาท

อเดล สปิตเซเดอร์ เป็นที่รู้จักในประเทศเยอรมนีในฐานะนักแสดงละครเวที เมื่อความนิยมเสื่อมลงแต่ยังคงใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ทำให้เธอมีปัญหาหนี้สิน และใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยเงินช่วยเหลือจากมารดาที่ 50 กูลเดนต่อเดือน


จุดกำเนิดแชร์ลูกโซ่ในแคว้นบาวาเรีย

กระทั่งในช่วงปี 1869 ณ เมืองมิวนิก แคว้นบาวาเรีย เมืองทางตอนใต้ของเยอรมนีในปัจจุบัน อเดล สปิตเซเดอร์ได้พบกับภรรยาของช่างทาสีบ้านผู้ยากไร้ อเดลเล่าว่าเธอรู้จักกับคนที่สามารถให้ผลตอบแทน 10% ต่อเดือนจากเงินลงทุน ภรรยาช่างทาสีจึงมอบเงินแก่อเดลจำนวน 100 กูลเดน ซึ่งอเดลก็คืนเงินให้เธอจำนวน 20 กูลเดนในฐานะดอกเบี้ยจากการลงทุน 2 เดือน และสัญญาว่าในเดือนที่ 3 ภรรยาช่างทาสีจะได้เงินคืนอีก 110 กูลเดน

เมื่อเห็นว่าแผนการดังกล่าวได้ผล อเดล สปิตเซเดอร์ จึงนำข้อความไปโฆษณายัง Münchner Neueste Nachrichten หนังสือพิมพ์แถวหน้าของเมืองมิวนิก เพื่อยืมเงินจากผู้ลงทุนรายละ 150 กูลเดน และสัญญาจะให้ผลตอบแทน 10% ภายในเวลา 2 เดือน


ข้อเสนอของ อเดล สปิตเซเดอร์ เป็นที่โจษจันในกลุ่มคนชนชั้นกรรมาชีพในนครมิวนิก ซึ่งกำลังมองหาแหล่งลงทุนที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมโดยชาวยิว จนมีคนแห่กันนำเงินเก็บมาร่วมลงทุนกับเธอ บางรายยอมขายฟาร์มของตนเองเพื่อหวังฝากอนาคตไว้กับเงินปันผลที่จะได้จากการลงทุนครั้งนี้

ก่อตั้งธนาคารจอมปลอม

ในปีเดียวกันนั้น อเดล สปิตเซเดอร์ ได้ก่อตั้งธนาคารที่มีชื่อว่า Spitzedersche Privatbank โดยใช้ห้องในโรงแรมที่เธออาศัยเป็นสำนักงาน ภายหลังเธอต้องเช่าห้องเพิ่มเมื่อจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นถึง 40 คนอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ดี ทีมงานของ อเดล สปิตเซเดอร์ เต็มไปด้วยบุคคลที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการทำบัญชี เงินที่ได้จากนักลงทุนถูกเก็บอย่างลวก ๆ ในกระสอบหรือตู้เก็บของ รายชื่อผู้ลงทุนมีการบันทึกเพียงชื่อและจำนวนเงินลงทุนเท่านั้น และเนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชนชั้นแรงงานที่ไม่รู้หนังสือ จึงลงชื่อด้วยการทำเครื่องหมายกากบาทแทนลายเซ็น

ข้อเสนอของ อเดล สปิตเซเดอร์ ส่งผลต่อธุรกิจธนาคารรายอื่น ๆ ในเมืองมิวนิก เมื่อผู้คนแห่กันถอนเงินจากธนาคารอื่น ๆ เพื่อนำเงินมาลงทุนกับธนาคารของเธอจำนวนมาก

ไม่รู้แหล่งรายได้-ไม่ประกันเงินต้น

จุดสังเกตในข้อเสนอของ อเดล สปิตเซเดอร์ คือเธอไม่เคยบอกว่าจะนำเงินไปลงทุนอย่างไร และไม่เคยสัญญาเรื่องการรับประกันเงินต้นอีกด้วย แต่ลูกค้าที่นำเงินมาลงทุนต่างยินดีกับผลตอบแทนที่เธอสัญญาจะมอบให้โดยไม่ตั้งคำถามใด ๆ

ซึ่งวิธีการจ่ายผลตอบแทนของ อเดล สปิตเซเดอร์ คือการนำเงินลงทุนจากลูกค้ารายใหม่ ไปจ่ายเป็นผลตอบแทนที่สัญญาไว้กับลูกรายเก่า ซึ่งเข้าข่ายการทำธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่อย่างชัดเจน

เหตุผลที่ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ไม่ถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ เนื่องจากในยุคนั้นยังไม่มีกฎหมายด้านการธนาคารและกฎระเบียบด้านการเงินออกมาบังคับใช้ และเธอยังคงให้ผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนตามที่สัญญาไว้เสมอ นอกจากนี้ แคว้นบาวาเรียในยุคนั้นยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจหลายชนิดสามารถดำเนินการโดยปราศจากการตรวจสอบด้านความโปร่งใสอีกด้วย

ขยายกิจการธุรกิจแชร์ลูกโซ่

จนกระทั่งในปี 1871 ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ของ อเดล สปิตเซเดอร์ เติบโตอย่างต่อเนื่อง เธอจึงนำเงินลงทุนของลูกค้าจำนวน 54,000 กูลเดน ไปซื้อบ้านใหม่เพื่อจะใช้เป็นสำนักงานของเธอ โดยขณะนั้นมีพนักงานเพิ่มขึ้นกว่า 80 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนายหน้าที่ได้ส่วนแบ่งจากการหาลูกค้าใหม่รายละ 5-7 %

อเดล สปิตเซเดอร์ ต่อยอดธุรกิจด้วยการปล่อยเงินกู้และลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ จนมีรายได้ถึง 50,000 ถึง 60,000 กูลเดนต่อวัน ความมั่งคั่งทำให้เธอครอบครองทรัพย์สินมูลค่านับล้านกูลเดนและเป็นเจ้าของงานศิลปะราคาหลายล้านกูลเดน รวมถึงเป็นเจ้าของบ้านในมิวนิกถึง 17 หลัง จนสื่อในยุคนั้นยกให้เธอเป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้นบาวาเรีย

สร้างภาพให้คนหลงศรัทธา

อเดล สปิตเซเดอร์ ใช้กลยุทธ์ซื้อใจเหยื่อแชร์ลูกโซ่ด้วยการเปิดให้มีการฝากเงินต่อเมื่อธุรกรรมการถอนเงินสิ้นสุดลง ซึ่งส่วนใหญ่จะเลยช่วงเที่ยงวันไปแล้ว ส่งผลให้แถวของผู้คนที่นำเงินมาฝากกับเธอยาวเหยียดไปนอกสำนักงาน สร้างความรู้สึกแก่ผู้พบเห็นว่าการร่วมลงทุนกับเธอเป็นโอกาสที่พิเศษแค่ไหน

อเดล สปิตเซเดอร์ ยังสร้างภาพให้ตนเองเป็นผู้เคร่งศาสนา ด้วยการคล้องไม้กางเขนให้เห็นอย่างเด่นชัด และร่วมกิจกรรมทางศาสนากับชุมชนอย่างต่อเนื่อง

เธอนำเงินที่ได้จากนักลงทุนไปเปิดโรงทานถึง 12 แห่งในเมืองมิวนิก พร้อมจำหน่ายอาหารและเบียร์ในราคาย่อมเยาว์ จนเธอได้รับการยกย่องจากชาวบ้านว่าเป็น “เทพธิดาแห่งผู้ยากไร้”

การสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา ทำให้เธอได้รับการหนุนหลังจากโบสถ์คาทอลิก ที่ช่วยดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น และเป็นโล่ป้องกันเสียงวิจารณ์การดำเนินธุรกิจที่คลุมเครือของเธออีกทางหนึ่ง

การสอบสวนของสื่อมวลชน

Münchner Neueste Nachrichten หนังสือพิมพ์แนวคิดเสรีนิยมของเมืองมิวนิก เริ่มตีพิมพ์บทความตั้งคำถามความโปร่งใสในธุรกิจของ อเดล สปิตเซเดอร์ ตั้งแต่ปี 1870

อเดล สปิตเซเดอร์ ตอบโต้ด้วยการซื้อพื้นที่โฆษณาในหนังสือพิมพ์หัวหลัก ๆ ของเมืองเพื่อโต้แย้งข้อกล่าวหาดังกล่าว

ในขณะเดียวกัน นอกจาก Münchner Neueste Nachrichten จะปฏิเสธการให้พื้นที่โฆษณาแก่ อเดล สปิตเซเดอร์ แล้ว ยังบอกปัดการติดสินบนจากเธอเพื่อให้ยุติการวิพากษ์วิจารณ์อีกด้วย

อเดล สปิตเซเดอร์ จึงหันไปขอความร่วมมือจาก Volksbote หนังสือพิมพ์แนวคิดอนุรักษ์นิยมซึ่งมีชื่อเสียงพอ ๆ กับ Münchner Neueste Nachrichten แต่กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน และเป็นลูกหนี้ของ อเดล สปิตเซเดอร์ ในขณะนั้น

นับแต่นั้น Volksbote จึงถูกใช้เป็นช่องทางโต้แย้งคำกล่าวอ้างที่มาจาก Münchner Neueste Nachrichten ไปโดยปริยาย

รวมถึงแรงสนับสนุนจากสื่อในแวดวงศาสนา ที่ออกมาโต้แย้งคำวิจารณ์ต่อ อเดล สปิตเซเดอร์ ว่าเป็นเพียงแผนการของกลุ่มทุนชาวยิว ที่พยายามด้อยค่าความสำเร็จของผู้หญิงทำมาหากินและเป็นผู้เคร่งครัดในศาสนา

ในปี 1871 อเดล สปิตเซเดอร์ ได้ควบกิจการหนังสือพิมพ์หลายเจ้าที่ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ตรงเวลา และยังเปิดหนังสือพิมพ์ของเธอเองในชื่อ Münchener Tageblatt

การมีสื่อในมือทำให้ชื่อเสียงของเธอโด่งดังไปถึงนอกเมืองมิวนิก และเริ่มมีลูกค้าจากต่างเมืองนำเงินมาลงทุนกับเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ

การล่มสลายของอาณาจักรแชร์ลูกโซ่

Münchner Neueste Nachrichten ซึ่งรายงานความผิดปกติของธุรกิจแชร์ลูกโซ่อย่างต่อเนื่อง ได้ตีพิมพ์บทความในช่วงปลายปี 1872 ซึ่งเนื้อหาเป็นการแนะนำเจ้าหน้าที่ให้เห็นช่องทางการตรวจสอบและเอาผิดธุรกิจแชร์ลูกโซ่ของ อเดล สปิตเซเดอร์

การตีพิมพ์ครั้งนั้น ส่งผลให้ผู้คนเริ่มถอนเงินจากธนาคารในสัดส่วนที่มากกว่าการลงทุน ด้าน อเดล สปิตเซเดอร์ จึงรับมือด้วยการอนุญาตให้ถอนเงินแค่ช่วง 6-7 โมงเช้า และห้ามถอนเงินทุกวันพุธและวันเสาร์

ทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ลูกค้าจำนวน 40 รายไปขอคำร้องต่อศาลแขวงให้ทำการตรวจสอบการทำบัญชีของธนาคารของอเดล นอกจากนี้ ธนาคารคู่แข่งได้นำลูกค้าจำนวน 60 ราย รวมตัวไปถอนเงินที่ Spitzedersche Privatbank ในวันเดียวกัน ก่อนจะพบว่าธนาคารของ อเดล สปิตเซเดอร์ ไม่มีเงินเหลือเพียงพอให้ลูกค้าถอน นำไปสู่คำสั่งปิดธนาคารในเวลาต่อมา

อายัดทรัพย์และจำคุก

มีการประเมินว่า ในช่วงที่ธนาคาร Spitzedersche Privatbank ดำเนินการ มีลูกค้ากว่า 32,000 รายถูกหลอกให้ลงทุน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 38 ล้านกูลเดน หรือคิดเป็นเงิน 500 ล้านยูโร หรือ 18,000 ล้านบาทในค่าเงินปัจจุบัน

เมื่อนำทรัพย์สินที่อายัดจาก อเดล สปิตเซเดอร์ มาคำนวณ พบว่ามีมูลค่าเพียง 15% ของเงินที่เสียหายจากการลงทุน ส่งผลให้มีผู้ถูกหลอกนำเงินไปลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายจากเหตุการณ์ครั้งนั้น

อเดล สปิตเซเดอร์ ถูกตั้งข้อหาล้มเหลวในการดูแลบัญชีลูกค้าธนาคาร ยักยอกเงินลูกค้า และใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินควร และถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 3 ปี 10 เดือนในข้อหาล้มละลายจากการทุจริต เมื่อเดือนกรกฎาคม 1873

สาเหตุที่เธอไม่ถูกดำเนินคดีฐานฉ้อโกง เนื่องจากธุรกิจแชร์ลูกโซ่ของเธอไม่ตรงกับคำจำกัดความเรื่องการฉ้อโกงในขณะนั้น และการที่เธอไม่เคยรับประกันเงินต้นแก่ลูกค้า ยังถูกใช้เป็นเหตุบรรเทาโทษแก่เธออีกด้วย

ฉากสุดท้ายของเจ้าแม่แชร์ลูกโซ่

อเดล สปิตเซเดอร์ ได้รับอิสรภาพในเดือนกันยายน 1876 และกลายเป็นผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก และไม่สามารถขึ้นลงบันไดด้วยตัวเองได้นับแต่นั้น

ผู้คนที่เคยได้รับผลประโยชน์จากเธอต่างพากันทอดทิ้งเธอ หนังสือพิมพ์ที่เคยปกป้องเธอ หันมาหากำไรจากการเผยแพร่รายงานเปิดโปงธุรกิจของเธอ

ความพยายามคืนวงการละครเวทีประสบความล้มเหลว ผู้คนในเมืองฮัมบูร์กไม่ต้อนรับเธอ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเบอร์ลินก็ห้ามเธอขึ้นแสดงและขับเธอออกจากเมือง แม้แต่ความพยายามเดินทางไปออสเตรียก็ประสบความล้มเหลว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งห้ามไม่ให้เธอติดต่อกับผู้กำกับการแสดง

สุดท้าย เธอตัดสินใจเปลี่ยนชื่อ แล้วกลับไปทำธุรกิจล่อลวงนักลงทุน นำไปสู่การถูกจับกุมอีกหลายครั้ง

ในช่วงท้าย เธอต้องใช้ชีวิตจากเงินที่หยิบยืมจากเพื่อนที่หลงเหลือ และเงิน 50 กูลเดนที่มารดาของเธอยังส่งมาให้ใช้ทุกเดือน ก่อนที่เจ้าแม่แชร์ลูกโซ่แห่งเมืองมิวนิก จะจบชีวิตด้วยโรคหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันในวัย 63 ปี ในปี 1895 ร่างของเธอถูกฝังในสุสานของครอบครัวที่เมืองมิวนิก โดยภายหลังสมาชิกในครอบครัวได้ทำการเปลี่ยนชื่อบนป้ายจารึกหลุมฝังศพของเธอเป็น อเดล ชมิด ในเวลาต่อมา

มรดกแชร์ลูกโซ่ข้ามพรมแดน

ในวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกของ แฮนนาห์ แคทเธอรีน เดวีย์ส ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ยุคใหม่ มหาวิทยาลัยซูริก สวิตเซอร์แลนด์ กล่าวถึงคดีแชร์ลูกโซ่ในปี 1874 ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งคาดว่าเป็นการเลียนแบบธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่ อเดล สปิตเซเดอร์ เคยทำไว้มาดัดแปลงนั่นเอง

รูปแบบการทำกำไรจากการนำเงินลงทุนของลูกค้ารายใหม่ ไปจ่ายเป็นผลตอบแทนที่สัญญาไว้กับลูกค้ารายเก่า ได้รับการเรียกขานจาก Harper’s Weekly นิตยสารรายสัปดาห์ในศตวรรษที่ 19 ว่าเป็นการฉ้อโกงที่รู้จักในชื่อ Spitzeder Swindle ซึ่งได้รับการยืนยันว่า เป็นการทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่ครั้งแรกที่มีการจดบันทึกในประวัติศาสตร์นั่นเอง

ข้อมูลอ้างอิง :

https://en.wikipedia.org/wiki/Adele_Spitzeder
https://en.wikipedia.org/wiki/Ponzi_scheme

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน

2 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน ลั่นมีเอกภาพ แจงรัฐบาลเชื่อมั่นท่าที 2 ประเทศลดความรุนแรงได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความชี้แจงทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าเรียน สื่อมวลชน ทุกท่าน ตามที่มีข่าวกระจายกันในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อปัญหาการจัดการระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปิดด่านชายแดน ผมขอยืนยันว่า ผมกับกองทัพได้หารือร่วมกันหลายครั้ง และเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลทั้งสองประเทศต่างพยายามหาทางออกในการคลี่คลายวิกฤติ โดยยึดผลประโยชน์ประชาชนและอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เราจึงกำหนดขอบเขตในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และพยายามลดเงื่อนไขที่จะระงับยับยั้งมิให้เหตุการณ์ความขัดแย้งขยายตัวมากไปกว่านี้ สำหรับเรื่องการปิดชายแดนขณะนี้ รัฐบาลเห็นว่าท่าทีและการแสดงออกของทั้งสองประเทศ ยังเป็นการแสดงออกที่สามารถลดระดับความรุนแรงได้ เพราะการปิดด่านชายแดนแม้ไม่ใช่เรื่องการสู้รบทางตรง แต่กลับจะเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะกระทบกับวิถีชีวิตประชาชน ทำให้สถานการณ์ยากต่อการคลี่คลาย แต่ขณะเดียวกัน กองทัพก็ตั้งอยู่ในความระมัดระวังและไม่ได้ละเลยในการปกป้องตนเองและอธิปไตยเหนือดินแดน ขณะนี้รัฐบาล ร่วมกับกำลังเหล่าทัพและกระทรวงต่างประเทศ กำลังใช้กลไก JBC เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดเวทีถกเถียงตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ผมจึงขอเรียนชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลและกองทัพมีความเป็นเอกภาพ และมีพันธะสัญญาที่มั่นคงในการรักษาความสงบสุขให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และความปลอดภัยมากที่สุด ขอให้มั่นใจว่าเราจะหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่ายในทุกด้าน ที่ผ่านมา เราร่วมกันใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ทั้งการประชุม หารือ […]

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ ขนาด 4.5 รอยเลื่อนแม่ทาขยับ

เชียงใหม่ 2 มิ.ย.- ระทึก! แผ่นดินไหว ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ลึก 1 กม. ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหว 4 จังหวัด สาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง แผ่นดินไหวที่ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ฉบับที่ 1/2568 กอง​เฝ้า​ระวัง​แผ่นดินไหว​ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​รายงาน​ว่า​ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2568 เวลา 14.07 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ความลึก 1 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการอำเภอพร้าว และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและความเสียหาย […]

ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง

2 มิ.ย.- ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ย่านท่าเรือคลองเตย ส่วนคนขับรถชน รปภ. เสียชีวิต โดนฆ่าคนตาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา 13.00 น. ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา การดำเนินคดี 6 ทรชนผู้ก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากรและก่อเหตุถอยรถตู้พุ่งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ในแก่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ทั้งนี้ หลังศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว […]

โควิด-19 ระบาดปักธงชัย ตายแล้ว 2

นครราชสีมา 2 มิ.ย.- เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดที่ อ.ปักธงชัย จ.นคราชสีมา รุนแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รัฐบาลเตือนระวังสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 แพร่กระจายไว ที่ อ.ปักธงชัย พบผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบนี้แล้ว 2 ราย ผู้ป่วยรายแรกเป็นชายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ส่วนรายที่ 2 เสียชีวิตช่วงค่ำวานนี้ เป็นชายอายุ 72 ปี ที่โรงพยาบาลปักธงชัย ไปประกอบพิธีทางศาสนา โควิด-19 แม้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ต้องรู้จักวิธีการป้องกันตัวเองและดูแลบุคคลในครอบครัวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศเตือนหลังพบพฤติกรรมของเชื้อ SARS-CoV-2 สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 3 ภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ แปซิฟิกตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก จากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และเชื้อโควิด-19 […]