กทม. 2 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีโจรวัดม่วง ลักเงินเจ้าอาวาส 10 ล้าน ทองคำ 250 บาท หายล่องหน ขณะที่อดีตพระคนสนิท เผยประตูกุฏิล็อกถึง 5 ชั้น เชื่อฝีมือคนใน พร้อมเรียกร้องตรวจสอบเงินบริจาควัด
ความคืบหน้า เหตุคนร้ายย่องลักทรัพย์ เงิน 10 ล้าน-ทองคำหนัก 250 บาท ภายในกุฏิเจ้าอาวาส วัดม่วง ซอยเพชรเกษม 63 ถนนเพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค วันนี้ชุดสืบสวนของ บก.ปปป. ร่วมกับชุดคลี่คลายคดีของ สน.เพชรเกษม เดินทางไปที่วัดม่วงเพื่อตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติม แต่เมื่อเดินทางไปที่กุฎิเจ้าอาวาส ปรากฏว่า กุฏิปิดเงียบล็อกกุญแจจากด้านหน้า ไร้เงาเจ้าอาวาส เจ้าหน้าที่ ปปป. จึงพยายามโทรไปหาเจ้าอาวาสแต่ไม่สามารถติดต่อได้
ขณะที่อดีตพระคนสนิทเจ้าอาวาสวัดม่วง เปิดเผยว่า หลังปรากฏข่าว เจ้าอาวาสได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความว่าเงินและทองคำภายในกุฏิหาย ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่ากุฏิดังกล่าวไม่มีรอยงัดแงะ และการจะเข้าไปภายในต้องผ่านประตูซึ่งล็อกถึง 5 ชั้น แทบไม่มีความเป็นไปได้ที่บุคคลอื่นจะเข้าไปได้ มองว่าตู้เซฟที่เก็บทรัพย์สินไว้นั้นมีขนาดใหญ่ การจะนำทรัพย์สินภายในออกไปน่าจะทำได้ยาก
ส่วนวัดแห่งนี้ ยอมรับมีรายได้จากเงินบริจาคจำนวนมหาศาลแต่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะหรือแม้แต่พระภิกษุในวัดเอง ส่วนการสร้างโบสถ์ และสร้างพระประธาน ต้องใช้เงินหลายล้านบาท แต่ก็ไม่มีใครรู้ข้อมูลรายรับรายจ่ายของวัด นอกจากเจ้าอาวาสเพียงคนเดียว จึงอยากเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินภายในวัดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะยอดเงินบริจาค
ด้านนายเบียร์ เจ้าหน้าที่ดูแลวัดระบุว่า ช่วงเวลาที่เจ้าอาวาสไปเบิกเงินที่ธนาคาร ตนนั่งรถไปกับเจ้าอาวาสด้วย โดยวันนั้นมีทั้งหมดสามคนประกอบด้วย คนขับรถ เจ้าอาวาสและตนเอง ซึ่งตนไม่รู้ว่าเจ้าอาวาสเบิกเงินจำนวนเท่าไหร่ หลังเบิกเงินเสร็จได้นำเงินใส่กระเป๋าและเข้ากุฏิโดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไปธนาคารด้วยกันกับเจ้าอาวาส ส่วนตัวไม่กังวลเพราะให้ปากคำกับตำรวจ สน.เพชรเกษมแล้ว
ส่วนความคืบหน้าคดีนี้ พนักงานสอบสวนสน.เพชรเกษม เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำประกอบกับพยานหลักฐานต่างๆ พบมีแนวโน้มว่า ทรัพย์สินดังกล่าวหายไปจริง พันตำรวจเอกปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดเหตุวันไหน เวลาใด เพราะอยู่ในช่วงวันไปถอนเงินสด 10 ล้านบาท จากธนาคาร ช่วงวันที่ 20 พฤษภาคม-29 มิถุนายน เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่ามีบางส่วนถูกลบไปแล้วตามวงรอบของการบันทึก
แต่จากการให้ข้อมูลของเจ้าอาวาส บอกว่าเป็นเงินส่วนตัว เป็นเงินสะสมจากบวชมา 50 พรรษา ยอมรับเป็นความประมาทไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาลักขโมยไป ครั้งนี้หมดตัวแล้ว พร้อมเปิดสมุดบัญชีให้ดูว่าเป็นเงินส่วนตัวจริง และต้องการให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้และเอาเงินมาคืน ส่วนที่มีทองคำแท่งหลายร้อยบาทเพราะมีไวยาวัจกรของวัดแนะนำให้ซื้อทองเก็งกำไรช่วงราคาทองคำพุ่ง ดีกว่าเก็บไว้ในธนาคารดอกเบี้ยน้อย และบางส่วนเอาเงินมาทำบุญใช้จ่ายในวัด ยืนยันไม่ใช่เงินของวัดแน่นอน เพราะเงินของวัดจะมีอีกบัญชีหนึ่งบางส่วนเป็นเงินสดเก็บไว้อย่างดีมีคณะกรรมการของวัดเป็นผู้ดูแลเบิกจ่าย สอดคล้องกับที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบในกุฏิก็พบว่าเจ้าอาวาสได้วางซองเงินต่างๆ ที่มีผู้มาถวายมาให้กองๆ ไว้ในกุฏิ
ส่วนประเด็นกล้องวงจรปิดภายในกุฏิห้องนอนที่เกิดเหตุ มีกระดาษปิดบังกล้องวงจรปิดนั้น เจ้าอาวาสยอมรับปิดไว้เองเพราะตอนกลางคืนจะมีภาพที่ไม่ดีหลุดออกไป เช่น นอนสบงจีวรเปิดเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม แต่ถ้าเจ้าอาวาสไปกิจหลายวันหรือไปต่างประเทศจะเปิดแผ่นกระดาษที่ปิดบังกล้องออก
ส่วนข่าวที่ว่ามีสุนัขพันธุ์พิตบูลอยู่ในกุฏิด้วยนั้น วันที่ตำรวจไปตรวจที่เกิดเหตุพบมีเพียงสุนัขอายุมากเป็นหมาแก่นอนนิ่ง เห็นตนเองยังไม่เห่าเลย ส่วนอีกตัวขังอยู่ในกรงนอกกุฏิไม่รู้ว่าเป็นพันธุ์อะไร พร้อมยืนยันหลังรับแจ้งความเดินทางมาดูที่เกิดเหตุด้วยตนเองเพราะเป็นคดีใหญ่ และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ตามขั้นตอนทุกอย่าง ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บหลักฐานและเก็บลายนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุ นำผู้เกี่ยวข้องไปสอบสวน จำนวน 4-5 คนแล้ว มีไวยาวัจกร ลูกศิษย์วัด ร่วมทั้งเจ้าอาวาสและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ รวมทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.-สำนักข่าวไทย