ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีนคือแผนลดประชากรโลกของ WHO จริงหรือ?

29 กรกฎาคม 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีคลิปวิดีโอบิดเบือนข้อมูลเผยแพร่ทาง Facebook โดย ริมา ไลโบว์ จิตแพทย์ที่ออกมาโจมตีความปลอดภัยของวัคซีน อ้างว่าวัคซีนคือแผนขององค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อลดจำนวนประชากรโลกให้เหลือเพียง 10%


บทสรุป :

  1. อ้างถึงโครงการวัคซีนเพื่อการควบคุมภาวะเจริญพันธุ์ของ WHO เมื่อปี 1974
  2. ตอนนั้นมีการทดลองใช้วัคซีน anti-HCG ยับยั้งการตั้งครรภ์แบบชั่วคราว ไม่ใช่การทำหมันอย่างถาวร
  3. ปัจจุบัน WHO ไม่แนะนำให้ใช้วัคซีนในการวางแผนครอบครัว

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

ริมา ไลโบว์ อ้างว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) มีแผนการผลิตวัคซีนที่ทำให้เป็นหมันอย่างถาวรมาตั้งแต่ปี 1974 เพราะมองว่าโลกมีประชากรมากเกินจำเป็นถึง 90%


จากการตรวจสอบของ Science Feedback พบว่า ข้ออ้างดังกล่าวเป็นการบิดเบือนแผนพัฒนาการวางแผนครอบครัวขององค์การอนามัยโลก

เมื่อปี 1972 WHO ได้จัดตั้งโครงการ วัคซีนเพื่อการควบคุมภาวะเจริญพันธุ์ (Vaccines for Fertility Regulation) นำไปสู่การประชุมในปี 1974 เพื่อเลือกชนิดของเนื้อเยื้อและโมเลกุลที่ช่วยในการยับยั้งการตั้งครรภ์ เพื่อคิดค้นการวางแผนครอบครัวแนวใหม่ให้ได้ก่อนสิ้นสุดทศวรรษ

หนึ่งในแนวทางที่พูดถึงในครั้งนั้นคือการทดลองวัคซีนยับยั้งการทำงานของฮอร์โมน Human Chorionic Gonadotropin หรือ anti-HCG vaccine

ฮอร์โมน HCG คือฮอร์โมนที่ใช้ในการตั้งครรภ์ของผู้หญิง ผลิตจากรกในครรภ์หลังอสุจิและไข่ปฏิสนธิกันแล้วประมาณ 11 ถึง 14 วัน มีบทบาทสำคัญในการผลิตโพรเจสเทอโรน ฮอร์โมนซึ่งจำเป็นสำหรับการสร้างตัวอ่อน

ดังนั้นการผลิตวัคซีน anti-HCG เพื่อสร้างแอนติบอดียับยั้งการทำงานของฮอร์โมน HCG จะช่วยปิดกั้นการผลิตฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน นำไปสู่การยับยั้งการสร้างตัวอ่อนและการตั้งครรภ์ในที่สุด ซึ่งการทดลองทางคลินิกขนาดเล็กในประเทศอินเดียพบว่า วัคซีน anti-HCG ช่วยให้ผู้รับวัคซีนป้องกันการตั้งครรภ์ได้จริง

อย่างไรก็ดี การอ้างว่า WHO มีแผนการผลิตวัคซีนที่ทำให้เป็นหมันอย่างถาวรไม่เป็นความจริง เนื่องจากผลของการยับยั้งการตั้งครรภ์ด้วยวัคซีน anti-HCG เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นชั่วคราว ไม่ใช่การทำหมันถาวรแต่อย่างใด

การวางแผนครอบครัว มีทั้งแบบป้องกันการตั้งครรภ์ถาวรและชั่วคราว เช่น ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดที่ช่วยยับยั้งการตั้งครรภ์ในสตรี แต่ผู้ใช้สามารถกลับมาตั้งครรภ์อีกได้เมื่อหยุดใช้ยา นอกจากนี้ ในปัจจุบัน WHO ยังไม่แนะนำให้ใช้วัคซีนในการป้องกันการตั้งครรภ์อีกด้วย

ข่าวลือเรื่องวัคซีนทำให้เป็นหมันและถูกใช้เป็นเครื่องมือลดประชากรโลก แพร่หลายอย่างมากในช่วงการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 รวมถึงข่าวลือที่เคยมีมาก่อนหน้านั้น เช่นครั้งที่นักบวชคาทอลิกในประเทศเคนย่าเตือนไม่ให้ผู้หญิงฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก เพราะจะทำให้ฮอร์โมน HCG หยุดทำงานและกลายเป็นหมัน ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่เป็นจริงแต่อย่างใด

จากการตรวจสอบประวัติ ริมา ไลโบว์ พบว่าเธอถูกองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ส่งจดหมายเตือนเรื่องการจำหน่ายยา Nano Silver โดยอวดอ้างว่าสามารถรักษาโรคได้หลากหลายชนิด ตั้งแต่อีโบลาจนถึงโควิด-19 แต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ยืนยันว่ารักษาได้จริง

ข้อมูลอ้างอิง :

https://healthfeedback.org/claimreview/claim-that-squalene-in-vaccines-causes-autoimmune-diseases-and-gulf-war-syndrome-is-unsubstantiated-by-evidence/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย