ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีนคือสาเหตุของโรคออทิสติก จริงหรือ?

13 เมษายน 2566
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนและโรคออทิสติกเผยแพร่โดย โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ นักกฎหมายและนักการเมืองชาวอเมริกันวัย 70 ปี โดยระหว่างรณรงค์หาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2023 โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ กล่าวหาว่าการฉีดวัคซีนคือสาเหตุของการป่วยเป็นโรคออทิสติกในเด็ก


บทสรุป :

  1. สาเหตุที่พบเด็กป่วยเป็นโรคออทิสติกมากขึ้น เพราะปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นและการคัดกรองละเอียดกว่าในอดีต
  2. ไม่พบหลักฐานว่าการใช้ Thimerosal เป็นสารกันเสียในวัคซีนทำให้เสี่ยงเป็นโรคออทิสติก
  3. จากการศึกษาเท่าที่ผ่านมา ยังไม่มีหลักฐานถึงความสัมพันธ์ระหว่างวัคซีนกับโรคออทิสติก

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

Factcheck.org ได้ตรวจสอบความเห็นของ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ และพบว่ามีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับวัคซีนและโรคออทิสติกแบ่งได้เป็น 3 ประเด็นดังนี้


  1. คนในอดีตไม่ค่อยได้ฉีดวัคซีน เลยไม่ป่วยเป็นโรคออทิสติกเท่าคนรุ่นใหม่ที่ถูกบังคับให้ฉีดวัคซีน – ข้อมูลเท็จ

ระหว่างหาเสียง โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ได้เผยแพร่แนวคิดว่า Autism Epidemic หรือการระบาดของโรคออทิสติกในปัจจุบันมีสาเหตุจากนโยบายการฉีดวัคซีน โดยเปรียบเทียบว่า จำนวนผู้ป่วยออทิสติกส่วนใหญ่มักเป็นเด็กที่เกิดในยุคหลัง แต่ไม่ค่อยพบผู้ใหญ่ที่มีอาการป่วยทางจิตมาใช้ชีวิตในสังคมยุคปัจจุบัน จึงเชื่อว่าส่วนประกอบในวัคซีนส่งผลให้เด็กที่เกิดใหม่ป่วยเป็นออทิสติกมากขึ้น

อย่างไรก็ดี การไม่พบผู้ใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคออทิสติกมากเท่ากับเด็ก ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการตรวจพบผู้ป่วยโรคออทิสติกในอดีตตามที่กล่าวอ้าง

ข้อมูลล่าสุดของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ประเมินว่า 1 ใน 36 ของเด็กที่เกิดในปี 2012 ตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคออทิสติก

ส่วนการสำรวจปี 2017 ของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIH) พบว่ามีผู้ใหญ่ 1 ใน 45 รายที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก

สาเหตุที่จำนวนผู้ใหญ่ที่ป่วยด้วยโรคออทิสติกพบเป็นได้น้อยกว่าเด็ก ปัจจัยสำคัญมาจากผู้ป่วยออทิสติกมีอายุขัยที่สั้นกว่าคนปกติ สาเหตุการเสียชีวิตมีทั้งจากอาการแทรกซ้อนของโรคระบบประสาท เช่น โรคลมชัก และโรคประจำตัวอื่น ๆ รวมถึงการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและการฆ่าตัวตายที่สูงกว่าคนปกติ

ยังรวมถึงปัจจัยที่ผู้ป่วยออทิสติกวัยผู้ใหญ่หลายรายอาจมีอาการโดยไม่ได้รับการวินิจฉัย และรายที่ไม่เปิดเผยว่าตนเองป่วยเป็นออทิสติก รวมถึงผู้ป่วยออทิสติกที่รักษาตัวร่วมกับอาการป่วยทางจิตอื่น ๆ เช่น โรคจิตเภท

ในรายที่ป่วยเป็นออทิสติกชนิดรุนแรงหรือ Profound Autism ซึ่งมีปัญหาทางสติปัญญาและความสามารถในการพูด บุคคลเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และจะอาศัยอยู่ในสถานบำบัดผู้ป่วยที่มีอาการทางจิต จึงไม่ค่อยออกมาใช้ชีวิตในสังคมเหมือนคนส่วนใหญ่

การคัดกรองผู้ป่วยออทิสติกละเอียดยิ่งขึ้น

การวินิจฉัยโรคออทิสติกในเด็กที่มีความละเอียดมากขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลโดยตรงต่อการตรวจพบเด็กป่วยด้วยโรคออทิสติกจำนวนมากขึ้น เช่น รายที่ไม่มีปัญหาด้านการสื่อสารด้วยคำพูด แต่พบปัญหาด้านการสื่อสารด้วยท่าทาง ก็เข้าข่ายเป็นเด็กที่มีอาการออทิสติกในปัจจุบัน เป็นต้น

ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีด้านกุมารเวชที่พัฒนาขึ้น ช่วยให้ทารกที่มีความบกพร่องตั้งแต่กำเนิดมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น ซึ่งเด็กเหล่านี้อาจเติบโตขึ้นมาแล้วมีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคออทิสติกได้เช่นกัน

รวมถึงสภาวะสังคมในปัจจุบัน ทั้งการมีลูกช้าลงของผู้ปกครองที่มีอายุมาก และปัญหามลภาวะทางอากาศที่เพิ่ม ล้วนเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงการให้กำเนิดทารกที่ป่วยเป็นโรคออทิสติกทั้งสิ้น

ในทางตรงกันข้าม หลายทศวรรษที่ผ่านมา มีการวิจัยหาความสัมพันธ์ระหว่างโรคออทิสติกกับวัคซีนหลายชนิด แต่ปัจจุบันก็ยังไม่พบว่ามีวัคซีนชนิดใดเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคออทิสติก

เดวิด แมนเดลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาทางจิตเวช ศูนย์สุขภาพจิต มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ยืนยันว่า การวิจัยอย่างถี่ถ้วนเท่าที่ผ่านมา ยังไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนกับโรคออทิสติกแม้แต่น้อย

  1. Thimerosal สารกันเสียในวัคซีนทำให้เด็กป่วยเป็นโรคออทิสติก – ข้อมูลเท็จ

เมื่อปี 2005 โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ได้เขียนบทความตีพิมพ์ในนิตยสารชื่อดังทั้ง Rolling Stone และ Salon โดยอ้างว่า ไทเมอโรซอล (Thimerosal) ปรอทอินทรีย์ที่เคยใช้เป็นสารกันเสียในวัคซีนหลายชนิด คือสาเหตุทำให้เด็กป่วยเป็นโรคออทิสติกมากขึ้น

แต่ภายหลังนิตยสาร Salon ได้ถอนการนำเสนอบทความดังกล่าว หลังพบว่าเนื้อหาขัดแย้งกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ส่วนนิตยสาร Rolling Stone ก็ยกเลิกการนำเสนอบทความชิ้นนี้ทางเว็บไซต์เช่นกัน

ในระหว่างรณรงค์หาเสียงช่วงปี 2023 โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ก็ยังนำไทเมอโรซอลมาเชื่อมโยงกับการเกิดโรคออทิสติกอีกครั้ง โดยอ้างงานวิจัยปี 2003 ของ CDC ที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างไทเมอโรซอลกับปัญหาสุขภาพต่าง ๆ

อย่างไรก็ดี ข้อสรุปของงานวิจัยดังกล่าวระบุว่า ไทเมอโรซอลไม่มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดโรคออทิสติกหรือพัฒนาการของระบบประสาทใด ๆ

เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ไทเมอโรซอลซึ่งเป็นปรอทอินทรีย์ชนิด Ethyl Mercury จะสลายจากร่างกายในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งแตกต่างจากปรอทอินทรีย์ชนิด Methyl Mercury ซึ่งส่งผลต่อปัญหาด้านระบบประสาทในมนุษย์

งานวิจัยของปี 2003 ของ CDC ถูกทำขึ้นหลังจากมีการเรียกร้องทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและวิชาชีพ ให้ยุติการใช้ไทเมอโรซอลในวัคซีน นำไปสู่การยกเลิกการใช้ไทเมอโรซอลในวัคซีนสำหรับเด็กเกือบทุกชนิดในปี 2001 ยกเว้นวัคซีนไข้หวัดใหญ่บางชนิดเท่านั้น

อย่างไรก็ดี งานวิจัยหลายชิ้นในเวลาต่อมา ก็ไม่พบว่าไทเมอโรซอลในวัคซีนมีผลต่อการเกิดโรคออทิสติกหรือพัฒนาการของระบบประสาทใด ๆ

แม้จะยกเลิกการใช้ไทเมอโรซอลในวัคซีนสำหรับเด็กตั้งแต่ปี 2001 แต่จำนวนเด็กที่ป่วยเป็นโรคออทิสติกก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน

มีงานวิจัยที่พบว่า ประเทศสวีเดนและเดนมาร์กได้ยกเลิกการใช้ไทเมอโรซอลในวัคซีนมาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990s แต่ผู้ป่วยเกิดโรคออทิสติกทั้งสองประเทศก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 1980s จนถึงปลายทศวรรษ 1990s

คณะที่ปรึกษาด้านระบบภูมิคุ้มกันของ CDC แนะนำให้เด็กเข้ารับการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม ไม่ว่าวัคซีนชนิดนั้นจะมีส่วนประกอบของไทเมอโรซอลหรือไม่ก็ตาม

  1. Autism Epidemic เริ่มระบาดในปี 1989 เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มบังคับให้เด็กฉีดวัคซีน – ข้อมูลเท็จ

คำกล่าวอ้างของ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ อ้างอิงงานวิจัยปี 2010 ที่ตีพิมพ์ในวารสารของสมาคม American Chemical Society โดยนักวิจัยจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ อ้างว่าปี 1989 คือปีที่จำนวนผู้ป่วยโรคออทิสติกเพิ่มมากกว่าปกติ แต่บทสรุปในงานวิจัยชิ้นนั้นยังขาดความน่าเชื่อถือเนื่องจากข้อมูลที่ใช้อ้างอิงขาดความสอดคล้องซึ่งกันและกัน ส่วนงานวิจัยอื่น ๆ ก็ระบุปีที่พบการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคออทิสติกที่ต่างออกไป

ในปี 1989 มีการรณรงค์การฉีดวัคซีนโรคฮิบเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา ตามด้วยวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีในปี 1994 วัคซีนอีสุกอีใสในปี 1996 วัคซีนไวรัสโรตาในปี 1998

โดยวัคซีนเหล่านี้ได้รับการยืนยันว่าป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่พบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคโรคออทิสติกอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญต่างโต้แย้งว่า ปี 1989 ไม่ใช่ปีที่มีการพบผู้ป่วยโรคออทิสติกมากผิดปกติตามที่กล่าวอ้าง

แคเธอรีน ลอร์ด นักจิตวิทยาคลินิกและนักวิจัยด้านโรคออทิสติก จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (UCLA) อธิบายว่า ไม่มีรายงานพบผู้ป่วยโรคออทิสติกเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติในปี 1989 อัตราการเพิ่มของผู้ป่วยโรคออทิสติกเป็นไปอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970s ปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากการเริ่มศึกษาโรคออทิสติกอย่างจริงจังและแพร่หลายในหลายประเทศ ทั้ง สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และแคนาดา

แคเธอรีน ลอร์ด ย้ำว่าไม่มีหลักฐานใดที่พบว่าวัคซีนส่งผลต่อการเกิดโรคออทิสติก สมมติฐานเหล่านี้ถูกหักล้างมาตั้งแต่การเผยแพร่งานวิจัยอื้อฉาวที่พยายามเชื่อมโยงวัคซีน MMR กับโรคออทิสติกเมื่อปี 1998 จนผู้วิจัยต้องสูญเสียสถานะทางการแพทย์ ไม่ต่างจากงานวิจัยแบบเดียวในยุคต่อมา ที่ถูกหักล้างด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด

ภัยของการกระตุ้นให้เกิดการวิจัยที่ไม่จำเป็น

ระหว่างเผยแพร่ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับวัคซีนและโรคออทิสติก โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ มักอ้างความชอบธรรมว่า สิ่งที่เขาเรียกร้องเป็นการกระตุ้นให้วงการวิทยาศาสตร์หันมาวิจัยผลเสียของการฉีดวัคซีนกับการเกิดโรคออทิสติกให้มากกว่านี้

แต่ข้ออ้างดังกล่าวทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ประเด็นดังกล่าวจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ข้อสงสัยเกี่ยวกับผลกระทบของวัคซีนกับโรคออทิสติก มีการศึกษากันมาอย่างแพร่หลาย ซึ่งแต่ละครั้งผู้วิจัยก็ไม่อาจหาความสัมพันธ์ได้ว่า วัคซีนมีความเกี่ยวข้องกับโรคออทิสติกแต่อย่างใด

เดวิด แมนเดลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาทางจิตเวช ศูนย์สุขภาพจิต มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ให้ความเห็นว่า การเรียกร้องให้เกิดการวิจัยในสิ่งที่พิสูจน์แล้วในทางการแพทย์ เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรและส่งผลเสียต่อสังคม เพราะเงินที่ใช้เพื่อการวิจัยควรนำไปใช้อย่างมีประโยชน์มากกว่า เช่น แก้ปัญหาการขาดแคลนสถานบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคออทิสติก เป็นต้น

นอกจากนี้ การสร้างข้อสงสัยต่อวัคซีนที่ได้รับการยืนยันด้านความปลอดภัย ถือเป็นการลดโอกาสการเข้าถึงการรักษา และเพิ่มความเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างไม่จำเป็น

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.factcheck.org/2023/08/scicheck-what-rfk-jr-gets-wrong-about-autism/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

นักท่องเที่ยวแห่ชมปราสาทตาเมือนธม-ให้กำลังใจทหารต่อเนื่อง

สุรินทร์ 17 ก.ค. – กำลังใจไหลมาต่อเนื่อง สู่ทหารแนวหน้าบริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ท่ามกลางการคุมเข้มตามข้อตกลงใหม่ หลังเกิดเหตุป่วนเมื่อ 2 วันก่อน กลุ่มเพื่อนดนตรีจิตอาสาจากกรุงเทพฯ นัดแต่งชุดธีมลายพราง ให้กำลังใจ พร้อมโชว์ลูกคอเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” แม้วันนี้จะยังไม่มีคณะทัวร์ใหญ่ แต่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศทยอยเดินทางเข้ามาเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และให้กำลังใจทหารอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงเปิด 09.00 น.ที่ผ่านมา นอกจากชมความงดงามปราสาทที่สร้างเป็นพระตำหนักของกษัตริย์ขอม อายุนับพันปีแล้ว สิ่งที่นักท่องเที่ยวสนใจคือ รอยต่อเขตแดนไทย-กัมพูชา บริเวณแนวต้นขี้เหล็ก ทางขึ้นตัวปราสาทด้านกัมพูชาที่เคยมีแนวรั้วไม้กั้น หลังเหตุปะทะปี 2554 แต่ต่อมามีการรื้อออกไปในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับกัมพูชา ซึ่งบริเวณเดียวกันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่หญิงกัมพูชาตะโกนใส่ทหารไทย ว่ารุกล้ำเขตแดน จนมีการกระทบกระทั่งกันเมื่อ 2 วันก่อน อีกจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพคือ หลักหมุด GPS ด้านหน้าทางขึ้นตัวปราสาทฝั่งไทย ซึ่งทหารไทยไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวกัมพูชารุกล้ำเกินหลักหมุดนี้ สำหรับแนวทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่กำชับไม่ให้ถ่ายภาพบริเวณทางเดินก่อนถึงตัวปราสาท และไม่ให้ตามเกมยั่วยุของอีกฝ่าย พร้อมย้ำให้สบายใจได้ว่าไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบเรื่องอธิปไตยเหนือตัวปราสาทอยู่แล้ว กลุ่มเพื่อนดนตรีจิตอาสาจากกรุงเทพฯ อดรนทนไม่ได้ที่เห็นกัมพูชายั่วยุบ่อยครั้ง จึงนัดกันแต่งชุดธีมลายพรางทหาร เพื่อแสดงความเป็นพวก ให้กำลังใจทหาร พร้อมโชว์ลูกคอในบทเพลง […]

“สีกากอล์ฟ” ปฏิเสธข้อหารีดทรัพย์-ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ อ้างแค่ยืมเงิน

กรุงเทพฯ 17 ก.ค. – รอง ผบก.ป. ระบุ “สีกากอล์ฟ” ปฏิเสธข้อหารีดเอาทรัพย์-ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ อ้างแค่ยืมเงิน และขอความร่วมมือไม่ได้บังคับ เผยแผนปทุษกรรม หวังได้มาซึ่งเงินเลี้ยงดู ยังพบทำคนเดียวไม่มีผู้ร่วมขบวนการ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการสอบปากคำ “สีกากอล์ฟ” อายุ 35 ปี ในส่วนของคดีข่มขืนใจและรีดเอาเงินทิดแหล่ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ระบุว่า ทางกองปราบฯ ได้แจ้งข้อหากับสีกากอล์ฟไป 2 ข้อหา คือข้อหารีดเอาทรัพย์ และทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ ซึ่งสีกากอล์ฟให้การปฏิเสธ โดยประเด็นเรื่องเงินที่ตำรวจกล่าวหาว่า มีการขู่เอาเงินจากทิดแหล่ ถ้าไม่ให้เงินจะเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์แล้วจะทำให้ถูกปลด สีกากอล์ฟอ้างว่า ไม่ได้ขู่แบล็กเมล์เพื่อเอาเงินเป็นเพียงแค่ขอยืมไปจ่ายค่าเช่ารถ ส่วนข้อกล่าวหา เรื่องทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ ที่ให้ทิดแหล่ เขียนร้องเรียนเจ้าคุณอาชว์นั้น สีกากอล์ฟ อ้างว่า ไม่ได้บังคับให้เขียนร่างหนังสือแค่ขอให้ช่วยเฉย ๆ ทั้งนี้ เรื่องของความสัมพันธ์ จากการสอบปากคำ สีกากอล์ฟให้การทั้งกับความสัมพันธ์ ผู้เสียหายคือ ทิดแหล่ และพระรูปอื่นๆ ด้วย ส่วนข้อหาฉ้อโกง ที่กองบังคับการปราบปรามรับผิดชอบอีก […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เผย “สมเด็จพระสังฆราช” รับสั่งสังคายนากฎหมายสงฆ์

วัดราชบพิธฯ 17 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “สมเด็จพระสังฆราช” รับสั่งสังคายนากฎหมายสงฆ์ เพิ่มความเข้มกฎหมายเก่า ชี้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นส่วนน้อยทำพระพุทธศาสนาเสื่อม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2568 แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ณ วัดราชบพิธสถิต ว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงประทานพรให้เรามุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่ ท่านก็ต้องการความร่วมมือกันของทุกฝ่าย และประเด็นที่สำคัญคือ การไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา ท่านบอกว่า ให้จัดการได้เต็มที่ หากผิดปาราชิกก็ต้องทำไปตามวินัยที่มีอยู่ และขณะนี้มีการพูดคุยกันว่า ฝ่ายพลเรือน พยายามที่จะขออนุญาตออกกฎระเบียบ ซึ่งท่านก็เห็นพ้องต้องกันกับสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ว่าอยากให้นำกฎหมายเก่ามาดู และเพิ่มความเข้มงวด หากจะเขียนอะไรลงไปก็ให้เต็มที่ อย่าให้พระพุทธศาสนามีความเสื่อม และเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเฉพาะจุด โซเชียลพูดถึงไกลไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเคร่งครัด และหากมีการแก้กฎหมายแล้วให้หารือที่มหาเถรสมาคม แต่ถือว่าพระองค์ท่านให้เป็นหลักแล้วว่าให้ดำเนินการให้เข้มงวด ส่วนที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ออกมาระบุว่า เตรียมเปิดคดีใหม่มีพระในระดับชั้นสมเด็จเข้าไปเกี่ยวข้องแต่ไม่เกี่ยวกับคดีสีกากอล์ฟ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ได้ฟังจากสื่อ คิดว่าตอนนี้ได้คุยกับพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง […]