ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีนคือสาเหตุของโรคออทิสติก จริงหรือ?

13 เมษายน 2566
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนและโรคออทิสติกเผยแพร่โดย โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ นักกฎหมายและนักการเมืองชาวอเมริกันวัย 70 ปี โดยระหว่างรณรงค์หาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2023 โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ กล่าวหาว่าการฉีดวัคซีนคือสาเหตุของการป่วยเป็นโรคออทิสติกในเด็ก


บทสรุป :

  1. สาเหตุที่พบเด็กป่วยเป็นโรคออทิสติกมากขึ้น เพราะปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นและการคัดกรองละเอียดกว่าในอดีต
  2. ไม่พบหลักฐานว่าการใช้ Thimerosal เป็นสารกันเสียในวัคซีนทำให้เสี่ยงเป็นโรคออทิสติก
  3. จากการศึกษาเท่าที่ผ่านมา ยังไม่มีหลักฐานถึงความสัมพันธ์ระหว่างวัคซีนกับโรคออทิสติก

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

Factcheck.org ได้ตรวจสอบความเห็นของ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ และพบว่ามีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับวัคซีนและโรคออทิสติกแบ่งได้เป็น 3 ประเด็นดังนี้


  1. คนในอดีตไม่ค่อยได้ฉีดวัคซีน เลยไม่ป่วยเป็นโรคออทิสติกเท่าคนรุ่นใหม่ที่ถูกบังคับให้ฉีดวัคซีน – ข้อมูลเท็จ

ระหว่างหาเสียง โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ได้เผยแพร่แนวคิดว่า Autism Epidemic หรือการระบาดของโรคออทิสติกในปัจจุบันมีสาเหตุจากนโยบายการฉีดวัคซีน โดยเปรียบเทียบว่า จำนวนผู้ป่วยออทิสติกส่วนใหญ่มักเป็นเด็กที่เกิดในยุคหลัง แต่ไม่ค่อยพบผู้ใหญ่ที่มีอาการป่วยทางจิตมาใช้ชีวิตในสังคมยุคปัจจุบัน จึงเชื่อว่าส่วนประกอบในวัคซีนส่งผลให้เด็กที่เกิดใหม่ป่วยเป็นออทิสติกมากขึ้น

อย่างไรก็ดี การไม่พบผู้ใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคออทิสติกมากเท่ากับเด็ก ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการตรวจพบผู้ป่วยโรคออทิสติกในอดีตตามที่กล่าวอ้าง

ข้อมูลล่าสุดของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ประเมินว่า 1 ใน 36 ของเด็กที่เกิดในปี 2012 ตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคออทิสติก

ส่วนการสำรวจปี 2017 ของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIH) พบว่ามีผู้ใหญ่ 1 ใน 45 รายที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก

สาเหตุที่จำนวนผู้ใหญ่ที่ป่วยด้วยโรคออทิสติกพบเป็นได้น้อยกว่าเด็ก ปัจจัยสำคัญมาจากผู้ป่วยออทิสติกมีอายุขัยที่สั้นกว่าคนปกติ สาเหตุการเสียชีวิตมีทั้งจากอาการแทรกซ้อนของโรคระบบประสาท เช่น โรคลมชัก และโรคประจำตัวอื่น ๆ รวมถึงการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและการฆ่าตัวตายที่สูงกว่าคนปกติ

ยังรวมถึงปัจจัยที่ผู้ป่วยออทิสติกวัยผู้ใหญ่หลายรายอาจมีอาการโดยไม่ได้รับการวินิจฉัย และรายที่ไม่เปิดเผยว่าตนเองป่วยเป็นออทิสติก รวมถึงผู้ป่วยออทิสติกที่รักษาตัวร่วมกับอาการป่วยทางจิตอื่น ๆ เช่น โรคจิตเภท

ในรายที่ป่วยเป็นออทิสติกชนิดรุนแรงหรือ Profound Autism ซึ่งมีปัญหาทางสติปัญญาและความสามารถในการพูด บุคคลเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และจะอาศัยอยู่ในสถานบำบัดผู้ป่วยที่มีอาการทางจิต จึงไม่ค่อยออกมาใช้ชีวิตในสังคมเหมือนคนส่วนใหญ่

การคัดกรองผู้ป่วยออทิสติกละเอียดยิ่งขึ้น

การวินิจฉัยโรคออทิสติกในเด็กที่มีความละเอียดมากขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลโดยตรงต่อการตรวจพบเด็กป่วยด้วยโรคออทิสติกจำนวนมากขึ้น เช่น รายที่ไม่มีปัญหาด้านการสื่อสารด้วยคำพูด แต่พบปัญหาด้านการสื่อสารด้วยท่าทาง ก็เข้าข่ายเป็นเด็กที่มีอาการออทิสติกในปัจจุบัน เป็นต้น

ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีด้านกุมารเวชที่พัฒนาขึ้น ช่วยให้ทารกที่มีความบกพร่องตั้งแต่กำเนิดมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น ซึ่งเด็กเหล่านี้อาจเติบโตขึ้นมาแล้วมีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคออทิสติกได้เช่นกัน

รวมถึงสภาวะสังคมในปัจจุบัน ทั้งการมีลูกช้าลงของผู้ปกครองที่มีอายุมาก และปัญหามลภาวะทางอากาศที่เพิ่ม ล้วนเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงการให้กำเนิดทารกที่ป่วยเป็นโรคออทิสติกทั้งสิ้น

ในทางตรงกันข้าม หลายทศวรรษที่ผ่านมา มีการวิจัยหาความสัมพันธ์ระหว่างโรคออทิสติกกับวัคซีนหลายชนิด แต่ปัจจุบันก็ยังไม่พบว่ามีวัคซีนชนิดใดเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคออทิสติก

เดวิด แมนเดลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาทางจิตเวช ศูนย์สุขภาพจิต มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ยืนยันว่า การวิจัยอย่างถี่ถ้วนเท่าที่ผ่านมา ยังไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนกับโรคออทิสติกแม้แต่น้อย

  1. Thimerosal สารกันเสียในวัคซีนทำให้เด็กป่วยเป็นโรคออทิสติก – ข้อมูลเท็จ

เมื่อปี 2005 โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ได้เขียนบทความตีพิมพ์ในนิตยสารชื่อดังทั้ง Rolling Stone และ Salon โดยอ้างว่า ไทเมอโรซอล (Thimerosal) ปรอทอินทรีย์ที่เคยใช้เป็นสารกันเสียในวัคซีนหลายชนิด คือสาเหตุทำให้เด็กป่วยเป็นโรคออทิสติกมากขึ้น

แต่ภายหลังนิตยสาร Salon ได้ถอนการนำเสนอบทความดังกล่าว หลังพบว่าเนื้อหาขัดแย้งกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ส่วนนิตยสาร Rolling Stone ก็ยกเลิกการนำเสนอบทความชิ้นนี้ทางเว็บไซต์เช่นกัน

ในระหว่างรณรงค์หาเสียงช่วงปี 2023 โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ก็ยังนำไทเมอโรซอลมาเชื่อมโยงกับการเกิดโรคออทิสติกอีกครั้ง โดยอ้างงานวิจัยปี 2003 ของ CDC ที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างไทเมอโรซอลกับปัญหาสุขภาพต่าง ๆ

อย่างไรก็ดี ข้อสรุปของงานวิจัยดังกล่าวระบุว่า ไทเมอโรซอลไม่มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดโรคออทิสติกหรือพัฒนาการของระบบประสาทใด ๆ

เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ไทเมอโรซอลซึ่งเป็นปรอทอินทรีย์ชนิด Ethyl Mercury จะสลายจากร่างกายในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งแตกต่างจากปรอทอินทรีย์ชนิด Methyl Mercury ซึ่งส่งผลต่อปัญหาด้านระบบประสาทในมนุษย์

งานวิจัยของปี 2003 ของ CDC ถูกทำขึ้นหลังจากมีการเรียกร้องทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและวิชาชีพ ให้ยุติการใช้ไทเมอโรซอลในวัคซีน นำไปสู่การยกเลิกการใช้ไทเมอโรซอลในวัคซีนสำหรับเด็กเกือบทุกชนิดในปี 2001 ยกเว้นวัคซีนไข้หวัดใหญ่บางชนิดเท่านั้น

อย่างไรก็ดี งานวิจัยหลายชิ้นในเวลาต่อมา ก็ไม่พบว่าไทเมอโรซอลในวัคซีนมีผลต่อการเกิดโรคออทิสติกหรือพัฒนาการของระบบประสาทใด ๆ

แม้จะยกเลิกการใช้ไทเมอโรซอลในวัคซีนสำหรับเด็กตั้งแต่ปี 2001 แต่จำนวนเด็กที่ป่วยเป็นโรคออทิสติกก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน

มีงานวิจัยที่พบว่า ประเทศสวีเดนและเดนมาร์กได้ยกเลิกการใช้ไทเมอโรซอลในวัคซีนมาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990s แต่ผู้ป่วยเกิดโรคออทิสติกทั้งสองประเทศก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 1980s จนถึงปลายทศวรรษ 1990s

คณะที่ปรึกษาด้านระบบภูมิคุ้มกันของ CDC แนะนำให้เด็กเข้ารับการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม ไม่ว่าวัคซีนชนิดนั้นจะมีส่วนประกอบของไทเมอโรซอลหรือไม่ก็ตาม

  1. Autism Epidemic เริ่มระบาดในปี 1989 เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มบังคับให้เด็กฉีดวัคซีน – ข้อมูลเท็จ

คำกล่าวอ้างของ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ อ้างอิงงานวิจัยปี 2010 ที่ตีพิมพ์ในวารสารของสมาคม American Chemical Society โดยนักวิจัยจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ อ้างว่าปี 1989 คือปีที่จำนวนผู้ป่วยโรคออทิสติกเพิ่มมากกว่าปกติ แต่บทสรุปในงานวิจัยชิ้นนั้นยังขาดความน่าเชื่อถือเนื่องจากข้อมูลที่ใช้อ้างอิงขาดความสอดคล้องซึ่งกันและกัน ส่วนงานวิจัยอื่น ๆ ก็ระบุปีที่พบการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคออทิสติกที่ต่างออกไป

ในปี 1989 มีการรณรงค์การฉีดวัคซีนโรคฮิบเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา ตามด้วยวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีในปี 1994 วัคซีนอีสุกอีใสในปี 1996 วัคซีนไวรัสโรตาในปี 1998

โดยวัคซีนเหล่านี้ได้รับการยืนยันว่าป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่พบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคโรคออทิสติกอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญต่างโต้แย้งว่า ปี 1989 ไม่ใช่ปีที่มีการพบผู้ป่วยโรคออทิสติกมากผิดปกติตามที่กล่าวอ้าง

แคเธอรีน ลอร์ด นักจิตวิทยาคลินิกและนักวิจัยด้านโรคออทิสติก จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (UCLA) อธิบายว่า ไม่มีรายงานพบผู้ป่วยโรคออทิสติกเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติในปี 1989 อัตราการเพิ่มของผู้ป่วยโรคออทิสติกเป็นไปอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970s ปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากการเริ่มศึกษาโรคออทิสติกอย่างจริงจังและแพร่หลายในหลายประเทศ ทั้ง สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และแคนาดา

แคเธอรีน ลอร์ด ย้ำว่าไม่มีหลักฐานใดที่พบว่าวัคซีนส่งผลต่อการเกิดโรคออทิสติก สมมติฐานเหล่านี้ถูกหักล้างมาตั้งแต่การเผยแพร่งานวิจัยอื้อฉาวที่พยายามเชื่อมโยงวัคซีน MMR กับโรคออทิสติกเมื่อปี 1998 จนผู้วิจัยต้องสูญเสียสถานะทางการแพทย์ ไม่ต่างจากงานวิจัยแบบเดียวในยุคต่อมา ที่ถูกหักล้างด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด

ภัยของการกระตุ้นให้เกิดการวิจัยที่ไม่จำเป็น

ระหว่างเผยแพร่ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับวัคซีนและโรคออทิสติก โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ มักอ้างความชอบธรรมว่า สิ่งที่เขาเรียกร้องเป็นการกระตุ้นให้วงการวิทยาศาสตร์หันมาวิจัยผลเสียของการฉีดวัคซีนกับการเกิดโรคออทิสติกให้มากกว่านี้

แต่ข้ออ้างดังกล่าวทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ประเด็นดังกล่าวจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ข้อสงสัยเกี่ยวกับผลกระทบของวัคซีนกับโรคออทิสติก มีการศึกษากันมาอย่างแพร่หลาย ซึ่งแต่ละครั้งผู้วิจัยก็ไม่อาจหาความสัมพันธ์ได้ว่า วัคซีนมีความเกี่ยวข้องกับโรคออทิสติกแต่อย่างใด

เดวิด แมนเดลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาทางจิตเวช ศูนย์สุขภาพจิต มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ให้ความเห็นว่า การเรียกร้องให้เกิดการวิจัยในสิ่งที่พิสูจน์แล้วในทางการแพทย์ เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรและส่งผลเสียต่อสังคม เพราะเงินที่ใช้เพื่อการวิจัยควรนำไปใช้อย่างมีประโยชน์มากกว่า เช่น แก้ปัญหาการขาดแคลนสถานบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคออทิสติก เป็นต้น

นอกจากนี้ การสร้างข้อสงสัยต่อวัคซีนที่ได้รับการยืนยันด้านความปลอดภัย ถือเป็นการลดโอกาสการเข้าถึงการรักษา และเพิ่มความเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างไม่จำเป็น

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.factcheck.org/2023/08/scicheck-what-rfk-jr-gets-wrong-about-autism/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]