ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีนคือสาเหตุของโรคออทิสติก จริงหรือ?

13 เมษายน 2566
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนและโรคออทิสติกเผยแพร่โดย โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ นักกฎหมายและนักการเมืองชาวอเมริกันวัย 70 ปี โดยระหว่างรณรงค์หาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2023 โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ กล่าวหาว่าการฉีดวัคซีนคือสาเหตุของการป่วยเป็นโรคออทิสติกในเด็ก


บทสรุป :

  1. สาเหตุที่พบเด็กป่วยเป็นโรคออทิสติกมากขึ้น เพราะปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นและการคัดกรองละเอียดกว่าในอดีต
  2. ไม่พบหลักฐานว่าการใช้ Thimerosal เป็นสารกันเสียในวัคซีนทำให้เสี่ยงเป็นโรคออทิสติก
  3. จากการศึกษาเท่าที่ผ่านมา ยังไม่มีหลักฐานถึงความสัมพันธ์ระหว่างวัคซีนกับโรคออทิสติก

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

Factcheck.org ได้ตรวจสอบความเห็นของ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ และพบว่ามีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับวัคซีนและโรคออทิสติกแบ่งได้เป็น 3 ประเด็นดังนี้


  1. คนในอดีตไม่ค่อยได้ฉีดวัคซีน เลยไม่ป่วยเป็นโรคออทิสติกเท่าคนรุ่นใหม่ที่ถูกบังคับให้ฉีดวัคซีน – ข้อมูลเท็จ

ระหว่างหาเสียง โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ได้เผยแพร่แนวคิดว่า Autism Epidemic หรือการระบาดของโรคออทิสติกในปัจจุบันมีสาเหตุจากนโยบายการฉีดวัคซีน โดยเปรียบเทียบว่า จำนวนผู้ป่วยออทิสติกส่วนใหญ่มักเป็นเด็กที่เกิดในยุคหลัง แต่ไม่ค่อยพบผู้ใหญ่ที่มีอาการป่วยทางจิตมาใช้ชีวิตในสังคมยุคปัจจุบัน จึงเชื่อว่าส่วนประกอบในวัคซีนส่งผลให้เด็กที่เกิดใหม่ป่วยเป็นออทิสติกมากขึ้น

อย่างไรก็ดี การไม่พบผู้ใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคออทิสติกมากเท่ากับเด็ก ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการตรวจพบผู้ป่วยโรคออทิสติกในอดีตตามที่กล่าวอ้าง

ข้อมูลล่าสุดของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ประเมินว่า 1 ใน 36 ของเด็กที่เกิดในปี 2012 ตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคออทิสติก

ส่วนการสำรวจปี 2017 ของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIH) พบว่ามีผู้ใหญ่ 1 ใน 45 รายที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก

สาเหตุที่จำนวนผู้ใหญ่ที่ป่วยด้วยโรคออทิสติกพบเป็นได้น้อยกว่าเด็ก ปัจจัยสำคัญมาจากผู้ป่วยออทิสติกมีอายุขัยที่สั้นกว่าคนปกติ สาเหตุการเสียชีวิตมีทั้งจากอาการแทรกซ้อนของโรคระบบประสาท เช่น โรคลมชัก และโรคประจำตัวอื่น ๆ รวมถึงการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและการฆ่าตัวตายที่สูงกว่าคนปกติ

ยังรวมถึงปัจจัยที่ผู้ป่วยออทิสติกวัยผู้ใหญ่หลายรายอาจมีอาการโดยไม่ได้รับการวินิจฉัย และรายที่ไม่เปิดเผยว่าตนเองป่วยเป็นออทิสติก รวมถึงผู้ป่วยออทิสติกที่รักษาตัวร่วมกับอาการป่วยทางจิตอื่น ๆ เช่น โรคจิตเภท

ในรายที่ป่วยเป็นออทิสติกชนิดรุนแรงหรือ Profound Autism ซึ่งมีปัญหาทางสติปัญญาและความสามารถในการพูด บุคคลเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และจะอาศัยอยู่ในสถานบำบัดผู้ป่วยที่มีอาการทางจิต จึงไม่ค่อยออกมาใช้ชีวิตในสังคมเหมือนคนส่วนใหญ่

การคัดกรองผู้ป่วยออทิสติกละเอียดยิ่งขึ้น

การวินิจฉัยโรคออทิสติกในเด็กที่มีความละเอียดมากขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลโดยตรงต่อการตรวจพบเด็กป่วยด้วยโรคออทิสติกจำนวนมากขึ้น เช่น รายที่ไม่มีปัญหาด้านการสื่อสารด้วยคำพูด แต่พบปัญหาด้านการสื่อสารด้วยท่าทาง ก็เข้าข่ายเป็นเด็กที่มีอาการออทิสติกในปัจจุบัน เป็นต้น

ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีด้านกุมารเวชที่พัฒนาขึ้น ช่วยให้ทารกที่มีความบกพร่องตั้งแต่กำเนิดมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น ซึ่งเด็กเหล่านี้อาจเติบโตขึ้นมาแล้วมีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคออทิสติกได้เช่นกัน

รวมถึงสภาวะสังคมในปัจจุบัน ทั้งการมีลูกช้าลงของผู้ปกครองที่มีอายุมาก และปัญหามลภาวะทางอากาศที่เพิ่ม ล้วนเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงการให้กำเนิดทารกที่ป่วยเป็นโรคออทิสติกทั้งสิ้น

ในทางตรงกันข้าม หลายทศวรรษที่ผ่านมา มีการวิจัยหาความสัมพันธ์ระหว่างโรคออทิสติกกับวัคซีนหลายชนิด แต่ปัจจุบันก็ยังไม่พบว่ามีวัคซีนชนิดใดเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคออทิสติก

เดวิด แมนเดลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาทางจิตเวช ศูนย์สุขภาพจิต มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ยืนยันว่า การวิจัยอย่างถี่ถ้วนเท่าที่ผ่านมา ยังไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนกับโรคออทิสติกแม้แต่น้อย

  1. Thimerosal สารกันเสียในวัคซีนทำให้เด็กป่วยเป็นโรคออทิสติก – ข้อมูลเท็จ

เมื่อปี 2005 โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ได้เขียนบทความตีพิมพ์ในนิตยสารชื่อดังทั้ง Rolling Stone และ Salon โดยอ้างว่า ไทเมอโรซอล (Thimerosal) ปรอทอินทรีย์ที่เคยใช้เป็นสารกันเสียในวัคซีนหลายชนิด คือสาเหตุทำให้เด็กป่วยเป็นโรคออทิสติกมากขึ้น

แต่ภายหลังนิตยสาร Salon ได้ถอนการนำเสนอบทความดังกล่าว หลังพบว่าเนื้อหาขัดแย้งกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ส่วนนิตยสาร Rolling Stone ก็ยกเลิกการนำเสนอบทความชิ้นนี้ทางเว็บไซต์เช่นกัน

ในระหว่างรณรงค์หาเสียงช่วงปี 2023 โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ก็ยังนำไทเมอโรซอลมาเชื่อมโยงกับการเกิดโรคออทิสติกอีกครั้ง โดยอ้างงานวิจัยปี 2003 ของ CDC ที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างไทเมอโรซอลกับปัญหาสุขภาพต่าง ๆ

อย่างไรก็ดี ข้อสรุปของงานวิจัยดังกล่าวระบุว่า ไทเมอโรซอลไม่มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดโรคออทิสติกหรือพัฒนาการของระบบประสาทใด ๆ

เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ไทเมอโรซอลซึ่งเป็นปรอทอินทรีย์ชนิด Ethyl Mercury จะสลายจากร่างกายในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งแตกต่างจากปรอทอินทรีย์ชนิด Methyl Mercury ซึ่งส่งผลต่อปัญหาด้านระบบประสาทในมนุษย์

งานวิจัยของปี 2003 ของ CDC ถูกทำขึ้นหลังจากมีการเรียกร้องทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและวิชาชีพ ให้ยุติการใช้ไทเมอโรซอลในวัคซีน นำไปสู่การยกเลิกการใช้ไทเมอโรซอลในวัคซีนสำหรับเด็กเกือบทุกชนิดในปี 2001 ยกเว้นวัคซีนไข้หวัดใหญ่บางชนิดเท่านั้น

อย่างไรก็ดี งานวิจัยหลายชิ้นในเวลาต่อมา ก็ไม่พบว่าไทเมอโรซอลในวัคซีนมีผลต่อการเกิดโรคออทิสติกหรือพัฒนาการของระบบประสาทใด ๆ

แม้จะยกเลิกการใช้ไทเมอโรซอลในวัคซีนสำหรับเด็กตั้งแต่ปี 2001 แต่จำนวนเด็กที่ป่วยเป็นโรคออทิสติกก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน

มีงานวิจัยที่พบว่า ประเทศสวีเดนและเดนมาร์กได้ยกเลิกการใช้ไทเมอโรซอลในวัคซีนมาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990s แต่ผู้ป่วยเกิดโรคออทิสติกทั้งสองประเทศก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 1980s จนถึงปลายทศวรรษ 1990s

คณะที่ปรึกษาด้านระบบภูมิคุ้มกันของ CDC แนะนำให้เด็กเข้ารับการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม ไม่ว่าวัคซีนชนิดนั้นจะมีส่วนประกอบของไทเมอโรซอลหรือไม่ก็ตาม

  1. Autism Epidemic เริ่มระบาดในปี 1989 เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มบังคับให้เด็กฉีดวัคซีน – ข้อมูลเท็จ

คำกล่าวอ้างของ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ อ้างอิงงานวิจัยปี 2010 ที่ตีพิมพ์ในวารสารของสมาคม American Chemical Society โดยนักวิจัยจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ อ้างว่าปี 1989 คือปีที่จำนวนผู้ป่วยโรคออทิสติกเพิ่มมากกว่าปกติ แต่บทสรุปในงานวิจัยชิ้นนั้นยังขาดความน่าเชื่อถือเนื่องจากข้อมูลที่ใช้อ้างอิงขาดความสอดคล้องซึ่งกันและกัน ส่วนงานวิจัยอื่น ๆ ก็ระบุปีที่พบการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคออทิสติกที่ต่างออกไป

ในปี 1989 มีการรณรงค์การฉีดวัคซีนโรคฮิบเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา ตามด้วยวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีในปี 1994 วัคซีนอีสุกอีใสในปี 1996 วัคซีนไวรัสโรตาในปี 1998

โดยวัคซีนเหล่านี้ได้รับการยืนยันว่าป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่พบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคโรคออทิสติกอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญต่างโต้แย้งว่า ปี 1989 ไม่ใช่ปีที่มีการพบผู้ป่วยโรคออทิสติกมากผิดปกติตามที่กล่าวอ้าง

แคเธอรีน ลอร์ด นักจิตวิทยาคลินิกและนักวิจัยด้านโรคออทิสติก จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (UCLA) อธิบายว่า ไม่มีรายงานพบผู้ป่วยโรคออทิสติกเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติในปี 1989 อัตราการเพิ่มของผู้ป่วยโรคออทิสติกเป็นไปอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970s ปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากการเริ่มศึกษาโรคออทิสติกอย่างจริงจังและแพร่หลายในหลายประเทศ ทั้ง สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และแคนาดา

แคเธอรีน ลอร์ด ย้ำว่าไม่มีหลักฐานใดที่พบว่าวัคซีนส่งผลต่อการเกิดโรคออทิสติก สมมติฐานเหล่านี้ถูกหักล้างมาตั้งแต่การเผยแพร่งานวิจัยอื้อฉาวที่พยายามเชื่อมโยงวัคซีน MMR กับโรคออทิสติกเมื่อปี 1998 จนผู้วิจัยต้องสูญเสียสถานะทางการแพทย์ ไม่ต่างจากงานวิจัยแบบเดียวในยุคต่อมา ที่ถูกหักล้างด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด

ภัยของการกระตุ้นให้เกิดการวิจัยที่ไม่จำเป็น

ระหว่างเผยแพร่ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับวัคซีนและโรคออทิสติก โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ มักอ้างความชอบธรรมว่า สิ่งที่เขาเรียกร้องเป็นการกระตุ้นให้วงการวิทยาศาสตร์หันมาวิจัยผลเสียของการฉีดวัคซีนกับการเกิดโรคออทิสติกให้มากกว่านี้

แต่ข้ออ้างดังกล่าวทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ประเด็นดังกล่าวจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ข้อสงสัยเกี่ยวกับผลกระทบของวัคซีนกับโรคออทิสติก มีการศึกษากันมาอย่างแพร่หลาย ซึ่งแต่ละครั้งผู้วิจัยก็ไม่อาจหาความสัมพันธ์ได้ว่า วัคซีนมีความเกี่ยวข้องกับโรคออทิสติกแต่อย่างใด

เดวิด แมนเดลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาทางจิตเวช ศูนย์สุขภาพจิต มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ให้ความเห็นว่า การเรียกร้องให้เกิดการวิจัยในสิ่งที่พิสูจน์แล้วในทางการแพทย์ เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรและส่งผลเสียต่อสังคม เพราะเงินที่ใช้เพื่อการวิจัยควรนำไปใช้อย่างมีประโยชน์มากกว่า เช่น แก้ปัญหาการขาดแคลนสถานบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคออทิสติก เป็นต้น

นอกจากนี้ การสร้างข้อสงสัยต่อวัคซีนที่ได้รับการยืนยันด้านความปลอดภัย ถือเป็นการลดโอกาสการเข้าถึงการรักษา และเพิ่มความเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างไม่จำเป็น

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.factcheck.org/2023/08/scicheck-what-rfk-jr-gets-wrong-about-autism/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

งด ครม.

งด ครม. ทำเนียบวันนี้ เตรียมสัญจรครั้งแรก “เชียงใหม่-เชียงราย” วันศุกร์

งด ครม. ทำเนียบวันนี้ เตรียมสัญจรครั้งแรก “เชียงใหม่-เชียงราย” ศุกร์นี้ นายกฯ ตั้งเป้าปีหน้าน้ำท่วมภาคเหนือต้องไม่เกิดอีก ด้าน ศปช. เตรียมเสนอแผนแก้อย่างเป็นระบบใน ครม.สัญจร ศุกร์นี้

วิเคราะห์การเมืองสนามใหญ่ หลังศึกเลือกตั้งนายก อบจ.

วิเคราะห์ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 4 สนามใหญ่ โดยเฉพาะอุดรธานี ที่สะท้อนถึงความนิยมในตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี