ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีนโควิดปนเปื้อนเนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์จากการทำแท้ง จริงหรือ?

20 กุมภาพันธ์ 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ผ่านทางสื่อในสหรัฐอเมริกาในปี 2022 เมื่อบุคลากรทางการแพทย์ 16 รายที่ทำงานอยู่ในรัฐนิวยอร์ก ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อคัดค้านนโยบายบังคับให้บุคลากรทางการแพทย์ในนิวยอร์กต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกคน โดยมีข้อยกเว้นแค่เหตุผลทางการแพทย์ แต่ไม่รับพิจารณาการปฏิเสธวัคซีนด้วยเหตุผลทางศาสนา โดยมองว่าเป็นการลิดรอนสิทธิทางความเชื่อของบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากมีการอ้างว่า วัคซีนโควิด-19 มีส่วนประกอบของเนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์ที่เกิดจากการทำแท้ง การฉีดวัคซีนโควิด-19 จึงไม่ต่างจากการสนับสนุนการทำแท้งซึ่งผิดหลักความเชื่อทางศาสนา


บทสรุป :

  1. วัคซีนโควิด-19 ชนิดไวรัล เวกเตอร์ ผลิตจากไวรัสที่เพาะเลี้ยงในเซลล์เนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์
  2. วัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ไม่ได้ผลิตจากไวรัสที่เพาะเลี้ยงในเซลล์เนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์
  3. วัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ใช้เซลล์เนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์เพื่อทดสอบประสิทธิผลของวัคซีนเท่านั้น
  4. วัคซีนโควิด-19 ทุกชนิด ไม่มีส่วนประกอบของเซลล์เนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์อยู่ในวัคซีน
  5. มีวัคซีนหลายชนิดที่พัฒนาจากเซลล์เนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์ รวมถึงวัคซีนโรคหัดเยอรมันที่กำหนดให้บุคลากรทางการแพทย์ในนิวยอร์กต้องฉีดมานานแล้ว

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

การยกเลิกการปฏิเสธวัคซีนด้วยเหตุผลทางศาสนาในนิวยอร์ก


ช่วงเดือนสิงหาคมปี 2021 รัฐนิวยอร์กออกนโยบายบังคับให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกคน โดยมีข้อยกเว้นด้วยเหตุผลทางการแพทย์และเหตุผลทางศาสนา

กระทั่ง 8 วันให้หลัง องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้ผ่านการรับรองวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Pfizer-BioNTech แบบเต็มรูปแบบ หน่วยงานสาธารณสุขของนิวยอร์กจึงปรับเปลี่ยนนโยบายการฉีดวัคซีนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ใหม่ โดยจำกัดข้อยกเว้นทางการแพทย์ให้แคบลง และห้ามการปฏิเสธวัคซีนด้วยเหตุผลทางศาสนาโดยสิ้นเชิง

นิวยอร์ก ถือเป็น 1 ใน 3 รัฐของสหรัฐฯ รวมกับรัฐเมนและรัฐโรด ไอแลนด์ ที่กำหนดนโยบายบังคับให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 และห้ามการปฏิเสธด้วยเหตุผลทางศาสนา

นโยบายดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์จำนวน 16 ราย ที่มองว่าเป็นการลิดรอนสิทธิทางความเชื่อ และได้ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อให้ทางการนิวยอร์กล้มเลิกคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนกับบุคลากรทางการแพทย์ โดยอ้างว่าวัคซีนโควิด-19 มีเนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์ที่เกิดจากการทำแท้งเป็นส่วนประกอบในการผลิตวัคซีน

อย่างไรก็ดี ข้ออ้างการมีเนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์อยู่ในวัคซีนโควิด-19 ไม่เป็นความจริง มีแค่การใช้เซลล์จากตัวอ่อนมนุษย์ในการทดลองวัคซีนหรือใช้ระหว่างกระบวนการผลิตวัคซีนเท่านั้น ไม่มีเซลล์จากตัวอ่อนมนุษย์เป็นส่วนประกอบในวัคซีนโควิด-19 ที่ฉีดให้กับประชาชนแต่อย่างใด

ความสำคัญของเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์กับการผลิตวัคซีน

การนำเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มาเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ เพื่อใช้ในการวิจัยหรือผลิตยาและวัคซีน เป็นวิธีการที่วงการแพทย์ใช้กันมาเป็นเวลานานหลายทศวรรษ

เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ 2 ชนิดที่ใช้พัฒนาวัคซีนมากที่สุดได้แก่ WI-38 เซลล์เนื้อเยื่อปอดจากตัวอ่อนมนุษย์เพศหญิงวัย 3 เดือน เกิดจากแม่ชาวสวีเดนที่จงใจทำแท้งเมื่อปี 1963 โดยต่อมา WI-38 ได้กลายเป็นเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทฤษฎีชีววิทยาระดับโมเลกุล และอยู่เบื้องหลังการพัฒนาวัคซีนหลากหลายชนิด ทั้งวัคซีนที่ป้องกันโรคจากอะดีโนไวรัส, โรคหัด, โรคหัดเยอรมัน, โรคคางทูม, โรคอีสุกอีใส, โรคโปลิโอ, โรคไวรัสตับอักเสบเอ และโรคพิษสุนัขบ้า

เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์อีกชนิดคือ MRC-5 เซลล์เนื้อเยื่อปอดจากตัวอ่อนมนุษย์เพศชายวัย 14 สัปดาห์ เกิดจากแม่ชาวสหราชอาณาจักรที่แท้งลูกเมื่อปี 1966 เป็นเซลล์ตัวอ่อนที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาวัคซีนโรคไวรัสตับอักเสบเอ, โรคอีสุกอีใส, และโรคโปลิโอ

ข้อมูลจากโรงพยาบาล Children’s Hospital of Philadelphia ยืนยันว่า แม้เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์จะใช้เพื่อพัฒนาวัคซีนหลากหลายชนิด แต่วัคซีนที่ผลิตจากเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ที่เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ จะไม่มีเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์เป็นส่วนประกอบของวัคซีน เนื่องจากวัคซีนจะผ่านการทำให้บริสุทธิ์ก่อนนำมาใช้เสมอ

เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์กับวัคซีนโควิด-19

วัคซีนโควิด-19 ที่มีความเชื่อมโยงกับเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มากที่สุด ได้แก่วัคซีนชนิดไวรัล เวกเตอร์ ซึ่งใช้อะดีโนไวรัสที่สร้างจากเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ที่เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ

วัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Johnson & Johnson ใช้ไวรัสที่เพาะเลี้ยงจากเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ที่ชื่อว่า PER.C6 เซลล์จอประสาทตาจากตัวอ่อนมนุษย์วัย 18 สัปดาห์ ได้มาจากแม่ที่แท้งลูกเมื่อปี 1985 ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเซลล์ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาวัคซีนที่ใช้อะดีโนไวรัสเป็นไวรัล เวกเตอร์ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990’s

ส่วนวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca ใช้เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ที่ชื่อว่า HEK-293 เซลล์ไตจากตัวอ่อนมนุษย์ที่ได้มาจากแม่ที่แท้งลูกเมื่อปี 1973 โดยต่อมาได้กลายเป็นเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ที่ใช้ในการวิจัยหรือผลิตวัคซีนและยารักษาโรคอย่างแพร่หลาย

วัคซีน mRNA ใช้เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ในการทดลองประสิทธิภาพวัคซีนเท่านั้น

ส่วนวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ทั้ง The Pfizer/BioNTech และ Moderna ถือว่ามีความเชื่อมโยงกับเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์น้อยกว่าวัคซีนชนิดไวรัล เวกเตอร์ เนื่องจากเป็นวัคซีนที่ใช้ mRNA ของไวรัสแทนการใช้ไวรัสเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน จึงไม่มีการนำไวรัสไปเพาะเลี้ยงในเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์แต่อย่างใด มีแค่การนำวัคซีนไปทดลองกับเซลล์ HEK-293T เพื่อยืนยันว่าวัคซีน mRNA สามารถเปลี่ยน mRNA เป็นโปรตีนหนามของโควิด-19 ได้จริง

นอกจากนี้ ยังมีการใช้เซลล์ HEK-293T เพื่อผลิตอนุภาคเทียม (Pseudovirus) ของไวรัสโควิด-19 เพื่อทดสอบระดับแอนติบดีในสัตว์ทดลองที่ได้รับวัคซีน mRNA อีกด้วย

อเลสซอนดรา สไปเดล นักวิทยาศาสตร์สาขาวัสดุชีวภาพ สถาบัน Karolinska Institute จากประเทศสวีเดน อธิบายกับนิตยสาร National Geographic ว่า จุดประสงค์ของการนำเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มาใช้ทดสอบวัคซีน mRNA คือรับประกันว่าวัคซีน mRNA สามารถนำมาใช้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้จริง

ศาสนากับวัคซีนที่พัฒนาจากเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์

ในมุมมองของศาสนาคริสต์ ทั้งจากสำนักวาติกัน ผู้นำคริสตจักรโรมันคาทอลิก และ Southern Baptist Convention องค์กรศาสนานิกายโปรเตสแตนต์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และเป็นองค์กรศาสนานิกายแบปทิสต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ต่างมองว่าการรับวัคซีนที่พัฒนาจากเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์เป็นสิ่งที่ยอมรับได้และไม่ผิดศีลธรรม เนื่องจากมองว่าไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

สหพันธ์สภาบิชอปคาทอลิกแห่งสหรัฐอเมริกา (USCCB) แนะนำให้เลือกวัคซีนที่มีความเชื่อมโยงกับเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์จากการทำแท้งให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่กระนั้นก็ยังมองว่า การรับวัคซีนโควิด-19 ถือเป็นภารกิจเพื่อการกุศลต่อเพื่อนมนุษย์ เป็นภารกิจที่สื่อถึงความรักต่อเพื่อนบ้านและเป็นความรับผิดชอบด้านศีลธรรมเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม

แม้แต่ สถาบัน Charlotte Lozier Institute องค์กรต่อต้านการทำแท้ง ก็มองว่าวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Pfizer/BioNTech และ Moderna ไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นโดยขัดต่อหลักจริยธรรม

หมอเคยฉีดวัคซีนที่ผลิตจากเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มานานแล้ว

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนปี 2022 ศาลสูงของสหรัฐฯ มีมติ 6 ต่อ 3 ไม่รับพิจารณาคำร้องให้มีการยับยั้งนโยบายบังคับบุคลากรทางการแพทย์ในนิวยอร์กฉีดวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากมองว่า ที่ผ่านมาเคยมีวัคซีนที่กำหนดให้บุคลากรทางการแพทย์ในนิวยอร์กต้องฉีดโดยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยเหตุผลทางศาสนา และก็เป็นวัคซีนที่ผ่านการพัฒนาด้วยการใช้เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มาแล้วเช่นกัน

ข้อมูลที่ทางการนิวยอร์กอ้างต่อศาลสูงของสหรัฐฯ ระบุว่า เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ชนิด HEK-293 ที่ใช้ในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Pfizer และ Moderna คือเซลล์ที่เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ และเป็นเซลล์ที่สืบทอดมาจากเซลล์ต้นกำเนิดมาแล้วหลายพันรุ่นตั้งแต่ปี 1973 การนำเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มาใช้ในการทดลองเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในวงการแพทย์ รวมถึงการพัฒนาวัคซีนโรคหัดเยอรมัน ซึ่งเป็นวัคซีนพื้นฐานที่กำหนดให้บุคลากรทางการแพทย์ในนิวยอร์กต้องฉีดทุกคนอยู่แล้ว

คุณูปการของเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์

การนำเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มาใช้เพื่อการวิจัยทางการแพทย์ เป็นประเด็นที่สร้างข้อโต้แย้งมานานนับทศวรรษ แต่กระนั้น เซลล์เพาะเลี้ยงเหล่านั้นคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานวิจัยด้านชีวการแพทย์ และมีบทบาทสำคัญในการค้นพบแนวทางการรักษาและการผลิตตัวยาชนิดใหม่ ๆ ออกมามากมาย รวมถึงยาสามัญประจำบ้านอย่าง พาราเซตามอล เช่นกัน

แนวทางการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อื่น ๆ ทั้งการใช้ Monoclonal antibodies หรือการผลิตยาต้านไวรัสอย่าง Remdesivir ต่างผ่านกระบวนการทดสอบกับเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มาแล้วทั้งสิ้น

อาเมช อดัลจา ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ จากศูนย์ Johns Hopkins Center for Health Security ชี้แจงต่อนิตยสาร National Geographic ว่า ผู้คนมักไม่รู้ถึงความจำเป็นของการใช้เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์เพื่อการพัฒนายาและวัคซีน ซึ่งล้วนเป็นยาที่ใช้อย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน การนำเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มาใช้เพื่อพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ไม่ได้ทำให้วัคซีนโควิด-19 มีความแตกต่างจากยาหรือวัคซีนชนิดอื่น ๆ แต่อย่างใด

มีการประเมินในปี 2015 ว่า เฉพาะวัคซีนที่พัฒนาจากเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ชนิด WI-38 สามารถช่วยชีวิตผู้คนมาแล้วกว่า 10.3 ล้านราย และยังช่วยป้องกันและรักษาผู้คนจากการป่วยด้วยโรคร้ายกว่า 4.5 พันล้านครั้ง

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.factcheck.org/2022/07/scicheck-covid-19-vaccines-dont-contain-fetal-tissue/
https://www.nationalgeographic.com/science/article/here-are-the-facts-about-fetal-cell-lines-and-covid-19-vaccines
https://www.vatican.va/roman_curia/congregations/cfaith/documents/rc_con_cfaith_doc_20201221_nota-vaccini-anticovid_en.html
https://erlc.com/resource-library/articles/explainer-covid-19-raises-concern-about-abortive-fetal-cells-in-medicine/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปลัด ศธ. แจง “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง

กทม. 21 ก.ค.-ปลัด ศธ. แจงภารกิจแรก “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง กำชับ “ครู-นักเรียน” วันหยุดใส่ไปรเวทได้ ไม่ต้องแต่งชุดเต็มยศมารอต้อนรับ ขอลงพื้นที่ไม่ให้ใครลำบาก จากกรณี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการแต่งกายใส่กางเกงยีนส์ขาด รองเท้าผ้าใบ พบปะบุคลากรการศึกษา ครูและนักเรียน ที่มารอต้อนรับ เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล การแต่งกายไม่เหมาะสมกับบทบาทของผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการแต่งกายของข้าราชการโดยทั่วไป นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสวิจารณ์การแต่งกายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ การลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานีระหว่างวันที่ 18 – 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกตั้งแต่ ศ.ดร.นฤมล มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ยังไม่ได้มีการพูดคุยและทำความเข้าใจในเรื่องการแต่งกายของคณะครูและนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมในวันหยุดราชการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาด้วยชุดสุภาพ เพราะเห็นว่ามีผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชามาร่วมลงพื้นที่ด้วย ศ.ดร.นฤมล ได้กำชับมาว่าการลงพื้นที่ในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ถือว่าไม่ได้เป็นวันทำงานปกติ […]

สึกแล้ว! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์

20 ก.ค.- สึกกลางดึก! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้วที่วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยได้รับรายงานจาก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ ว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เวลา 23.49 น.” ขณะที่ก่อนหน้านี้ เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ได้แจ้งว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ” ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสวรรค์และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ -สำนักข่าวไทย

Astronomer CEO caught by kiss cam in Coldplay concert

CEO ลาออกหลังถูกแฉกลางคอนเสิร์ต Coldplay

ซินซินแนติ 20 ก.ค. – บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐแจ้งเรื่องซีอีโอลาออกแล้ว หลังจากช่วงเวลาขณะกอดกับผู้บริหารของบริษัทที่ไม่ใช่ภรรยาถูกจับภาพไปปรากฏบนจอภาพกลางคอนเสิร์ตวงโคลด์เพลย์ (Coldplay) และกลายเป็นคลิปไวรัลทั่วโลก แอสโตรโนเมอร์ (Astronomer) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีผู้ให้บริการข้อมูลองค์กรเผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเอ็กซ์ ( X) ว่า บริษัทยึดมั่นในคุณค่าและวัฒนธรรมที่นำทางองค์กรมาตั้งแต่ก่อตั้ง ผู้นำบริษัทถูกคาดหวังว่าจะต้องสร้างมาตรฐานด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบ แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น นายแอนดี บายรอน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของบริษัท และคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ลาออกแล้ว แถลงการณ์ให้คำมั่นว่า บริษัทจะเดินหน้าทำในสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ การให้บริการแก้ปัญหาข้อมูลและเอไอ (AI) ให้แก่ลูกค้าต่อไป เรื่องราวอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตวง Coldplay ที่สนามยิลเลตต์สเตเดียม ในเมืองฟอกซ์โบโร รัฐแมสซาชูเสตต์เมื่อคืนวันที่ 16 กรกฎาคม เมื่อกล้องคิสแคม (kiss cam) ของคอนเสิร์ตจับภาพเจอชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดกันในโซนวีไอพี ซึ่งชายหญิงคู่นี้ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่เป็นนายบายรอน ซีอีโอของแอสโตรโนเมอร์ และคริสติน คาบอต หัวหน้าฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลหรือเอชอาร์ (HR) ของบริษัท เมื่อรู้ตัวว่าภาพถูกฉายขึ้นจอ ฝ่ายหญิงรีบเอามือปิดหน้าและหันหลังให้กล้อง ส่วนฝ่ายชายรีบนั่งลงให้พ้นจากมุมกล้อง ในจังหวะเดียวกันนั้น คริส มาร์ติน นักร้องนำของวง Coldplay ได้พูดแซวว่า […]

Hong Kong braves heavy rain and strong winds as typhoon Wipha approaches

ฮ่องกงเตือนภัย “ไต้ฝุ่นวิภา” ระดับสูงสุด

ฮ่องกง 20 ก.ค.- ฮ่องกงประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดในวันนี้ เนื่องจากไต้ฝุ่นวิภา (Wipha) ที่มีความเร็วลมมากกว่า 167 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงทั่วฮ่องกง และทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยว สถานีอุตนิยมวิทยาของฮ่องกงยกระดับเตือนภัยพายุ จากหมายเลข 9 ที่ประกาศเมื่อเวลา 07.20 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เป็นหมายเลข 10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อเวลา 09.20 น. และคาดว่าจะคงระดับเตือนภัยสูงสุดไปอีกระยะหนึ่ง สถานีอุตุนิยมวิทยาฮ่องกงพยากรณ์ว่า ไต้ฝุ่นซึ่งมีกำลังลมแรงเท่ากับเฮอริเคนจะเคลื่อนตัวเฉียดสถานีฯ โดยห่างลงไปทางใต้ราว 50 กิโลเมตร และส่งผลกระทบกับพื้นที่ทางใต้ของฮ่องกง สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคของฮ่องกงได้ยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าและขาออกทั้งหมดตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น.วันนี้ ขณะที่บริการขนส่งมวลชนส่วนใหญ่ในฮ่องกง รวมถึงบริการเรือโดยสารข้ามฟากถูกระงับเพื่อความปลอดภัย.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนทั่วไทยรับมืออิทธิพลพายุวิภา ฝนตกหนักหลายพื้นที่

21 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมืออิทธิพลพายุโซนร้อนกำลังแรง “วิภา” คาดขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบนเช้าพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) ส่งผลไทยตอนบนฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ น.ส.สุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ พายุโซนร้อนกำลังแรง “วิภา” มีศูนย์กลางอยู่บริเวณเมืองจ้านเจียง มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าชายฝั่งเวียดนามเช้าวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) จากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณลุ่มน้ำโขงตอนบนของลาวและเวียดนาม ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักต่อเนื่อง และเสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และลมแรงหลายพื้นที่ 60 จังหวัดทั่วประเทศ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก คลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง โดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูง 2–4 เมตร อาจเกิน 4 เมตรในบางพื้นที่ เรือเล็กงดออกจากฝั่งเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 21–25 กรกฎาคมนี้ พร้อมยังจัดตั้งศูนย์ติดตามพิเศษ หรือ War Room ตั้งแต่วันนี้ เพื่อประเมินสถานการณ์แบบเรียลไทม์ และสื่อสารเตือนภัยต่อเนื่อง ตลอด […]

พบอีก 2 ทุ่นระเบิดสภาพใหม่ ในพื้นที่ช่องบก

กองทัพบก 21 ก.ค.-ทบ. เผยพบทุ่นระเบิดสภาพใหม่เพิ่มเติม จำนวน 2 ทุ่น ในพื้นที่ช่องบก ใกล้กับจุดเกิดเหตุเดิม ชี้ชัดขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ด้านกรมข่าวทหารบก เตรียมเชิญผู้ช่วยทูตทหารมารับทราบข้อเท็จจริง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี จนได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เมื่อวันที่ 16 ก.ค.68 ล่าสุดวานนี้ (20 ก.ค.68) กองกำลังสุรนารี และหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยผลจากการตรวจพื้นที่พบการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN2 ในสภาพใหม่พร้อมทำงาน จำนวน 2 ทุ่น ห่างจากหลุมระเบิดเดิม 30 เซนติเมตร โดยปัจจุบันเจ้าหน้าที่ หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) ได้ทำการรื้อถอนทุ่นระเบิดที่ตรวจพบใหม่ออกแล้วทั้ง 2 ทุ่น การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน และแสดงถึงเจตนาในการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารไทย ทั้งเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล […]

“พล.อ.ณัฐพล” ลั่นกัมพูชาบอกไม่รู้ไม่ได้ หลังคนเขมรป่วนปราสาทตาเมือนธม

ทำเนียบ 21 ก.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” ลั่นกัมพูชาบอกไม่รู้ไม่ได้ หลังคนกัมพูชาป่วนปราสาทตาเมือนธมหลักพันคนวานนี้ ขอคนไทยเข้าใจ หากอ่อนหรือแข็งไป จะหาที่ลงไม่ได้ ทำ 7 จังหวัดชายแดนเดือดร้อน เผยมีมาตรการรับมือป่วนซ้ำ แต่ไม่ขอแจงรายละเอียด พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ศบ.ทก. ถึงกรณีกัมพูชาขนมวลชนมาป่วนที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ว่า รัฐบาลกัมพูชาจะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะมาเป็นหลักพันคน แต่ถ้าไม่รู้ก็ต้องแก้ไขทำความเข้าใจกับประชาชนไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนกัมพูชามาทำแบบเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยดูอยู่ทั้งหมด เราไม่อยากให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเครียด อยากจะบอกกับสื่อมวลชนว่าขณะนี้ประชาชนตามแนวชายแดน 7 จังหวัด เดือดร้อนมาก “เขากดดันผมว่า เมื่อไหร่จะจบเสียทีผมอยู่ตรงนี้ผมต้องรักษาบรรยากาศจะต้องไม่อ่อนแอหรือเข้มแข็งเกินไป จนหาที่ลงไม่ได้ ผมจะโดนทั้ง 2 ทาง ขณะนี้ พี่น้องอีก 70 จังหวัดก็จะมาด่าว่า ทำไมดูไม่เข้มแข็งเด็ดขาด เหมือนหมานำราชสีห์ แต่ไม่เคยสนใจ พี่น้อง 7 จังหวัดชายแดน ว่าเขาเดือดร้อนอย่างไร แต่ผมไม่อยากให้ ไปทำข่าวว่าพี่น้อง 7 จังหวัดชายแดนเดือดร้อนอย่างไร เพราะไม่อยากให้กัมพูชาทราบว่าของเราก็แย่อยู่ […]

ปปป.ประชุมสอบเส้นเงิน “ทิดสฤษดิ์” เอี่ยวทุจริตเงินวัด-เสพเมถุนหรือไม่

บก.ปปป. 21 ก.ค. – ผู้การ ปปป. เรียกประชุมชุดทำงาน ตรวจสอบเส้นเงิน “ทิดสฤษดิ์” เอี่ยวทุจริตเงินวัด-เสพเมถุนเศรษฐินีหรือไม่ ขณะเดียวกันยังแบ่งชุดสืบ ลงพื้นที่วัดนครสวรรค์ ตรวจสอบข้อเท็จจริง ช่วงเช้าวันนี้ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) เรียกประชุมชุดทำงานคดี “ทิดสฤษดิ์” หรือ อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ที่ต้องสงสัยว่ามีสัมพันธ์กับเศรษฐีนีปากน้ำโพ อายุ 57 ปี และใช้ชีวิตอยู่กินด้วยกัน ส่งเสียเลี้ยงดูฉันผัวเมียมานานกว่า 15 ปี รวมไปถึงอยู่ระหว่างขยายผลและตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินวัดหรือไม่ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง โดยสาระสำคัญวันนี้ ทาง ปปป.ได้เรียกพนักงานสอบสวนประชุมเพื่อวางแนวทาง และกรอบการทำงานในกรณีของเส้นเงินเท่านั้น ส่วนเรื่องอื้อฉาวนั้น พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังจากได้เปิดศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและส่งเสริมพระธรรมวินัย จึงได้มอบหมายให้ ปคม. เป็นเจ้าของคดีหลัก ให้ตรวจสอบถึงเรื่องราวทั้งหมดว่ามีสีกาเกี่ยวข้องกับทิดสฤษดิ์กี่คนและเข้ามามีสัมพันธ์ด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ ในฐานะอะไร ซึ่งคดีนี้เป็นเรื่องความผิดทางอาญา จะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีการร่วมกันทุจริตจริงหรือไม่ จากนั้นทั้ง ปปป. และ ปคม.ก็จะเอาข้อมูลทั้งหมดมารวมกัน […]