ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีนโควิดปนเปื้อนเนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์จากการทำแท้ง จริงหรือ?

20 กุมภาพันธ์ 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ผ่านทางสื่อในสหรัฐอเมริกาในปี 2022 เมื่อบุคลากรทางการแพทย์ 16 รายที่ทำงานอยู่ในรัฐนิวยอร์ก ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อคัดค้านนโยบายบังคับให้บุคลากรทางการแพทย์ในนิวยอร์กต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกคน โดยมีข้อยกเว้นแค่เหตุผลทางการแพทย์ แต่ไม่รับพิจารณาการปฏิเสธวัคซีนด้วยเหตุผลทางศาสนา โดยมองว่าเป็นการลิดรอนสิทธิทางความเชื่อของบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากมีการอ้างว่า วัคซีนโควิด-19 มีส่วนประกอบของเนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์ที่เกิดจากการทำแท้ง การฉีดวัคซีนโควิด-19 จึงไม่ต่างจากการสนับสนุนการทำแท้งซึ่งผิดหลักความเชื่อทางศาสนา


บทสรุป :

  1. วัคซีนโควิด-19 ชนิดไวรัล เวกเตอร์ ผลิตจากไวรัสที่เพาะเลี้ยงในเซลล์เนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์
  2. วัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ไม่ได้ผลิตจากไวรัสที่เพาะเลี้ยงในเซลล์เนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์
  3. วัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ใช้เซลล์เนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์เพื่อทดสอบประสิทธิผลของวัคซีนเท่านั้น
  4. วัคซีนโควิด-19 ทุกชนิด ไม่มีส่วนประกอบของเซลล์เนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์อยู่ในวัคซีน
  5. มีวัคซีนหลายชนิดที่พัฒนาจากเซลล์เนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์ รวมถึงวัคซีนโรคหัดเยอรมันที่กำหนดให้บุคลากรทางการแพทย์ในนิวยอร์กต้องฉีดมานานแล้ว

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

การยกเลิกการปฏิเสธวัคซีนด้วยเหตุผลทางศาสนาในนิวยอร์ก


ช่วงเดือนสิงหาคมปี 2021 รัฐนิวยอร์กออกนโยบายบังคับให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกคน โดยมีข้อยกเว้นด้วยเหตุผลทางการแพทย์และเหตุผลทางศาสนา

กระทั่ง 8 วันให้หลัง องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้ผ่านการรับรองวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Pfizer-BioNTech แบบเต็มรูปแบบ หน่วยงานสาธารณสุขของนิวยอร์กจึงปรับเปลี่ยนนโยบายการฉีดวัคซีนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ใหม่ โดยจำกัดข้อยกเว้นทางการแพทย์ให้แคบลง และห้ามการปฏิเสธวัคซีนด้วยเหตุผลทางศาสนาโดยสิ้นเชิง

นิวยอร์ก ถือเป็น 1 ใน 3 รัฐของสหรัฐฯ รวมกับรัฐเมนและรัฐโรด ไอแลนด์ ที่กำหนดนโยบายบังคับให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 และห้ามการปฏิเสธด้วยเหตุผลทางศาสนา

นโยบายดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์จำนวน 16 ราย ที่มองว่าเป็นการลิดรอนสิทธิทางความเชื่อ และได้ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อให้ทางการนิวยอร์กล้มเลิกคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนกับบุคลากรทางการแพทย์ โดยอ้างว่าวัคซีนโควิด-19 มีเนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์ที่เกิดจากการทำแท้งเป็นส่วนประกอบในการผลิตวัคซีน

อย่างไรก็ดี ข้ออ้างการมีเนื้อเยื่อตัวอ่อนมนุษย์อยู่ในวัคซีนโควิด-19 ไม่เป็นความจริง มีแค่การใช้เซลล์จากตัวอ่อนมนุษย์ในการทดลองวัคซีนหรือใช้ระหว่างกระบวนการผลิตวัคซีนเท่านั้น ไม่มีเซลล์จากตัวอ่อนมนุษย์เป็นส่วนประกอบในวัคซีนโควิด-19 ที่ฉีดให้กับประชาชนแต่อย่างใด

ความสำคัญของเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์กับการผลิตวัคซีน

การนำเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มาเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ เพื่อใช้ในการวิจัยหรือผลิตยาและวัคซีน เป็นวิธีการที่วงการแพทย์ใช้กันมาเป็นเวลานานหลายทศวรรษ

เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ 2 ชนิดที่ใช้พัฒนาวัคซีนมากที่สุดได้แก่ WI-38 เซลล์เนื้อเยื่อปอดจากตัวอ่อนมนุษย์เพศหญิงวัย 3 เดือน เกิดจากแม่ชาวสวีเดนที่จงใจทำแท้งเมื่อปี 1963 โดยต่อมา WI-38 ได้กลายเป็นเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทฤษฎีชีววิทยาระดับโมเลกุล และอยู่เบื้องหลังการพัฒนาวัคซีนหลากหลายชนิด ทั้งวัคซีนที่ป้องกันโรคจากอะดีโนไวรัส, โรคหัด, โรคหัดเยอรมัน, โรคคางทูม, โรคอีสุกอีใส, โรคโปลิโอ, โรคไวรัสตับอักเสบเอ และโรคพิษสุนัขบ้า

เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์อีกชนิดคือ MRC-5 เซลล์เนื้อเยื่อปอดจากตัวอ่อนมนุษย์เพศชายวัย 14 สัปดาห์ เกิดจากแม่ชาวสหราชอาณาจักรที่แท้งลูกเมื่อปี 1966 เป็นเซลล์ตัวอ่อนที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาวัคซีนโรคไวรัสตับอักเสบเอ, โรคอีสุกอีใส, และโรคโปลิโอ

ข้อมูลจากโรงพยาบาล Children’s Hospital of Philadelphia ยืนยันว่า แม้เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์จะใช้เพื่อพัฒนาวัคซีนหลากหลายชนิด แต่วัคซีนที่ผลิตจากเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ที่เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ จะไม่มีเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์เป็นส่วนประกอบของวัคซีน เนื่องจากวัคซีนจะผ่านการทำให้บริสุทธิ์ก่อนนำมาใช้เสมอ

เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์กับวัคซีนโควิด-19

วัคซีนโควิด-19 ที่มีความเชื่อมโยงกับเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มากที่สุด ได้แก่วัคซีนชนิดไวรัล เวกเตอร์ ซึ่งใช้อะดีโนไวรัสที่สร้างจากเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ที่เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ

วัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Johnson & Johnson ใช้ไวรัสที่เพาะเลี้ยงจากเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ที่ชื่อว่า PER.C6 เซลล์จอประสาทตาจากตัวอ่อนมนุษย์วัย 18 สัปดาห์ ได้มาจากแม่ที่แท้งลูกเมื่อปี 1985 ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเซลล์ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาวัคซีนที่ใช้อะดีโนไวรัสเป็นไวรัล เวกเตอร์ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990’s

ส่วนวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca ใช้เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ที่ชื่อว่า HEK-293 เซลล์ไตจากตัวอ่อนมนุษย์ที่ได้มาจากแม่ที่แท้งลูกเมื่อปี 1973 โดยต่อมาได้กลายเป็นเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ที่ใช้ในการวิจัยหรือผลิตวัคซีนและยารักษาโรคอย่างแพร่หลาย

วัคซีน mRNA ใช้เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ในการทดลองประสิทธิภาพวัคซีนเท่านั้น

ส่วนวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ทั้ง The Pfizer/BioNTech และ Moderna ถือว่ามีความเชื่อมโยงกับเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์น้อยกว่าวัคซีนชนิดไวรัล เวกเตอร์ เนื่องจากเป็นวัคซีนที่ใช้ mRNA ของไวรัสแทนการใช้ไวรัสเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน จึงไม่มีการนำไวรัสไปเพาะเลี้ยงในเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์แต่อย่างใด มีแค่การนำวัคซีนไปทดลองกับเซลล์ HEK-293T เพื่อยืนยันว่าวัคซีน mRNA สามารถเปลี่ยน mRNA เป็นโปรตีนหนามของโควิด-19 ได้จริง

นอกจากนี้ ยังมีการใช้เซลล์ HEK-293T เพื่อผลิตอนุภาคเทียม (Pseudovirus) ของไวรัสโควิด-19 เพื่อทดสอบระดับแอนติบดีในสัตว์ทดลองที่ได้รับวัคซีน mRNA อีกด้วย

อเลสซอนดรา สไปเดล นักวิทยาศาสตร์สาขาวัสดุชีวภาพ สถาบัน Karolinska Institute จากประเทศสวีเดน อธิบายกับนิตยสาร National Geographic ว่า จุดประสงค์ของการนำเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มาใช้ทดสอบวัคซีน mRNA คือรับประกันว่าวัคซีน mRNA สามารถนำมาใช้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้จริง

ศาสนากับวัคซีนที่พัฒนาจากเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์

ในมุมมองของศาสนาคริสต์ ทั้งจากสำนักวาติกัน ผู้นำคริสตจักรโรมันคาทอลิก และ Southern Baptist Convention องค์กรศาสนานิกายโปรเตสแตนต์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และเป็นองค์กรศาสนานิกายแบปทิสต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ต่างมองว่าการรับวัคซีนที่พัฒนาจากเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์เป็นสิ่งที่ยอมรับได้และไม่ผิดศีลธรรม เนื่องจากมองว่าไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

สหพันธ์สภาบิชอปคาทอลิกแห่งสหรัฐอเมริกา (USCCB) แนะนำให้เลือกวัคซีนที่มีความเชื่อมโยงกับเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์จากการทำแท้งให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่กระนั้นก็ยังมองว่า การรับวัคซีนโควิด-19 ถือเป็นภารกิจเพื่อการกุศลต่อเพื่อนมนุษย์ เป็นภารกิจที่สื่อถึงความรักต่อเพื่อนบ้านและเป็นความรับผิดชอบด้านศีลธรรมเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม

แม้แต่ สถาบัน Charlotte Lozier Institute องค์กรต่อต้านการทำแท้ง ก็มองว่าวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Pfizer/BioNTech และ Moderna ไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นโดยขัดต่อหลักจริยธรรม

หมอเคยฉีดวัคซีนที่ผลิตจากเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มานานแล้ว

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนปี 2022 ศาลสูงของสหรัฐฯ มีมติ 6 ต่อ 3 ไม่รับพิจารณาคำร้องให้มีการยับยั้งนโยบายบังคับบุคลากรทางการแพทย์ในนิวยอร์กฉีดวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากมองว่า ที่ผ่านมาเคยมีวัคซีนที่กำหนดให้บุคลากรทางการแพทย์ในนิวยอร์กต้องฉีดโดยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยเหตุผลทางศาสนา และก็เป็นวัคซีนที่ผ่านการพัฒนาด้วยการใช้เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มาแล้วเช่นกัน

ข้อมูลที่ทางการนิวยอร์กอ้างต่อศาลสูงของสหรัฐฯ ระบุว่า เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ชนิด HEK-293 ที่ใช้ในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Pfizer และ Moderna คือเซลล์ที่เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ และเป็นเซลล์ที่สืบทอดมาจากเซลล์ต้นกำเนิดมาแล้วหลายพันรุ่นตั้งแต่ปี 1973 การนำเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มาใช้ในการทดลองเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในวงการแพทย์ รวมถึงการพัฒนาวัคซีนโรคหัดเยอรมัน ซึ่งเป็นวัคซีนพื้นฐานที่กำหนดให้บุคลากรทางการแพทย์ในนิวยอร์กต้องฉีดทุกคนอยู่แล้ว

คุณูปการของเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์

การนำเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มาใช้เพื่อการวิจัยทางการแพทย์ เป็นประเด็นที่สร้างข้อโต้แย้งมานานนับทศวรรษ แต่กระนั้น เซลล์เพาะเลี้ยงเหล่านั้นคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานวิจัยด้านชีวการแพทย์ และมีบทบาทสำคัญในการค้นพบแนวทางการรักษาและการผลิตตัวยาชนิดใหม่ ๆ ออกมามากมาย รวมถึงยาสามัญประจำบ้านอย่าง พาราเซตามอล เช่นกัน

แนวทางการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อื่น ๆ ทั้งการใช้ Monoclonal antibodies หรือการผลิตยาต้านไวรัสอย่าง Remdesivir ต่างผ่านกระบวนการทดสอบกับเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มาแล้วทั้งสิ้น

อาเมช อดัลจา ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ จากศูนย์ Johns Hopkins Center for Health Security ชี้แจงต่อนิตยสาร National Geographic ว่า ผู้คนมักไม่รู้ถึงความจำเป็นของการใช้เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์เพื่อการพัฒนายาและวัคซีน ซึ่งล้วนเป็นยาที่ใช้อย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน การนำเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์มาใช้เพื่อพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ไม่ได้ทำให้วัคซีนโควิด-19 มีความแตกต่างจากยาหรือวัคซีนชนิดอื่น ๆ แต่อย่างใด

มีการประเมินในปี 2015 ว่า เฉพาะวัคซีนที่พัฒนาจากเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ชนิด WI-38 สามารถช่วยชีวิตผู้คนมาแล้วกว่า 10.3 ล้านราย และยังช่วยป้องกันและรักษาผู้คนจากการป่วยด้วยโรคร้ายกว่า 4.5 พันล้านครั้ง

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.factcheck.org/2022/07/scicheck-covid-19-vaccines-dont-contain-fetal-tissue/
https://www.nationalgeographic.com/science/article/here-are-the-facts-about-fetal-cell-lines-and-covid-19-vaccines
https://www.vatican.va/roman_curia/congregations/cfaith/documents/rc_con_cfaith_doc_20201221_nota-vaccini-anticovid_en.html
https://erlc.com/resource-library/articles/explainer-covid-19-raises-concern-about-abortive-fetal-cells-in-medicine/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

คปท.รวมตัวหน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงจุดยืนกรณีพิพาทพรมแดน

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ชูธงชาติไทย-ป้ายสัญลักษณ์ หน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงเจตจำนงปกป้องประเทศชาติ กรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ได้เดินทางมารวมตัวกันบริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ถนนประชาอุทิศ แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง เพื่อเคลื่อนไหวจากกรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ต่างประดับประดาด้วยธงชาติ และชูป้ายสัญลักษณ์ข้อความแสดงอุดมการณ์เจตนารมณ์ถึงการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังได้นำรถขยายเสียงมาพูดปราศรัยแสดงเจตจำนงที่จะปกป้องประเทศชาติในช่วงสถานการณ์พิพาทระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้มีเจ้าหน้าที่สถานทูตกัมพูชา เปิดกระจกออกมาเพื่อใช้มือถือถ่ายภาพการชุมนุมเป็นระยะๆ สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ทาง สน.วังทองหลาง และ บก.น.4 ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 หมวด ประมาณ 100 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ วางกำลังดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา พร้อมนำแผงรั้วเหล็กกั้นมาวางเป็นแนวยาว เพื่อไม่ให้ม็อบเข้าประชิดติดตัวกำแพงสถานเอกอัครราชทูต เนื่องจากอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่จะส่งผลต่อความมั่นคงระหว่าง 2 ประเทศ.-414-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ร่วมวงถก สมช. แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” เลื่อนวาระงาน เพื่อร่วมประชุม สมช. แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 10.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งเลื่อนการประชุมติดตามมาตรการป้องกันปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลเป็น 11.00 น. เพื่อมาร่วมประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. หารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสรุปมาตรการตอบโต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มารอต้อนรับ ซึ่งการร่วมประชุม กับ สมช. ในวันนี้นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าและเป็นการมาร่วมประชุมกับ สมช. เป็นครั้งแรก .-316 -สำนักข่าวไทย

โคราชพบเด็ก 5 ขวบ เสียชีวิตจากโควิด-19

นครราชสีมา 6 มิ.ย. – จ.นครราชสีมา พบเด็ก 5 ขวบ เสียชีวิตจากโควิด-19 เจ้าหน้าที่กู้ภัยฮุก 31 เผยตัวเลขเก็บศพโควิด เดือนนี้ 8 ราย ส่วนยอดติดเชื้อวันที่ 4 มิถุนายน 68 วันเดียวเพิ่ม 2 หมื่นคน นายชัยสิทธิ์ หัวหน้าอาสาสมัครมูลนิธิพุทธธรรมฮุก 31 โพสต์ภาพลงในโซเชียล ขณะอาสากู้ภัย “ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินพิเศษ COVID-19 มูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา หรือ ฮุก 31” กำลังช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 จากโรงพยาบาล ไปฌาปนกิจ พร้อมข้อความเตือน “ระวังกันนะครับ ให้ระวังกัน เพราะช่วงนี้ติดเชื้อกันเยอะ คนที่ไม่แข็งแรง มีโรคประจำตัว ไม่เกี่ยงอายุ วันนี้ มีตั้งแต่ไม่กี่ขวบ จนถึงสูงอายุ ทีมงานฮุก 31 บ้านหลังสุดท้าย ทุกๆ เขตรับผิดชอบ เริ่มมีภารกิจถี่ขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. […]

“ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “เตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารจากจุดปะทะ

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “พลเอกเตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารออกจากจุดปะทะ ออกไป 200 เมตร กลับไปอยู่จุดเดิม ฝากข้อเสนอนี้ให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา-สมเด็จฮุนเซน พิจารณา ย้ำไทยไม่ยอมรับศาลโลก ระบุไม่อยากให้เกิดสงคราม ยันเดินหน้าประชุมเจบีซี 14 มิถุนายนนี้ วอนเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังได้หารือร่วมกับ พลเอก เตีย เสฮา (Tea Seiha) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เมื่อวานนี้ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ว่า ได้มีการหารือกันว่าจะคลี่คลายกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในขณะนี้ โดยรัฐบาลไทยได้ยืนยันแล้ว ว่าไม่อยากเห็นสงคราม และไทยไม่ได้กังวลที่จะมีการสู้รบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการสูญเสีย ซึ่งไม่ต้องการเห็นตรงนั้น ดังนั้นความสัมพันธ์ที่มีอยู่จึงน่าจะพูดคุยกันได้ ดังนั้นได้มีการพูดคุยกันในภาพรวม โดยสรุปตนเองก็ได้ฝากไปว่า เมื่อคุยกันแล้วและเข้าใจจุดยืนของแต่ละฝ่ายแล้ว เราอยากให้เป็นการคุยจำกัดเฉพาะที่ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็เป็นสิทธิ์ของกัมพูชา พร้อมยืนยันว่าไทยไม่ได้เข้าศาลโลก เพราะตั้งแต่ปี 2503 มา จนกระทั่งปี 2567 นายเศรษฐา ทวีศิลป์ […]