ชัวร์ก่อนแชร์: เที่ยวบิน 93 ถูกสั่งยิงทิ้งในเหตุ 11 กันยาฯ จริงหรือ?

16 กันยายน 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

บทสรุป :

1. ซากเที่ยวบิน 93 ที่พบห่างจากจุดตกหลายกิโลเมตร เป็นชิ้นส่วนขนาดเบาที่ถูกลมพัดไปได้ไกล ส่วนซากขนาดใหญ่พบห่างจากจุดตกไม่กี่ร้อยเมตร
2. ดิ๊ก เชนีย์ ออกคำสั่งยิงเครื่องบินต้องสงสัยว่าถูกไฮแจ็ค แต่คำสั่งยังส่งไปไม่ถึงนักบินของกองทัพตอนที่เที่ยวบิน 93 ตก
3. เครื่องบินเจ็ตที่บินเหนือจุกตกของเที่ยวบิน 93 เป็นเครื่องบินเอกชนที่ถูกขอร้องให้มาสังเกตจุดตกของเที่ยวบิน 93

ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา ที่อ้างว่าเที่ยวบิน 93 ของสายการบิน United Airlines ที่ตกยังทุ่งในรัฐเพนซิลเวเนียในเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ไม่ได้เกิดจากวีรกรรมของผู้โดยสารที่ร่วมกันขัดขวางผู้ก่อการร้ายบนเครื่อง แต่ถูกเครื่องบินเจ็ตยิงตกตามคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่ไม่อนุญาตให้เครื่องบินพาณิชย์บินเหนือน่านฟ้าสหรัฐอเมริกา หลังได้รับรายงานว่าตึก World Trade Center ถูกผู้ก่อการร้ายนำเครื่องบินพุ่งชน

ทฤษฎีสมคบคิดอ้างถึงหลักฐานที่พบซากของเครื่องบินกระเด็นไปไกลจากจุดตกหลายกิโลเมตร ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นกับเครื่องบินที่บินตกโดยธรรมชาติ

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

เที่ยวบิน 93 ของสายการบิน United Airlines คือเที่ยวบินเพียงลำเดียวในในเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ที่ผู้ก่อการร้ายไม่สามารถนำไปพุ่งชนเป้าหมายได้สำเร็จ หลังพบซากเครื่องบินตกบริเวณทุ่งในรัฐเพนซิลเวเนีย

เมื่อวิเคราะห์จากเส้นทางการบินคาดว่าเป้าหมายของเที่ยวบิน 93 กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงวอชิงตันดีซี เป้าหมายคือสถานที่สำคัญของรัฐบาลสหรัฐบาลอเมริกา รวมถึงอาคารรัฐสภาสหรัฐอเมริกา

มีความพยายามกู้ซากผู้เสียชีวิตจากเที่ยวบิน 93 แต่มีชิ้นส่วนของผู้เสียชีวิตเพียง 8% เท่านั้นที่กู้มาได้ เนื่องจากความร้อนจากแรงระเบิดของเครื่องบินที่พุ่งชนพื้นโลกด้วยความเร็วกว่า 906 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือ 252 เมตรต่อวินาที ทำให้ซากของผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ถูกเผาผลาญกลายเป็นไอในทันที

ตำแหน่งซากของเครื่องบิน

ข้อมูลจากนิตยสาร Skeptic พบว่า ซากของเที่ยวบิน 93 ส่วนใหญ่ไม่ได้กระเด็นไปไกลจากจุดตกหลายกิโลเมตรอย่างที่กล่าวอ้าง เนื่องจากมีหลักฐานพบเครื่องยนต์ของเที่ยวบิน 93 ห่างจากจุดตกเพียง 300 หลาหรือ 275 เมตร เป็นระยะทางที่พบสอดคล้องกับทิศทางการตกของเที่ยวบิน 93

ส่วนรายงานที่พบซากเครื่องบินห่างจากจุดตกหลายกิโลเมตร ได้รับการยืนยันจากสำนักข่าว CNN ว่า ซากส่วนใหญ่ที่พบเป็นวัตถุน้ำหนักเบาที่ทำจากกระดาษและสายไฟ ซึ่งง่ายต่อการถูกกระแสลมพัดพาให้ลอยไปไกลจากจุดตกของเที่ยวบิน 93

คำสั่งยิงทิ้ง

ข้อมูลจากหนังสืออัตชีวประวัติของ ดิ๊ก เชนีย์ รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในสมัยเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ยืนยันว่าตนเองได้ออกคำสั่งยิงเครื่องบินพาณิชย์ทุกลำที่เชื่อว่าตกเป็นเหยื่อของผู้ก่อการร้าย

อย่างไรก็ดี ตามรายงานจากหน่วยงาน 9/11 Commission ซึ่งทำหน้าที่สอบสวนเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ยืนยันว่า จากความวุ่นวายและสับสนในวันดังกล่าว ทำให้คำสั่งของรองประธานาธิบดีไม่ได้ส่งผ่านไปยังนักบินประจำเครื่องบินรบของกองทัพแต่อย่างใด

เครื่องบินปริศนา

มีการอ้างว่า พบเครื่องบินเจ็ตสีขาวบินอยู่ใกล้กับจุดตกของเที่ยวบิน 93 จึงเชื่อว่าถูกสั่งมาให้ยิงเครื่องบินที่ถูกยึดโดยผู้ก่อการร้าย

อย่างไรก็ดี สำนักงานสอบสวนกลางของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาหรือ FBI ยืนยันว่า เครื่องบินเจ็ตสีขาวที่ถูกอ้างคือเครื่องบินของเอกชนรุ่น Dassault Falcon ซึ่งได้รับการร้องขอให้ลดระดับการบินลงมาที่ระดับ 1,500 ฟุต เพื่อตรวจสอบจุดตกของที่เที่ยวบิน 93 เท่านั้น

องค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกาหรือ FAA ก็ยืนยันว่า ไม่มีเครื่องบินของกองทัพบินไปใกล้กับเที่ยวบิน 93 เช่นเดียวกัน

การเปลี่ยนเครื่องบิน

ยังมีข้ออ้างว่าเที่ยวบิน 93 ถูกพาไปลงจอดที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ เพื่อเปลี่ยนเครื่องบินลำใหม่ แต่ได้รับการยืนยันในภายหลังว่าเป็นรายงานที่ผู้สื่อข่าวสับสนกับเที่ยวบินที่ 1989 ของสายการบิน Delta

เจ้าของภาพถ่ายถูกคุกคาม

วาเลนเซีย แมคแคลตชีย์ คือผู้เดียวที่สามารถบันทึกภาพควันไฟจากจุดที่เที่ยวบิน 93 ตกในรัฐเพนซิลเวเนียได้ แต่หลายปีที่ผ่านมา เธอต้องตกเป็นเป้าโจมตีโดยกลุ่มผู้เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดที่อ้างว่าภาพถ่ายของเธอเป็นของปลอม แต่การตรวจสอบภาพถ่ายและฟิล์มโดยหน่วยงานหลายแห่ง ทั้ง FBI และสถาบันสมิธโซเนียน ยืนยันว่าภาพถ่ายจุดจบของของเที่ยวบิน 93 เป็นของจริง

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.politifact.com/factchecks/2023/jul/19/instagram-posts/human-remains-aircraft-debris-recovered-from-911-c/
https://www.bbc.com/news/58469600
https://en.wikipedia.org/wiki/9/11_conspiracy_theories