พัทลุง 5 ส.ค.- “น้องเท็น” วัย 10 ขวบ ฟอร์มเยี่ยมลิ่วรอบ 8 คนสุดท้ายลุ้นเหรียญคาราเต้โด “พัทลุงเกมส์” พร้อมพาไปชมสเน่ห์กีฬา “ชักกะเย่อ” จากพื้นบ้านสู่สากล
พัทลุงเกมส์ วันมีชิงชัย 73 เหรียญทอง กีฬาคาราเต้โด ชิง 8 เหรียญทอง ที่หอประชุม ศาลากลางจังหวัดพัทลุง ประเภทท่ารำบุคคลชาย รุ่นอายุ 9 – 13 ปี รอบคัดเลือก “น้องเท็น” เด็กชายสดายุ วิจิตรนาวี เจ้าหนูวัย 10 ขวบ จากจังหวัดอุบลราชธานี ลูกชายของ ยุทธนา ศรีประพันธ์ และ กชกร วิจิตรนาวี อดีตนักกีฬาคาราเต้โด ทีมชาติไทย โชว์ลีลาท่ารำได้แข็งแรงสวยงาม ผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายไปลุ้นเหรียญในช่วงบ่ายวันนี้
“น้องเท็น” กล่าวตื่นเต้นดีใจ ที่ได้ลงแข่งขันกีฬาเยาวชนครั้งนี้ ชื่นชอบคาราเต้โดตามคุณพ่อคุณแม่ เพราะเล่นแล้วสนุก ได้ฝึกสมาธิ และทำให้ร่างกายแข็งแรง
ยุทธนา ศรีประพันธ์ อดีตนักกีฬาคาราเต้โด ทีมชาติไทย คุณพ่อของน้องเท็น กล่าวถึงประโยชน์ของการให้ลูกเล่นกีฬา นอกจากใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เว้นระยะจากการเล่นเกมส์แล้ว คาราเต้โด ยังฝึกสมาธิ และความรับผิดชอบให้น้องเท็นอีกด้วย
ส่วนประเภทท่ารำบุคคลหญิง รุ่นอายุ 9 – 13 ปี รอบคัดเลือก นันทณัฏฐ์ ชุ่มวงศ์ จากกรุงเทพมหานคร และแพรไพลิน ไตรเลิศ จากระยอง ก็โชว์ลีลาท่ารำได้ถูกต้องแข็งแรง สวยงาม ผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายเช่นกัน
สเน่ห์กีฬา “ชักกะเย่อ” จากพื้นบ้านสู่สากล
จากกีฬาพื้นบ้านที่คนทั่วไปรู้จักกัน ปัจจุบัน “ชักกะเย่อ” พัฒนาการแข่งขันเป็นระดับนานาชาติ มีกติกาที่แน่นอน มีการจัดแข่งขันชิงชนะเลิศของทวีปเอเชีย รวมถึงระดับโลก
ธณวรรษ อรชร อดีตนักกีฬาชักกะเย่อทีมชาติไทย ที่ทำหน้าที่เป็นโค้ชให้กับทีมหญิงนครปฐม และนำทีมคว้าเหรียญทองกีฬาเยาวชนแห่งชาติ “พัทลุงเกมส์” พูดถึงสเน่ห์ของกีฬาชักกะเย่อ คือความยุติธรรมและเท่าเทียม ดึงกับคู่แข่งที่เท่ากัน
“ชักกะเย่อสากล” เป็นกีฬาที่แบ่งตามน้ำหนัก จากน้ำหนักรวมของทีม เทคนิคต่างๆ มีตั้งแต่ดึงเชือกถอยหลัง โน้มตัว เอียงตัว โดยมีคนหลังสุดเป็นหัวใจของทีมในการคุมจังหวะ โค้ชจะคอยบอกเทคนิคในระหว่างแข่งขัน นอกจากนี้การทำความสะอาดพื้นแข่ง และพื้นร้องเท้าก็มีความสำคัญเช่นกัน
หทัยรัตน์ ไทรรารอด กัปตันทีมนครปฐม เจ้าของเหรียญทองทีมหญิง 4 คน น้ำหนักรวม 240 กก.กล่าวถึง การเลือกเล่นกีฬาชักกะเย่อ เพราะว่าเป็นกีฬาที่สร้างความสามัคคี สร้างความรับผิดชอบ และได้สุขภาพที่แข็งแรง
จริงๆแล้วชักกะเย่อ เป็นกีฬาที่เคย ถูกบบรรจุแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน มาแล้ว ตั้งแต่ปี 1990-1920 ก่อนจะถูกยกเลิกไป ซึ่งในอดีตการแข่งขันชักกะเย่อ มีเพียงการแบ่งข้าง ข้างละเท่าๆกัน ซึ่งผลแพ้ชนะไม่ได้มีความสำคัญ มากไปกว่าความสนุกสนานที่ได้รับ
สรุปเหรียญทอง ล่าสุด กทม. นำอันดับ 1 มี 67 เหรียญทอง 47 เหรียญเงิน 49 เหรียญทองแดง อันดับ 2 ชลบุรี 45 ทอง อันดับ 3 เชียงใหม่ 38 ทอง อันดับ 4 สมุทรสาคร 18 ทอง และอันดับ 5 ศรีสะเกษ 18 ทอง ส่วน พัทลุง เจ้าภาพ มี 9 ทอง อยู่อันดับ 11 (อัปเดต 11.10 น.) .-สำนักข่าวไทย