28 ก.พ. – จากสถานการณ์น่ากังวลเกี่ยวกับสงครามระหว่าง ยูเครนกับรัสเซีย ส่งผลกระทบถึงวงการกีฬาด้วย โดยเฉพาะวงการฟุตบอล ล่าสุดสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ประกาศจะไม่ลงแข่งขันกับทีมชาติรัสเซียทุกรายการ
สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ ประกาศจะไม่ลงแข่งขันกับทีมชาติรัสเซีย ไม่ว่าจะกรณีใด หรือ แมตช์การฟาดแข้งใดๆ ก็ตามในอนาคตอันใกล้นี้ จากกรณีที่รัสเซียได้โจมตีทางการทหารใส่ยูเครน ซึ่งเร็วๆ นี้ สองชาติอาจจะได้ลงสนามพบกันในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหญิง รอบสุดท้าย ซึ่งรัสเซียผ่านเข้ารอบมาด้วย และรายการนี้อังกฤษจะเป็นเจ้าภาพในเดือนมิถุนายน
นอกจากนั้นสถานการณ์การลงแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก ของทีมชาติรัสเซีย ก็ยังไม่แน่นอน หลังจากล่าสุดวันนี้สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ได้ลงโทษรัสเซีย ไม่ให้ใช้ธงชาติ และเพลงชาติลงแข่งขันในแมตช์ฟาดแข้งของทีมตัวเอง โดยต้องไปใช้ธงของสหภาพฟุตบอลรัสเซีย หรือ RFU แทน ส่วนเกมเตะรอบคัดเลือกโซนยุโรปกับ โปแลนด์ ในวันที่ 24 มีนาคม ที่เดิมทีมรัสเซียจะเป็นเจ้าภาพ ต้องไปหาสนามกลางแข่งขัน และต้องไม่มีผู้ชม แต่ก่อนหน้านี้โปแลนด์เอง ก็ปฏิเสธจะลงสนามเตะกับรัสเซียในเกมนี้อยู่แล้ว เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการที่รัสเซีย เข้าโจมตียูเครน
ส่วนการแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยของโลกกีฬาต่อการโจมตียูเครนนั้น ยังมีอย่างต่อเนื่อง สโมสรเชลซี ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มี โรมัน อับบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เป็นเจ้าของทีมมากว่า 20 ปี และเพิ่งจะส่งต่อการดูแล และการบริหารให้กับมูลนิธิของสโมสรเข้ามาดูแลแทนนั้น สโมสรเชลซี ได้ออกแถลงการณ์ว่า ยูเครนอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากลัว สโมสรเชลซี จะยืนเคียงข้างทุกคนในยูเครน ทุกคนในสโมสรกำลังภาวนาให้เกิดสันติสุขขึ้น
ในเกมบุนเดสลีกา เยอรมนี ที่สนามดอยเช แบงค์ ปาร์ก ของสโมสรไอน์แทรช แฟรงเฟิร์ต ก็มีการประท้วงปูตินอย่างตรงไปตรงมา ด้วยการขึ้นข้อความว่า “หยุดเถอะปูติน” เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับการโจมตียูเครน พร้อมมีการขึ้นสีของธงชาติยูเครนคือ เหลือง น้ำเงินภายในสนาม ก่อนเกมกับบาเยิร์น มิวนิก ด้วย
ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของสหพันธ์ยูโดนานาชาติ ก็ถูกสหพันธ์พักการทำหน้าที่ชั่วคราวเช่นกัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงความไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการที่รัสเซียโจมตียูเครน ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่า ประธานาธิบดีปูตินชื่นชอบกีฬายูโดมาก จนสหพันธ์ยูโดนานาชาติตั้งให้เป็นประธานกิตติมศักดิ์.-สำนักข่าวไทย