นายกฯ จัดงานเลี้ยงนักกีฬาเอเชียนเกมส์-เอเชียนพาราเกมส์

กทม. 7 พ.ย.-รัฐบาลไทย จัดงานเลี้ยงฉลองชัยความสำเร็จทัพนักกีฬาไทยชุดเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 และเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ณ เมืองหางโจว ประเทศจีน พร้อมมอบเงินรางวัลอัดฉีดจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) รวมทั้งสิ้น 353,925,000 บาท

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในงานเลี้ยงฉลองชัยมอบเงินรางวัล และแสดงความยินดีให้แก่ นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬา และคณะเจ้าหน้าที่ ชุดเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 และกีฬาเอเชี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ณ เมืองหางโจว ประเทศจีน โดยมี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี, นายณณัฐ หงส์ชูเวช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และ ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) เข้าร่วมงานด้วย


ภายในงานยังมี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย ร.ท.ณัยณพ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกเเห่งประเทศไทย, พล.ต.โอสถ ภาวิไล เลขาธิการคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย และประธานสหพันธ์กีฬาคนพิการแห่งอาเซียน พร้อมด้วยผู้บริหารของแต่ละสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย นำคณะนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และเจ้าหน้าที่เข้าร่วมรับรางวัล

ผลงานของทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 คว้ามาได้ 12 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน 32 เหรียญทองแดง จบอันดับ 8 ของตารางรวมเหรียญรางวัล ขณะที่ในกีฬาเอเชี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 คว้ามาได้ 27 เหรียญทอง 26 เหรียญเงิน 55 เหรียญทองแดง จบเป็นอันดับที่ 7 ของตารางรวมเหรียญรางวัล


เมื่อพิธีการเริ่มขึ้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชมวิดีทัศน์ภาพรวมเกี่ยวกับนักกีฬาไทยในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 และกีฬาเอเชี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ก่อนมอบเงินรางวัล และของที่ระลึกแก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสมาคมกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัล พร้อมกับมอบของที่ระลึกให้กับ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และร.ท.ณัยณพ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกเเห่งประเทศไทย จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีกับความสำเร็จของทัพนักกีฬาไทยจากการแข่งขันทั้ง 2 มหกรรมกีฬาระดับเอเชีย รวมทั้งแนวทางการพัฒนาวงการกีฬาไทยต่อไปในอนาคต

นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าวว่า ภารกิจของนายกรัฐมนตรีมีหลายอย่าง และภารกิจที่อยากมาด้วยความเต็มใจเป็นพิเศษคือ การกีฬา เพราะชอบเล่นกีฬา ให้เกียรติ มีความปรารถนาดีกับการกีฬามาตลอดตั้งแต่เป็นภาคเอกชนมาจนถึงรัฐบาล สำหรับผลงานของนักกีฬาไทยเอเชียนเกมส์ และเอเชียนพาราเกมส์ ถือว่าประสบความสำเร็จ บางกีฬาอาจผิดหวังบ้าง บางกีฬาทำได้เกินคาด รัฐบาลจึงได้จัดงานแสดงความยินดีชื่นชมเป็นขวัญกำลังใจให้กับนักกีฬาที่นำธงชาติไทยไปโบพสะบัดที่ประเทศจีน ซึ่งผลงานอันดับ 8 ในเอเชียนเกมส์ ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับประชากรไทย และสูงเกินความคาดหมาย

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลพร้อมหาแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนให้กับวงการกีฬาที่ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ซึ่งจะต้องพัฒนาเชิงพื้นฐานอีกมาก ปัจจัยที่ขาดไม่ได้คือแหล่งเงินทุน ความเอาใจใส่จากภาครัฐในการดูแลที่เหมาะสม และเสมอภาค รวมทั้งเรื่องผู้ฝึกสอน ยืนยันว่ารัฐบาลจะแหาแหล่งเงินทุนเป็นขวัญกำลังใจให้กับนักกีฬา และได้จัดทำโครงการ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจพลัส รวมทั้งแต้งตั้งที่ปรึกษาด้านกีฬา เพื่อพัฒนาวงการกีฬา โดยตั้งใจว่าเงินที่นักกีฬาจะได้รับจะสูงขึ้นแน่นอน เช่นเดียวกับนักฬาคนพิการที่จะยกระดับค่าตอบแทนให้สูงขึ้น ทั้งกลไกการจ้างงาน และสิทธิประโยชน์ด้านภาษี


“ขอบคุณภาคเอกชน และรัฐวิสาหกิจ ที่เข้ามาดูแลวงการกีฬา ครั้งนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีให้นักธุรกิจได้เข้ามาแข่งขันกันพัฒนานักกีฬาให้ประสบความสำเร็จในเวทีโลก ผมขอให้นักกีฬาทุกคนอย่างลดความพยายาม และมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไป” นายกรัฐมนตรี

สำหรับทัพนักกีฬาทีมชาติไทย และทัพนักกีฬาคนพิการไทยได้รับเงินรางวัลจากการแข่งขันรวมทั้งหมด 353,925,000 บาท ประกอบด้วย ผลงานในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 คว้ามาได้ 12 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน 32 เหรียญทองแดง โดยตามหลักเกณฑ์ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จะได้รับเงินรางวัล เหรียญทองละ 2 ล้านบาท, เหรียญเงินละ 1 ล้านบาท และเหรียญทองแดงละ 500,000 บาท สรุปเหรียญรางวัลของนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสมาคมกีฬา ได้รับเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 244,200,000 บาท แบ่งแยกตามแต่ละสมาคมกีฬา ดังนี้
1.สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 10,500,000 บาท
2.สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 18,000,000 บาท
3.สมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 8,250,000 บาท
4.สมาคมกีฬาคาราเต้แห่งประเทศไทย 1,500,000 บาท
5.สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 2,250,000 บาท
6.สมาคมกีฬาคูราชแห่งประเทศไทย 1,500,000 บาท
7.สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย 4,500,000 บาท
8.สมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย 86,800,000 บาท
9.สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย 7,500,000 บาท
10.สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 1,500,000 บาท
11.สมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย 3,750,000 บาท
12.สมาคมกีฬาบริดจ์แห่งประเทศไทย 4,500,000 บาท
13.สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 6,300,000 บาท
14.สมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย 7,500,000 บาท
15.สมาคมกีฬายิงเป้าบินแห่งประเทศไทย 2,250,000 บาท
16.สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย 3,750,000 บาท
17.สมาคมกีฬายูยิตสูแห่งประเทศไทย 1,500,000 บาท
18.สมาคมกีฬาเรือพายแห่งประเทศไทย 44,450,000 บาท
19.สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย 8,400,000 บาท
20.สมาคมกีฬาวินด์เซิร์ฟแห่งประเทศไทย 5,250,000 บาท
21.สมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย 1,500,000 บาท
22.สมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย 12,750,000 บาท
ขณะที่ทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ทำผลงานในกีฬาเอเชี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 คว้ามาได้ 27 เหรียญทอง 26 เหรียญเงิน 55 เหรียญทองแดง โดยตามหลักเกณฑ์ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จะได้รับเงินรางวัล เหรียญทองละ 1 ล้านบาท, เหรียญเงินละ 500,000 บาท และเหรียญทองแดงละ 250,000 บาท สรุปเหรียญรางวัลของนักกีฬาคนพิการ ผู้ฝึกสอน และสมาคมกีฬา ได้รับเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 109,725,000 บาท แบ่งแยกตามแต่ละสมาคมกีฬา ดังนี้
1.สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ 86,400,000 บาท
2.สมาคมกีฬาคนพิการทางสมองแห่งประเทศไทย 10,875,000 บาท
3.สมาคมกีฬาคนพิการทางปัญญาแห่งประเทศไทย 3,000,000 บาท
4.สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย 9,450,000 บาท

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]