เดินหน้าโรงพยาบาลวิจัยนวัตกรรมการแพทย์

กรุงเทพฯ 5 ต.ค. – สจล. เดินหน้า “โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร” เป็นโรงพยาบาลวิจัยนวัตกรรมการแพทย์ครบวงจรแห่งแรกของไทยและอาเซียน ตั้งเป้าเป็นศูนย์วิจัยเครื่องมือทางการแพทย์สร้างองค์ความรู้ด้านเครื่องมือแพทย์ เพื่อผู้สูงอายุ คนพิการ รองรับวิกฤตสุขภาพ-โรคระบาด


ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ในฐานะ ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร เปิดเผยว่า จากวิกฤตด้านสุขภาพของไทย สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาด้านสาธารณสุขในหลากมิติ ทั้งโอกาสการเข้าถึงการรักษาพยาบาล การขาดแคลนนวัตกรรมทางการแพทย์ประสิทธิภาพสูงของคนไทย โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ที่ผ่านมา สจล. ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรับมือวิกฤตดังกล่าวด้วยการพัฒนานวัตกรรม ภายใต้โครงการ “KMITL 60 FIGHT COVID-19” อาทิ ตู้ตรวจเชื้อ (Swab Test) แบบความดันลบ (Negative Pressure) แบบความดันบวก (Positive Pressure) และ ต้นแบบเครื่องช่วยหายใจ (KMITL Mini Emergency Ventilator) ส่งมอบให้กับหน่วยงานรัฐและโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงนวัตกรรมทางการแพทย์ได้อย่างเท่าเทียม รวมถึงสนับสนุนรัฐบาลลดการนำเข้าเทคโนโลยีมูลค่าสูง สจล. จึงเดินหน้าดำเนินโครงการจัดตั้ง “โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร” (KMC Hospital : King Mongkut Chaokhun Thahan Hospital) โรงพยาบาลวิจัยนวัตกรรมการแพทย์ครบวงจรครั้งแรกของประเทศไทยและอาเซียน

ด้านรองศาสตราจารย์ นายแพทย์ ประเสริฐ ตรีวิจิตรศิลป์ รองอธิการบดี ฝ่ายการแพทย์และเทคโนโลยีสุขภาพ เพิ่มเติมว่า “โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร” โรงพยาบาลวิจัยนวัตกรรมการแพทย์ครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทยและอาเซียน จะเป็นพื้นที่ที่มุ่งเน้นการพัฒนางานวิจัย ตั้งเป้าให้โรงพยาบาลเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการสร้างอุปกรณ์ทางการแพทย์ ลดการนำเข้าเทคโนโลยี/เครื่องมือแพทย์มูลค่ามหาศาล สร้างศูนย์รวมนวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และสร้างองค์ความรู้ด้านเครื่องมือแพทย์เพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน โรคระบาดด้วยการบูรณาการองค์ความรู้หลากหลายศาสตร์ ทั้งคณะแพทยศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะอุตสาหกรรมอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตร คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยนวัตกรรมการผลิตขั้นสูง และ วิทยาลัยนาโนเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง ภายใต้ความร่วมมือของนักวิจัยจากคณะต่างๆ ยกระดับสุขภาพคนไทยและมวลมนุษยชาติในอนาคต นอกจากนี้การออกแบบจะช่วยสร้างความผ่อนคลายแก่ผู้เข้ารับการรักษาในทุกมิติ ด้วยการผสมผสานพื้นที่สีเขียว และเลือกใช้พลังงานสีเขียว


ที่ผ่านมาโรงพยาบาลภาครัฐได้นำเข้านวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ จากต่างประเทศจำนวนมาก โดยคิดเป็นมูลค่านับหมื่นล้านบาทต่อปี ด้วย 2 ปัจจัยสำคัญ คือ 1. เทคโนโลยี/นวัตกรรมจากต่างประเทศ ผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิตเครื่องมือแพทย์แบบสากล และ 2. ขาดแคลนหน่วยงานเฉพาะทาง ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลและควบคุมมาตรฐาน การผลิตเครื่องมือแพทย์ ดังนั้นโรงพยาบาลดังกล่าวจะสามารถผสานองค์ความรู้ สู่การพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อร่วมขับเคลื่อนระบบสาธารณสุขของประเทศ พร้อมเปิดโอกาสให้นักวิจัยทุกหน่วยงาน ที่มีแนวคิดหรือต้นแบบนวัตกรรมทางการแพทย์ต้นแบบ มาร่วมทดสอบประสิทธิภาพและขอรับคำปรึกษา เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น

ด้าน ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อนันต์ ศรีเกียรติขจร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ กล่าวเสริมว่า ในระยะแรกของโรงพยาบาลนวัตกรรมทางการแพทย์ สจล. เตรียมพัฒนา “นวัตกรรมทางการแพทย์รับยุคดิจิทัล” (Digital Health Care) นวัตกรรมทางการแพทย์ความเสี่ยงต่ำ หนุนผู้ป่วยใช้งานจากที่บ้าน ได้รับการรักษาแพทย์ทางไกล (Telehealth) ในยุคดิจิทัล ภายใต้การขมวดรวมองค์ความรู้ทางการแพทย์ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม และอื่น ๆ ร่วมกับเทคโนโลยีเอไอ (AI) ไอโอที (IoT) ไอโอเอ็มที (IoMT: Internet of Medical Things) และระบบคลาวด์ (Cloud) ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์/นวัตกรรมทางการแพทย์ พร้อมแสดงผลแบบเรียลไทม์ ผ่านแอปพลิเคชันหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงนวัตกรรมประสิทธิภาพสูงจากที่บ้านได้อย่างเท่าเทียม โดยไม่เสี่ยงหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำและใช้ภายนอกร่างกาย ลดการสูญเสียเวลา/ค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ป่วยและครอบครัว อันนำไปสู่การลดความแออัดของผู้คนบริเวณโรงพยาบาล โดยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่เตรียมพัฒนาในอนาคต ภายใต้แนวคิด Telehealth ประกอบด้วย เอไอวินิจฉัยโรคปอด โปรแกรมวินิจฉัยโรคปอดจากภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์ (X-Ray) ได้แก่ ภาวะปอดรั่ว และภาวะปอดบวม พร้อมแสดงความเสี่ยงของการเกิดโรคในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ และ เครื่องฟอกอากาศในห้องทันตกรรม นวัตกรรมฟอกเชื้อโรคในอากาศจากละอองน้ำลายผู้ป่วย ที่อาจจะฟุ้งกระจายขณะกรอฟัน ลดโอกาสติดเชื้อสู่ทันตแพทย์ผู้รักษา และคืนอากาศบริสุทธิ์ภายในห้องทันตกรรม

อย่างไรก็ตาม ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วม #ให้เพื่อสร้าง เพื่อสมทบทุนงบผ่านมูลนิธิ โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร เข้าไปที่ www.ให้เพื่อสร้าง.com หรือโทรศัพท์ 092-454-8160 และ 092-548-2640 หรือไลน์ไอดี @KMITLHospital -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย