สปสช.ประชุมแก้ปัญหาเบิกจ่ายค่าบริการโควิด-19 ไม่ได้

กรุงเทพฯ 5 มี.ค. – สปสช.จัดประชุมหน่วยบริการใน กทม. 105 แห่ง ที่มีปัญหาการเบิกจ่ายค่าบริการโควิด-19 เพื่อเจรจาหารือและแนะวิธีแก้ปัญหาเบิกเงินไม่ได้ร่วมกัน เผยยังมีเงินค้างจ่ายเพราะส่งข้อมูลเบิกไม่ครบถ้วนอีกกว่า 153 ล้านบาท


พญ.กฤติยา ศรีประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สปสช.มีการจัดประชุมชี้แจงแนวทางดำเนินการกรณีข้อมูลบริการโรคโควิด-19 ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ สำหรับหน่วยบริการภาคเอกชนในกรุงเทพมหานคร โดยมีตัวแทนหน่วยบริการที่มีปัญหาในการเบิกจ่ายเงินชดเชยค่าบริการจาก สปสช. เนื่องจากข้อมูลที่ส่งเบิกไม่ครบถ้วน เข้าร่วมประชุมจำนวน 105 แห่ง

การประชุมครั้งนี้เป็นการทำความเข้าใจและแนะแนวทางแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายที่ชัดเจน ในการทำงานร่วมกันระหว่าง สปสช. และหน่วยบริการ อาจมีข้อติดขัดบ้าง โดย สปสช.พยายามปรับขั้นตอนวิธีการต่างๆ ในการเบิกจ่าย เพื่อตอบสนองต่อหน่วยบริการอยู่แล้ว แต่การดำเนินการทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน เพราะเงินที่ใช้ให้บริการเกี่ยวกับโควิด-19 นี้ มาจาก พ.ร.ก.เงินกู้ และมีข้อกำชับจากคณะรัฐมนตรีตลอด ให้ตรวจสอบความถูกต้อง กรณีข้อมูลการเบิกจ่ายส่วนใดที่ตรวจสอบเสร็จแล้ว สปสช.จะรีบจ่ายทันที ส่วนที่ยังไม่ผ่านกระบวนการก็ต้องรอการตรวจสอบให้เสร็จ


สำหรับสถานการณ์ส่งเบิกข้อมูลของหน่วยบริการ 105 แห่ง ตั้งแต่ปี 2563 – มกราคม 2565 มีข้อมูลที่ส่งเบิกทั้งหมดรวมเป็นเงิน 495,471,650 บาท สปสช.จ่ายชดเชยแล้ว 341,904,996 บาท และคงเหลือที่ยังจ่ายชดเชยอีก 153,566,655 บาท

ตามหลักเกณฑ์การจ่ายเงินที่วางไว้ เมื่อหน่วยบริการส่งข้อมูลการเบิกจ่ายเข้ามาในโปรแกรมที่ใช้สำหรับบันทึกข้อมูลการให้บริการของหน่วยบริการ ทั้งประเภทผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยใน (e-Claim) ของ สปสช. ระบบ IT จะทำการตรวจสอบตามเงื่อนไขที่วางไว้ โดยจะมีผลลัพธ์ 3 สถานะ คือ ติด C หรือไม่ผ่านการตรวจสอบ ผ่าน A คือ ผ่านการตรวจสอบ และ Warning ซึ่งข้อมูลที่ Warning จะถูกส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบซ้ำ หากตรวจสอบแล้วไม่ผ่านจะมีสถานะปฏิเสธ (Deny) ตรวจสอบผ่านก็จะออกสเตทเมนต์ วางฎีกาเพื่อขออนุมัติจ่ายเงิน อย่างไรก็ดี ในส่วนของบริการเกี่ยวกับโควิด-19 ได้มีขั้นตอนเพิ่มขึ้นมา คือ ก่อนออกสเตทเมนต์จะต้องตรวจสอบข้อมูลก่อนจ่ายเงินอีกครั้ง ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรียก Pre-audit ทำให้บางส่วนไม่ผ่านในขั้นตอนนี้ด้วยที่เรียกว่าติด VA (Verify Data Audit)

ในส่วนของข้อมูลคงเหลือที่ยังไม่ได้จ่ายชดเชยอีกจำนวน 153,566,655 บาทนั้น เป็นข้อมูลที่ติด C จำนวน 37,568,334 บาท ข้อมูลรอการตรวจสอบ (Verify) จำนวน 67,881,870 บาท เป็นข้อมูลติดรหัส VA ในส่วนของการให้บริการ Home Isolation / Community Isolation (HI/CI) จำนวน 34,715,590 บาท และข้อมูลติดรหัส VA ในส่วนของการคัดกรองโควิด จำนวน 13,400,861 บาท ส่วนข้อมูลการเบิกจ่ายที่มีสถานะถูกปฏิเสธ มีสัดส่วนน้อยมาก


หากแยกย่อยข้อมูลที่ไม่ผ่านการตรวจสอบแต่ละประเภท ในส่วนของข้อมูลที่ติด C มีทั้งหมด 18,608 ครั้ง แบ่งเป็นรหัส C 349 ครั้ง ที่ไม่มีการยืนยันตัวตนผู้รับบริการ จำนวนประมาณ 5,000 ครั้ง จาก 74 หน่วยบริการ ส่วนมากเป็นการคัดกรองด้วย ATK นอกจากนี้ยังมีการติด C ที่เกิดจากการบันทึกข้อมูลไม่ถูกต้องอีก 13,770 ครั้ง จาก 79 หน่วยบริการ ตัวอย่างเช่น การส่งข้อมูลเกินกำหนด การบันทึก Project code SCRCOV แต่ไม่มีรายการ Lab Screening การเลือกเงื่อนไขสิทธิประโยชน์ไม่ตรงตามสิทธิที่พึงเบิกได้ การเบิกค่าตรวจ Lab Covid แต่ไม่บันทึกผลการตรวจ รวมทั้งการไม่มีรหัสโรคหรือรหัสโครงการพิเศษกรณีการตรวจคัดกรองโควิด-19 เป็นต้น

ทั้งนี้ แนวทางแก้ไขการติด C349 แบบไม่พบข้อมูลการยืนยันตัวตนผู้รับบริการ (authentication) ในกรณีการตรวจคัดกรอง ให้ดำเนินการแก้ไขข้อมูล โดยส่งหลักฐานการให้บริการเพิ่ม เช่น ใบรายงานผล Lab ส่วนกรณีให้บริการ HI/CI ให้ดำเนินการแก้ไขข้อมูล โดยใช้หลักฐานการให้บริการ เช่น ใบบันทึกการติดตามอาการ เพื่อเบิกจ่ายต่อไป ส่วนแนวทางแก้ไขข้อมูลติด C อื่นๆ และ deny ที่เกิดจากการบันทึกข้อมูลผิดพลาด ให้หน่วยบริการตรวจสอบการบันทึกข้อมูลตามเงื่อนไขของแต่ละกรณี เช่น บันทึกรหัสโรค รหัสหัตถการ รหัสโครงการพิเศษ ไม่สอดคล้องกับการเบิก บันทึกค่าห้องไม่สัมพันธ์กับวันนอน เมื่อแก้ไขข้อมูลแล้ว ให้ส่งเบิกมาใหม่ในโปรแกรม e-Claim

ทั้งนี้ หากหน่วยบริการมีข้อสงสัยในการเบิกจ่าย หรือขอคำแนะนำในการแก้ติด C Deny และ Verify สามารถโทรสอบถามที่ 02-5540505 หรือไลน์ open chat กลุ่มที่ติด V ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ สปสช. ตอบข้อซักถามในทุกเรื่อง ไม่เฉพาะติด V เท่านั้น. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับบ้านพร้อมหน้า

อุบลราชธานี 8 ส.ค. – ฝนชะล้างความเศร้า ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับเข้าบ้านเรือนเกือบหมดแล้ว ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งในรอบกว่า 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่เกิดเหตุไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา .-สำนักข่าวไทย

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]