ถอดบทเรียนนั่งร้านโครงการหรูถล่ม

กรุงเทพฯ 18 ก.พ. – สภาวิศวกรวิเคราะห์เหตุนั่งร้านโครงการหรูย่านลุมพินีถล่ม พบใช้เทคโนโลยีระบบนั่งร้านแบบมาตรฐานสากล โอกาสพังถล่มน้อยมาก ยังไม่ทราบสาเหตุนั่งร้านพังได้อย่างไร เตรียมถอดบทเรียนป้องกัน


รองศาสตราจารย์ ดร.ปิยะบุตร วานิชพงษ์พันธุ์ นายกสภาวิศกร พร้อมคณะ ร่วมกันแถลงวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยเสี่ยงเหตุโครงสร้างค้ำยันรองรับแบบหล่อคอนกรีตพังถล่มภายในหน่วยงานก่อสร้างโครงการหรูย่านลุมพินี ที่เกิดเหตุทรุดตัวลงจนมีผู้เสียชีวิต 3 ราย

นายเอนก ศิริพานิชกร ประธานคณะทำงานประสานงานด้านภัยพิบัติจากอาคารถล่ม สภาวิศวกร ระบุว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง และสภาวิศวกร พบจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณชั้น 1 อยู่ระหว่างเทคอนกรีตลงไปที่ชั้น b1 โครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ มีการเทคอนกรีตเสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 500,000 ตารางเมตร เหลืออีกเพียง 50,000 ตารางเมตร ก็จะสิ้นสุดสัญญาก่อสร้างชั้นต้น โดยจุดเกิดเหตุมีนั่งร้านแยกส่วนกันชัดเจน ทำให้ไม่กระทบโครงสร้างอาคารหลัก


นอกจากนี้เบื้องต้นพบว่าบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างมีการออกแบบและติดตั้งนั่งร้านตามมาตรฐาน มีการใช้เทคโนโลยีระบบนั่งร้านค้ำยันลิ่มล็อก (Ring-Lock Scaffolding) ที่ช่วยยึดข้อต่อส่วนต่างๆ ของนั่งร้านได้อย่างมั่นคงปลอดภัย และถือเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ในวงการอุตสาหกรรมก่อสร้างในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังพบว่ามีวิศวกรคุมงานที่ถือใบอนุญาตฯ ถูกต้องตามพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. 2542

ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.ปิยะบุตร วานิชพงษ์พันธุ์ นายกสภาวิศวกร กล่าวว่า จากกรณีโครงสร้างค้ำยัน ซึ่งเป็นโครงสร้างชั่วคราวสำหรับรองรับแบบหล่อคอนกรีตภายในโครงการก่อสร้าง ถนนพระราม 4 พังถล่ม สภาวิศวกร ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลมาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่ของวิศวกรผู้ถือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ได้ดำเนินงานจัดอบรมวิชาการเพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์การทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง จึงร่วมมือกับกรมโยธาธิการและผังเมือง และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) จัดตั้งคณะทำงานร่วมวิเคราะห์สาเหตุความเสียหายโดยละเอียด เพื่อกำหนดแนวทางในการป้องกันเหตุล่วงหน้า ลดความเสี่ยงของการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำในอนาคต นอกจากนี้ยังมีแผนดำเนินการจัดอบรมให้คำแนะนำเพื่อเพิ่มความมั่นคงในการออกแบบและติดตั้งนั่งร้านภายในโครงการก่อสร้างเร็วๆ นี้

ด้านนายสินิทธิ์ บุญสิทธิ์ ผอ.สำนักควบคุมและตรวจสอบอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรฐานการติดตั้งนั่งร้านและค้ำยันที่ใช้รับน้ำหนักส่วนต่างๆ ของอาคาร สำหรับการก่อสร้างอาคารสูงตั้งแต่ 3 ชั้นขึ้นไป หรือที่มีความสูงของนั่งร้านและค้ำยันตั้งแต่ 4 เมตรขึ้นไป ผู้ดำเนินการต้องยื่นแผนผังบริเวณแบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน และรายการคำนวณของนั่งร้านและค้ำยัน ซึ่งออกแบบและคำนวณโดยผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตามกฎหมาย เพื่อเป็นหลักฐานก่อน จึงจะก่อสร้างนั่งร้านและค้ำยันดังกล่าวได้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง