เริ่มพรุ่งนี้ คลินิกชุมชนอบอุ่น ดูแลผู้ติดเชื้อที่บ้าน-ชุมชน

กทม. 11 ก.ค.-ผนึกกำลัง “คลินิกชุมชนอบอุ่น” ทั่ว กทม. ร่วมบริการรักษาที่บ้าน-ชุมชน ตามระบบ Home Isolation และ Community Isolation เริ่มทันทีพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) ดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวที่บ้าน พร้อมรองรับขยายการตรวจ Rapid Antigen Test

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดประชุมชี้แจงระบบบริการและการเบิกจ่ายในระบบการดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวที่บ้าน (Home Isolation : HI) คลินิกชุมชนอบอุ่น และศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. ผ่านระบบ Zoom Meeting เพื่อผนึกกำลังหน่วยบริการระดับปฐมภูมิร่วมดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑลที่ยังเข้าไม่ถึงระบบบริการ ผ่านระบบ HI โดยความร่วมมือ กรมการแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร


นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การดูแลผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้นให้เข้าถึงบริการ เราได้มีหารือและจัดกระบวนการ HI เพื่อรับมือ เป็นการเปลี่ยนหลักเกณฑ์บริการผู้ป่วยโควิดจากเดิมที่ผู้ติดเชื้อทุกคนต้องเข้าสู่โรงพยาบาล เป็นผู้ติดเชื้อที่อาการเล็กน้อย (สีเขียว) ให้อยู่บ้าน หากไม่ติดขัดที่อยู่หรือการแยกตัว และจะได้รับการดูแลจากทีมสุขภาพปฐมภูมิ ทั้งคลินิกชุมชนอบอุ่นและศูนย์บริการสาธารณสุข ส่วนต่างจังหวัดเป็นทีม 3 หมอ หากมีอาการแย่ลงระบบจะมีช่องทางด่วนเพื่อนำผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาล และจ่ายยารักษา ซึ่งจุดนี้เป็นการจัดการสำคัญที่จะทำให้ระบบ HI สำเร็จ รวมไปถึงการมีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวคอยประเมินอาการ ซึ่งจะทำให้จำนวนการรอเตียงลดลง ส่งผลให้มีเตียงว่างในโรงพยาบาล โดยวันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) หน่วยบริการบางส่วนจะเริ่มรับผู้ป่วยเข้าระบบ HI ได้

“ระบบ HI นี้ คงไม่ใช้การแก้ไขปัญหาโควิดทั้งหมดได้ แต่เป็นการจัดการเท่าที่ทีมสุขภาพปฐมภูมิจะช่วยได้ เบื้องต้นคงไม่เห็นผลทันที แต่ศักยภาพจะค่อยๆ ปรากฏ การรอเตียงเชื่อว่าจะชะลอลงในสัปดาห์หน้า” รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าว


นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า วันนี้ท่านเป็นกำลังสำคัญในการกู้ระบบสุขภาพของ กทม. ซึ่งข้อเสียของระบบ HI ที่ให้ผู้ติดเชื้อโควิดอยู่บ้าน มี 2 เรื่อง คือ 1.ความเสี่ยงอาการผู้ป่วยที่อยู่บ้านอาจแย่ลงเป็นสีแดงและเสียชีวิต และ 2. การแพร่กระจายเชื้อในชุมชน หากไม่กักตัวหรือแยกตัวได้จริง แต่ข้อเสียทั้ง 2 ข้อนี้แก้ไขได้หากช่วยกัน หากมีการจัดระบบที่ดี ทั้งเครื่องมีที่จำเป็น อาทิ ที่วัดไข้ เครื่องวัดค่าออกซิเจน และยารักษา รวมถึงอาหารครบ 3 มื้อ พร้อมมีระบบติดตามระหว่างผู้ป่วย คลินิกชุมชนอบอุ่น และศูนย์บริการสาธารณสุข

“ที่ผ่านมาโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ได้นำร่องทำระบบ HI วันนี้เรามีคนไข้ในระบบ 300 คนแล้ว ชัดเจนว่าช่วยลดผู้ติดเชื้อโควิดที่ต้องเข้าสู่โรงพยาบาลและได้ผลที่ดี ต้องขอบคุณคลินิกชุมชนอบอุ่นทุกแห่งที่มาวันนี้ เพื่อร่วมกันให้ผ่านสถานการณ์โควิดนี้ไปได้” อธิบกรมการแพทย์ กล่าว

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า สบส. เป็นหน่วยงานที่ดูแลการให้บริการของหน่วยบริการเอกชนทั้งโรงพยาบาลและคลินิก เพื่อให้ผู้ติดเชื้อโควิดได้รับการดูแลระบบ HI จึงได้ทำการปรับกฎหมายต่างๆ เพื่อรองรับ อาทิ การปลดล็อกหลังการตรวจพบเชื้อจากเดิมที่กำหนดให้ต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เป็นการเข้าสู่ระบบ HI แทนในกรณีที่เป็นผู้ป่วยสีเขียว, ในกรณีที่ผู้ป่วยเข้าสู่ระบบ HI กำหนดให้บ้านผู้ป่วยเป็นสถานพยาบาลชั่วคราว เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นให้ถือเป็นสถานพยาบาล, การกำหนดให้บริการ HI สามารถเบิกจ่ายได้ โดยให้ถือเป็น “UCEP COVID” นอกจากนี้โรงพยาบาลเอกชนและคลินิกชุมชนอบอุ่นที่ทำ HI มาแล้ว ให้เบิกจ่ายย้อนหลังได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้น


“ภาวะวิกฤตนี้ เราทุกคนต้องร่วมมือกัน ซึ่งการทำระบบ HI จะทำให้ประชาชนอุ่นใจและผ่านช่วงนี้ไปด้วยกัน” อธิบดี สบส. กล่าว

นพ.ชวินทร์ ศิรินาค รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดที่ทราบกันดีขณะนี้จำเป็นแล้วที่คลินิกชุมชนอบอุ่น 204 แห่ง และศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. 69 แห่ง ต้องมาช่วยกันให้ผ่านศึกนี้ไปได้ ที่ผ่านมากรณีการแพร่ระบาดของโรคโควิด บทบาทปฐมภูมิไม่ชัดเจน แต่ในวันนี้ระบบบริการปฐมภูมินี้ได้ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สุดสุด เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตปลอดภัย โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อโควิดที่เข้าไม่ถึงโรงพยาบาลและต้องรออยู่ที่บ้าน วันนี้จึงเป็นการมาร่วมเพื่อกอบกู้สถานการณ์ จึงขอให้ทุกคนมาช่วยกัน

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้เป็นการปรับกระบวนการทำงานในระบบปฐมภูมิร่วมกัน เพื่อช่วยให้ผู้ติดเชื้อโควิดเข้าถึงบริการและปลอดภัย โดยความร่วมมือของกระทรวงสาธารสุข กรุงเทพมหานคร และ สปสช. ทั้งการอนุมัติให้ใช้การตรวจหาเชื้อด้วยวิธี Rapid Antigen Test แทน RT-PCR ที่ปรับใช้เฉพาะตรวจในผู้ติดเชื้อที่มีอการ การจัดระบบดูแลผู้ติดเชื้อโควิดด้วยระบบ HI อย่างครบวงจร ล่าสุด สปสช. ได้ออกแนวทางปฏิบัติการขอรับค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุขฯ ปีงบประมาณ 2564 เพิ่มเติมเพื่อรองรับการเบิกจ่ายแล้ว โดยในวันนี้จึงเชิญผู้แทนคลินกชุมชนอบอุ่นและศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. มารับฟังการชี้แจงเพื่อความเข้าใจ ก่อนที่จะเริ่มรับผู้ติดเชื้อโควิดสู่ระบบ HI ที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.)

“การจัดระบบดูแลผู้ป่วยโควิดที่บ้านรวมถึงการดูแลในชุมชนถือเป็นความเร่งด่วนอย่างยิ่ง เพราะด้วยผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอย่างก้าวกระโดด ทั้งยังมีอาการรุนแรง ส่งผลให้มีผู้ป่วยรอเตียงและเสียชีวิตจำนวนมาก เฉพาะข้อมูลสายด่วน สปสช. 1330 เมื่อวันที่ 10 ก.ค. มีผู้ป่วยรอเตียงสะสม 2,468 รายแล้ว ระบบบริการ HI จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยผู้ป่วยได้ พร้อมรองรับการขยายตรวจ Rapid Antigen Test ที่จะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

คณะทูตออตตาวา ลงพื้นที่ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค.-รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ถึง จ.ศรีสะเกษ ลงพื้นที่สำรวจและตรวจการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บริเวณภูมะเขือ ใกล้ปราสาทพระวิหาร หวังให้ประชาคมโลกเข้าใจถึงปัญหา และช่วยกดดันให้กัมพูชาแสดงความจริงใจ เมื่อช่วงใกล้เที่ยงที่ผ่านมา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตจากประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ องค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวม 36 คน จาก 33 ประเทศ พร้อมสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ เข้าฟังการบรรยายสรุปภาพรวมจังหวัดชายแดน ณ โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีตัวแทนชาวบ้าน 5 คน ที่ได้รับผลกระทบมาร่วมให้การต้อนรับด้วย บริเวณด้านหน้าห้องประชุมได้ติดตั้งป้ายตัวอย่างความเสียหายบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย จากเหตุปะทะ โดยเสียหายหนักและเสียหายทั้งหลัง 36 หลังคาเรือน เสียหายบางส่วน 320 หลังคาเรือน พลเรือนเสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 18 ราย สถานที่ราชการ เสียหาย 14 แห่ง ตามกำหนดการเดิม 13.00 น.คณะทูตจะขึ้นไปยังภูมะเขือเพื่อสำรวจพื้นที่ทุ่นระเบิด […]

เก๋งแต่งซิ่ง เสียหลักพุ่งชนยับ 10 คันรวดบนทางด่วน

กทม. 16 ส.ค.-เก๋งแต่งซิ่งประลองความเร็ว เสียหลักพุ่งชนกันยับ 10 คันรวดบนทางด่วนมุ่งหน้าบางปะอิน เจ้าของรถบีเอ็ม เล่านาทีถูกชน เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันจำนวนหลายคัน บนทางด่วนช่วงทางขึ้นเมืองทองธานี มุ่งหน้าบางปะอิน โดยภาพจากกล้องหน้ารถยนต์คันหนึ่งบันทึกภาพเวลา 00.59 น.วันนี้ (16 ส.ค.68) รถเก๋งสีขาวจำนวน 3 คัน ขับตามกันมาด้วยความเร็วก่อนเกิดการชนกัน ทำให้รถเสียหลักหมุน ก่อนจะถูกรถเก๋งที่ขับตามมาพุ่งชนซ้ำอีกหลายคัน บางคันเกือบตกทางด่วน หลังตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุ จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษ เร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถเก๋งแต่งซิ่งประมาณ 10 คัน บางคันเป็นรถหรูราคาแพง ได้รับความเสียหายยับเยิน กีดขวางทั้ง 2 ช่องจราจร มีเศษชิ้นส่วนของรถยนต์ที่แตกและหลุดกระจายเต็มพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรปากเกร็ดและเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษได้ประสานรถยกเร่งเคลื่อนย้ายรถที่เสียหายออกพร้อมทำความสะอาดคราบน้ำมันและชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อเปิดการจราจรใช้เวลากว่า 3 ชม. จากการสอบถาม นายอชิตพล อายุ 29 ปี เจ้าของรถยนต์บีเอ็ม ที่ถูกชนกล่าวว่า ตนขับรถไปรับแฟนมาจากที่ทำงาน เพื่อจะเดินทางกลับบ้านย่านธรรมศาสตร์รังสิต ขณะที่ขับรถอยู่ในช่องทางขวา เห็นรถเก๋งสีขาวที่ขับตามมาด้วยความเร็ว ตนจะเปลี่ยนเลนหลบไปในช่องทางซ้าย แต่ก็ถูกรถเก๋งคันดังกล่าวพุ่งชนท้ายก่อนที่รถจะเสียหลักหมุน เป็นจังหวะเดียวกันกับรถอีกคันที่ขับตามกันมาด้วยความเร็วพุ่งชนซ้ำอีกครั้ง […]

‘ทรัมป์’ – ‘ปูติน’ หารือไร้ข้อสรุปเรื่องยุติสงครามในยูเครน

แองเคอเรจ, อะแลสกา 15 ส.ค. – การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอย ได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ เพื่อยุติหรือพักรบสงครามในยูเครน แม้ว่าผู้นำทั้งสองจะกล่าวว่าการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ก็ตาม หลังจากการประชุมยาวนานเกือบ 3 ชั่วโมง ในอะแลสกา ผู้นำทั้งสองได้ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยระบุว่ามีความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมใด ๆ และไม่เปิดโอกาสให้ตั้งคำถาม นายทรัมป์ซึ่งปกติเป็นคนช่างพูด กลับเพิกเฉยต่อคำถามที่นักข่าวตะโกนถาม นายทรัมป์กล่าวว่า มีความคืบหน้าบ้าง แต่จะยังไม่มีข้อตกลงใด ๆ จนกว่าจะมีการทำข้อตกลง ดูเหมือนว่าการพูดคุยครั้งนี้จะไม่ได้นำไปสู่การดำเนินการที่มีความหมายเพื่อหยุดยิงในความขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดในยุโรปในรอบ 80 ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นายทรัมป์ได้ตั้งไว้ก่อนการประชุม แต่เพียงแค่การได้นั่งพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ถือเป็นชัยชนะสำหรับนายปูตินแล้ว หลังจากเขาถูกผู้นำชาติตะวันตกกีดกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบในปี 2022 หลังการประชุมสุดยอด นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์นิวส์ ว่าเขาจะชะลอการกำหนดภาษีนำเข้ากับจีนสำหรับการซื้อน้ำมันรัสเซีย หลังจากที่การเจรจากับนายปูตินมีความคืบหน้า นายทรัมป์ยังเคยขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แต่จนถึงขณะนี้เขายังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แม้ว่านายปูตินจะเพิกเฉยต่อเส้นตายหยุดยิงที่นายทรัมป์กำหนดไว้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในการให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์ นิวส์ นายทรัมป์ยังได้เสนอแนะว่าจะมีการจัดการประชุมระหว่างนายปูตินและประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี […]

กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ

กทม. 16 ส.ค.-กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ สำรวจความเสียหายการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ลงพื้นที่จ.ศรีษะเกษ เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย โดยมีคณะทูตและผู้แทน จำนวน 36 คน แบ่งเป็น 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ เข้าร่วม ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางกระทรวการต่างประเทศได้บรรยายข้อมูลเบื้องต้นให้คณะได้รับทราบ โดยนายมาริษ กล่าวกับคณะทูต ว่า ขอบคุณที่ร่วมเดินทาง และหวังว่าทุกท่านจะได้รับข้อมูลด้วยตาตัวเองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินทางออกไปยัง จ.ศรีสะเกษ โดยจุดแรกจะนำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาเดินทางไปโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย จากนั้นจะนำคณะทูตและสื่อมวลชนขึ้นไปภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภูมิประเทศ เยี่ยมชมการเก็บกู้ทุนระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ สำรวจความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา.-316.-สำนักข่าวไทย