fbpx

เริ่มพรุ่งนี้ คลินิกชุมชนอบอุ่น ดูแลผู้ติดเชื้อที่บ้าน-ชุมชน

กทม. 11 ก.ค.-ผนึกกำลัง “คลินิกชุมชนอบอุ่น” ทั่ว กทม. ร่วมบริการรักษาที่บ้าน-ชุมชน ตามระบบ Home Isolation และ Community Isolation เริ่มทันทีพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) ดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวที่บ้าน พร้อมรองรับขยายการตรวจ Rapid Antigen Test

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดประชุมชี้แจงระบบบริการและการเบิกจ่ายในระบบการดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวที่บ้าน (Home Isolation : HI) คลินิกชุมชนอบอุ่น และศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. ผ่านระบบ Zoom Meeting เพื่อผนึกกำลังหน่วยบริการระดับปฐมภูมิร่วมดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑลที่ยังเข้าไม่ถึงระบบบริการ ผ่านระบบ HI โดยความร่วมมือ กรมการแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร


นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การดูแลผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้นให้เข้าถึงบริการ เราได้มีหารือและจัดกระบวนการ HI เพื่อรับมือ เป็นการเปลี่ยนหลักเกณฑ์บริการผู้ป่วยโควิดจากเดิมที่ผู้ติดเชื้อทุกคนต้องเข้าสู่โรงพยาบาล เป็นผู้ติดเชื้อที่อาการเล็กน้อย (สีเขียว) ให้อยู่บ้าน หากไม่ติดขัดที่อยู่หรือการแยกตัว และจะได้รับการดูแลจากทีมสุขภาพปฐมภูมิ ทั้งคลินิกชุมชนอบอุ่นและศูนย์บริการสาธารณสุข ส่วนต่างจังหวัดเป็นทีม 3 หมอ หากมีอาการแย่ลงระบบจะมีช่องทางด่วนเพื่อนำผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาล และจ่ายยารักษา ซึ่งจุดนี้เป็นการจัดการสำคัญที่จะทำให้ระบบ HI สำเร็จ รวมไปถึงการมีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวคอยประเมินอาการ ซึ่งจะทำให้จำนวนการรอเตียงลดลง ส่งผลให้มีเตียงว่างในโรงพยาบาล โดยวันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) หน่วยบริการบางส่วนจะเริ่มรับผู้ป่วยเข้าระบบ HI ได้

“ระบบ HI นี้ คงไม่ใช้การแก้ไขปัญหาโควิดทั้งหมดได้ แต่เป็นการจัดการเท่าที่ทีมสุขภาพปฐมภูมิจะช่วยได้ เบื้องต้นคงไม่เห็นผลทันที แต่ศักยภาพจะค่อยๆ ปรากฏ การรอเตียงเชื่อว่าจะชะลอลงในสัปดาห์หน้า” รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าว


นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า วันนี้ท่านเป็นกำลังสำคัญในการกู้ระบบสุขภาพของ กทม. ซึ่งข้อเสียของระบบ HI ที่ให้ผู้ติดเชื้อโควิดอยู่บ้าน มี 2 เรื่อง คือ 1.ความเสี่ยงอาการผู้ป่วยที่อยู่บ้านอาจแย่ลงเป็นสีแดงและเสียชีวิต และ 2. การแพร่กระจายเชื้อในชุมชน หากไม่กักตัวหรือแยกตัวได้จริง แต่ข้อเสียทั้ง 2 ข้อนี้แก้ไขได้หากช่วยกัน หากมีการจัดระบบที่ดี ทั้งเครื่องมีที่จำเป็น อาทิ ที่วัดไข้ เครื่องวัดค่าออกซิเจน และยารักษา รวมถึงอาหารครบ 3 มื้อ พร้อมมีระบบติดตามระหว่างผู้ป่วย คลินิกชุมชนอบอุ่น และศูนย์บริการสาธารณสุข

“ที่ผ่านมาโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ได้นำร่องทำระบบ HI วันนี้เรามีคนไข้ในระบบ 300 คนแล้ว ชัดเจนว่าช่วยลดผู้ติดเชื้อโควิดที่ต้องเข้าสู่โรงพยาบาลและได้ผลที่ดี ต้องขอบคุณคลินิกชุมชนอบอุ่นทุกแห่งที่มาวันนี้ เพื่อร่วมกันให้ผ่านสถานการณ์โควิดนี้ไปได้” อธิบกรมการแพทย์ กล่าว

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า สบส. เป็นหน่วยงานที่ดูแลการให้บริการของหน่วยบริการเอกชนทั้งโรงพยาบาลและคลินิก เพื่อให้ผู้ติดเชื้อโควิดได้รับการดูแลระบบ HI จึงได้ทำการปรับกฎหมายต่างๆ เพื่อรองรับ อาทิ การปลดล็อกหลังการตรวจพบเชื้อจากเดิมที่กำหนดให้ต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เป็นการเข้าสู่ระบบ HI แทนในกรณีที่เป็นผู้ป่วยสีเขียว, ในกรณีที่ผู้ป่วยเข้าสู่ระบบ HI กำหนดให้บ้านผู้ป่วยเป็นสถานพยาบาลชั่วคราว เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นให้ถือเป็นสถานพยาบาล, การกำหนดให้บริการ HI สามารถเบิกจ่ายได้ โดยให้ถือเป็น “UCEP COVID” นอกจากนี้โรงพยาบาลเอกชนและคลินิกชุมชนอบอุ่นที่ทำ HI มาแล้ว ให้เบิกจ่ายย้อนหลังได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้น


“ภาวะวิกฤตนี้ เราทุกคนต้องร่วมมือกัน ซึ่งการทำระบบ HI จะทำให้ประชาชนอุ่นใจและผ่านช่วงนี้ไปด้วยกัน” อธิบดี สบส. กล่าว

นพ.ชวินทร์ ศิรินาค รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดที่ทราบกันดีขณะนี้จำเป็นแล้วที่คลินิกชุมชนอบอุ่น 204 แห่ง และศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. 69 แห่ง ต้องมาช่วยกันให้ผ่านศึกนี้ไปได้ ที่ผ่านมากรณีการแพร่ระบาดของโรคโควิด บทบาทปฐมภูมิไม่ชัดเจน แต่ในวันนี้ระบบบริการปฐมภูมินี้ได้ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สุดสุด เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตปลอดภัย โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อโควิดที่เข้าไม่ถึงโรงพยาบาลและต้องรออยู่ที่บ้าน วันนี้จึงเป็นการมาร่วมเพื่อกอบกู้สถานการณ์ จึงขอให้ทุกคนมาช่วยกัน

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้เป็นการปรับกระบวนการทำงานในระบบปฐมภูมิร่วมกัน เพื่อช่วยให้ผู้ติดเชื้อโควิดเข้าถึงบริการและปลอดภัย โดยความร่วมมือของกระทรวงสาธารสุข กรุงเทพมหานคร และ สปสช. ทั้งการอนุมัติให้ใช้การตรวจหาเชื้อด้วยวิธี Rapid Antigen Test แทน RT-PCR ที่ปรับใช้เฉพาะตรวจในผู้ติดเชื้อที่มีอการ การจัดระบบดูแลผู้ติดเชื้อโควิดด้วยระบบ HI อย่างครบวงจร ล่าสุด สปสช. ได้ออกแนวทางปฏิบัติการขอรับค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุขฯ ปีงบประมาณ 2564 เพิ่มเติมเพื่อรองรับการเบิกจ่ายแล้ว โดยในวันนี้จึงเชิญผู้แทนคลินกชุมชนอบอุ่นและศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. มารับฟังการชี้แจงเพื่อความเข้าใจ ก่อนที่จะเริ่มรับผู้ติดเชื้อโควิดสู่ระบบ HI ที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.)

“การจัดระบบดูแลผู้ป่วยโควิดที่บ้านรวมถึงการดูแลในชุมชนถือเป็นความเร่งด่วนอย่างยิ่ง เพราะด้วยผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอย่างก้าวกระโดด ทั้งยังมีอาการรุนแรง ส่งผลให้มีผู้ป่วยรอเตียงและเสียชีวิตจำนวนมาก เฉพาะข้อมูลสายด่วน สปสช. 1330 เมื่อวันที่ 10 ก.ค. มีผู้ป่วยรอเตียงสะสม 2,468 รายแล้ว ระบบบริการ HI จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยผู้ป่วยได้ พร้อมรองรับการขยายตรวจ Rapid Antigen Test ที่จะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มหาวิทยาลัยแจงเหตุ นศ.สาวปี 3 แทงแฟน นศ.ปี 1 สาหัส

มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนักศึกษาหญิงทำร้ายนักศึกษาชาย ในหอพักจนบาดเจ็บสาหัส ด้านตำรวจยืนยันนักศึกษาหญิงที่ก่อเหตุมอบตัวแล้ว ยอมรับเป็นแฟนและทะเลาะกัน

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

ข่าวแนะนำ

รวบ 2 ใน 4 อุ้มฆ่าหนุ่มไทใหญ่ทิ้งป่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

รวบแล้ว 2 ใน 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “จ๋อมวัน” หนุ่มไทใหญ่ ก่อนนำศพไปทิ้งในป่าที่ จ.เชียงใหม่ ปมสังหารอ้างไม่พอใจถูกแซวเรื่องหญิงคนสนิท

ดวงอาทิตย์ตั้งฉาก กทม.ครั้งแรกของปี

วันนี้เป็นครั้งแรกของปีที่ดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับพื้นที่ กทม. ส่งผลให้ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านใกล้จุดเหนือศีรษะ หรือตั้งฉากกับพื้นที่บริเวณต่างๆ ของไทย 2 ครั้งต่อปี คือช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. และเดือน ก.ค.-ก.ย.

“บิ๊กต่าย” ยันทำตามหน้าที่ ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง “บิ๊กโจ๊ก”

“บิ๊กต่าย” แถลงข่าวการจับยาเสพติด ยันไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง “บิ๊กโจ๊ก” ย้ำทำตามหน้าที่รักษาการฯ ไม่มีเวลาเอาสมองไปคิดเรื่องปลดป้ายชื่อ

ระทึกถังสารแอมโมเนียโรงน้ำแข็งระเบิดอีก

วิ่งหนีอลหม่าน! ถังสารแอมโมเนียโรงน้ำแข็งระเบิด ย่านตลาดสดเทศบาลนางัว อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี คาดสาเหตุจากอากาศร้อนจัด