fbpx

คนพิการเหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ

กรุงเทพฯ 12พ.ย.-เปิดตัวหนังสือตีแผ่ประสบการณ์คนพิการเหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ คลี่ปมสาเหตุใหญ่เกิดจากคนใกล้ตัว ครอบครัว พบแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยกระตุ้นผู้ก่อเหตไร้สติควบคุมตัวเองไม่ได้


การเปิดตัวหนังสือ “บาดแผลของดอกไม้” โดยน.ส.วิจิตา รชตะนันทิกุล รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า สถานการณ์การล่วงละเมิดทางเพศในคนพิการยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง พม.มี พ.ร.บ.คุ้มครองคนพิการ แต่ในภาพรวมการปฏิบัติยังคงมุ่งเน้นไปเรื่องสิทธิของคนพิการ เช่น ความเสมอภาคในการทำงาน แต่ในส่วนผู้พิการที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศยังคงได้รับการดูแลที่ยังไม่ทั่วถึงทั้งหมด ซึ่งจากการทำงานร่วมกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พบว่าการมีชุมชนและผู้นำที่เข้มแข็งจะช่วยลดปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในคนพิการได้ สำหรับบทบาทของกรมฯเน้นเรื่องการป้องกันและเฝ้าระวัง สร้างชุมชนปลอดภัยเพื่อนำไปสู่ต้นแบบที่มีผู้นำชุมชนที่เข้มแข็ง มีการบำบัดและฟื้นฟู รวมทั้งติดตามการดำเนินงาน ซึ่งจะพยายามสร้างพื้นที่ปลอดภัยในชุมชนให้มากขึ้น เพราะเชื่อว่าชุมชนที่เข้มแข็ง คนในพื้นที่จะมีความปลอดภัยมากขึ้นเช่นกัน

นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า หนังสือบาดแผลของดอกไม้ เป็นงานเขียนและการสำรวจข้อมูลกลุ่มผู้หญิงพิการถูกข่มขืน 15 ราย พบว่าส่วนใหญ่เป็นคนพิการทางสติปัญญา บางรายพิการซ้ำซ้อน โดยผู้กระทำเป็นญาติ คนข้างบ้าน สอดคล้องกับการเก็บข้อมูลจากข่าวหนังสือพิมพ์ และการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาของมูลนิธิฯ มีผู้หญิงพิการถูกข่มขืนเฉลี่ย 3-4 คน/ปี โดยมีความพิการทางสมอง ออทิสติก สติปัญญาบกพร่องอายุตั้งแต่ 14-16 ปี สะท้อนว่าเด็กหญิงพิการ อายุต่ำกว่า 18 ปี มีแนวโน้มถูกล่วงละเมิดทางเพศและข่มขืนมากขึ้น ส่วนผู้ก่อเหตุ พบเป็นคนใกล้ตัว เช่น พ่อเลี้ยง พี่ชาย เพื่อนบ้าน สำหรับปัจจัยกระตุ้น พบว่าเมื่อมีความต้องการทางเพศ มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ใช้ยาเสพติด และเมื่อเห็นเหยื่อมีข้อจำกัดในการปกป้องตนเอง ประกอบกับผู้หญิงมีความพิการ ไม่สามารถสื่อสารได้ เช่น หูหนวก ตาบอด และมีความกลัวจากการข่มขู่ทำให้แนวโน้มในการถูกล่วงละเมิดทางเพศเพิ่มขึ้น


“ปัญหานี้เกิดจากรากคิดในระบบชายเป็นใหญ่ ซึ่งในการต่อสู้ของผู้หญิงพิการมีข้อจำกัดมากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะการสื่อสาร เช่น บางรายพิการซ้ำซ้อน หูหนวก ตาบอด ต้องมีล่ามช่วยสื่อสารต้องใช้ระยะเวลานาน ทำให้ไม่มีหลักฐานมากพอ นอกจากนี้ยังมีเรื่องความยากจน ไม่มีเงินสู้คดี นำไปสู่การไกล่เกลี่ยหรือนิ่งเงียบมากขึ้น อีกทั้งกระบวนการยุติธรรมยังเป็นอุปสรรคในการต่อสู้ เช่นตำรวจไม่กระตือรือร้นช่วยเหลือ และดูเหมือนมีความใกล้ชิดกับผู้กระทำ ทำให้คดีอ่อนลงและมีบางคดีที่มูลนิธิให้ความช่วยเหลือ เช่นคดีที่พิษณุโลกซึ่งน้องคนพิการถูกกระทำ แต่กลับถูกถ่วงจนใกล้จะหมดอายุความซึ่งมูนิธิเตรียมนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร็วๆนี้ ”ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าว

นายจะเด็จ กล่าวด้วยว่า คนที่สามารถช่วยเหลือผู้หญิงพิการที่ถูกข่มขืน ให้สามารถต่อสู้ได้ คือคนใกล้ตัว เช่น พ่อ แม่ ญาติใกล้ชิด ส่วนกลไกรัฐต้องตระหนัก ทำงานเชิงรุกในพื้นที่ เช่น อปท. อสม.ต้องสื่อสารและสร้างความเข้าใจกับครอบครัวและสังคม ว่าคนพิการมีแนวโน้มถูกล่วงละเมิดทางเพศมากขึ้น จึงต้องดูแลช่วยเหลือเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มูลนิธิฯหวังว่า หนังสือบาดแผลของดอกไม้จะเป็นหนังสือที่จุดประกายให้คนในสังคมเกิดความสนใจในประเด็นการล่วงละเมิดทางเพศของผู้หญิงพิการมากขึ้น เพื่อนำมาสู่การช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

น.ส.อรสม สุทธิสาคร ศิลปินศิลปาธร สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2552 ผู้เขียนหนังสือ “บาดแผลของดอกไม้” กล่าวว่า จากการได้พูดคุยกับเคสที่มีคนในครอบครัวเป็นคนพิการถูกล่วงละเมิดทางเพศทั้ง 15เคส ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวผ่านหนังสือเล่มนี้ พบว่า ครอบครัวได้รับผลกระทบอย่างมาก ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งบางเคสผู้ถูกกระทำไม่สามารถสื่อสารใดๆได้ เช่น หูหนวก ตาบอด เป็นใบ้ คนเหล่านี้เขาไม่สามารถสื่อสารหรือเรียกร้องใดๆ ให้กับตนเองได้ ขณะเดียวกันคนในครอบครัวก็จะได้รับความทุกข์ไปด้วยและสร้างความหวาดกลัว จนมีผลกระทบต่อการทำงานและความเป็นอยู่ ซึ่งอยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจัง มีความเข้าใจ เป็นที่พึ่งคนเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรมไม่ใช่แค่การเยียวยาด้วยเงิน และในส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ควรจะแจงสิทธิที่ผู้ถูกกระทำพึงได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ


ด้านลุงเอ (นามสมมติ) คุณพ่อนักสู้ที่ทวงคืนความยุติธรรมให้ลูก กล่าวว่า ลูกสาวตนถูกเพื่อนร่วมงานของตนเองล่วงละเมิดทางเพศ ในตอนนั้นไม่รู้จะทำอย่างไร เราไม่รู้เรื่องกฎหมาย ตอนที่พาลูกสาวไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำและให้เบอร์โทรศัพท์มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลมาเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องการดำเนินคดี ซึ่งมูลนิธิฯได้ช่วยเหลือ และแนะนำเป็นอย่างดี กว่าที่เราจะผ่านจุดนั้นมาได้มันยากมาก ในที่สุดคู่กรณีถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยศาลสั่งจำคุกไปแล้ว ปัจจุบันคู่กรณีได้พ้นโทษและกลับมาใช้ชีวิตแถวชุมชน หลายครั้งที่ต้องเจอหน้ากัน คู่กรณีก็พยายามที่จะไม่เผชิญหน้าและลุงได้ส่งลูกสาวไปอยู่กับแม่ที่ต่างจังหวัดเพราะคิดว่าน่าจะมีความปลอดภัย มีคนดูแลอย่างใกล้ชิดดีกว่า

“สิ่งที่อยากจะฝากไปยังครอบครัวที่มีลูกสาวที่พิการ เราต้องดูแลอย่าให้คลาดสายตา เพราะเขาไม่รับรู้หรือรู้เรื่องกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาและอย่าคิดว่าลูกเราพิการแล้วคงไม่มีใครทำอะไรหรอก คุณคิดผิดถนัดเพราะในความเป็นจริงมันเลวร้ายกว่าที่คิด เราต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกเราปลอดภัย ไม่สุ่มเสี่ยงหรือเกิดช่องว่างให้ผู้ก่อเหตุ”ลุงเอ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ไฟไหม้โกดังพระราม 2 เหตุร้อนจัด สารเคมีติดไฟเอง

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสาเหตุไฟไหม้โกดังย่านพระราม 2 มาจากอากาศร้อนจัด ทำให้สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ติดไฟเอง เตือนสถานประกอบการให้แยกสารเคมีที่ติดไฟเองได้หรือสามารถทำปฏิกิริยาออกจากกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำ เพราะอากาศยังคงร้อนจัดต่อเนื่อง

ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย ปรับลดดอกเบี้ย MRR

นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME