สธ.แถลงล่ามแรงงานเสียชีวิตจากโควิดรายที่ 59

สธ.18ก.ย.-อธิบดีกรมการแพทย์ แถลงรายละเอียดชายล่ามซาอุฯ เสียชีวิตคลุมเครือโควิดเหตุตรวจไม่เจอเชื้อ 2 ครั้ง แต่ระบาดวิทยานับว่าตายโควิด เพราะปอดอักเสบเสียหนัก ย้ายมาไทยไม่ได้ยาโควิด แต่ทรุด ปอดติดเชื้อแบคมีเรียดื้อยา ถือเป็นผู้เสียชีวิตโควิด รายที่ 59


นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค และ นพ.พจน์ อินทลาภาพร อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของล่ามซาอุดีอาระเบียติดเชื้อโควิด-19 ว่า ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคนนี้ อายุ 54 ปี เสียชีวิตที่โรงพยาบาลราชวิถี โดยมีอาชีพล่ามที่ทำงานที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย ทำงานอยู่ต่างประเทศมาเป็น 10ปี เริ่มป่วยตั้งแต่กรกฎาคม ตรวจเจอเชื้อโควิด วันที่ 21 กรกฎาคม แต่ยังไม่ได้นอนโรงพยาบาล นอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน 26 กรกฎาคม อาการมากขึ้นไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลคิงค์ ฟาฮัด ห่างจากการตรวจเจอเชื้อครั้งแรก หลายวันอยู่ และต่อมาย้ายไปรักษาห้องไอซียู และใส่ท่อช่วยหายใจ และ ต้องปั๊มหัวใจร่วมด้วย

นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ผลการตรวจหาเชื้อรวม 4 ครั้งที่ซาอุดีอาระเบียในวันที่ 21 กรกฎาคม, 5 สิงหาคมผลเป็นบวก ส่วนในวันที่ 25 สิงหาคม ,30 สิงหาคม ผลการตรวจเชื้อเป็นลบไม่พบเชื้อโควิดแล้ว แต่ทางญาติต้องการให้ผู้ป่วยเดินทางกลับไทย จึงประสานให้เดินทางด้วยเครื่องบินพยาบาลเดินทางเมื่อวันที่ 1 กันยายน ถึงไทยเวลา 01.30 น.ของวันที่ 2 กันยายน และเมื่อวันที่ 3 กันยายน อาการแย่ลงต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ทำการเพาะเชื้อแบคทีเรีย พบปอดอักเสบรุนแรง และมีการติดเชื้อ ต้องให้ยาฆ่าเชื้อทางหลอดเลือดดำ เพราะเกิดเชื้อดื้อยา โดยนอนรักษาตัวมา ตั้งแต่ 3-18 กันยายน


นพ.พจน์ กล่าวว่า เมื่อรักษาตัวที่โรงพยาบาลในวันที่ 2 กันยายน พบมีอาการปอดอักเสบ แม้ว่าอาการจะดีขึ้นตามลำดับจากการติดเชื้อโควิด แต่ผลพวงจากโควิด ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของปอดไม่เต็มที่ ปอดด้านขวามีเงาทึบ เพราะตามปกติของโรคโควิดแม้หายแล้ว แต่ปอดจะเกิดพังผืด ทำให้หายใจลำบาก ประกอบกับปอดมีการอักเสบและดื้อยา ทำให้การหายใจลำบาก รักษาไม่ถึง 10 ชั่วโมง ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และพบว่า มีการแทรกซ้อนของเชื้อแบคทีเรียดื้อยา ส่วนหัวใจก่อนเดินทางเข้าไทย หัวใจหยุดเต้น ปั๊มหัวใจมาก่อนแล้ว มีผลให้กล้ามเนื้อหัวใจมีการบาดเจ็บ มีความเสี่ยง หัวใจทำงานผิดปกติหยุดเต้น ผู้ป่วยมีคลื่นหัวใจผิดปกติต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิต น้ำตาลไม่คงที่ 100-140 ทำให้มีความยุ่งยากในการควบคุมน้ำตาลในเลือดส่งผลต่อการดูแลรักษา บวกกับเชื้อแบคทีเรียดื้อยา ทำให้การรักษายุ่งยากมากขึ้น แพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะ 3 ชนิด แต่ในสภาพปอดอักเสบรุนแรง ทำให้อาการโดยรวมทรุดลงอย่างต่อเนื่อง มีภาวะไตวายติดเชื้อร่วมด้วย ปัจจัยยหลายอย่างประกอบกันจึงทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต

นพ.โสภณ กล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้มีการติดเชื้อจากต่างประเทศ นับเป็นผู้ป่วย ลำดับ 3430 ติดเชื้อที่ซาอุดีอาระเบีย กระบวนการนำผู้ป่วยกลับไทย 1-2 กันยายน เดินทางด้วยเครื่องบินพยายามป้องกันการติดเชื้อ ส่งเสร็จกลับเลย ภายใต้การดูแลที่เป็นมาตรฐาน ไม่พบว่ามี คนที่เกี่ยวข้องติดเชื้อเพิ่มเติม อีกทั้งมีการรักษาต่อเนื่องแม้ย้ายประเทศและโรงพยาบาล แต่ระยะเวลาการรักษารวม 54 วัน และถือว่าเสียชีวิตในไทย


ทั้งนี้ เตรียมนำสาเหตุการเสียชีวิตและการรักษาเข้าคณะกรรมการวิชาการ พิจารณาว่าเคสนี้จะเสียชีวิตเพราะโควิดหรือไม่ และเป็นรายที่ 59 หรือไม่ เพราะการตรวจไม่เจอเชื้อก่อนมาไทยถึง 2 ครั้ง แต่เนื่องจากเบื้องต้นใน ทางระบาดวิทยา แบ่งกลุ่ม การรักษาออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.อยู่ระหว่างการรักษา 2.รักษาและหายออกจากโรงพยาบาล และรักษาและเสียชีวิต แต่ผู้ป่วยคนนี้ถือว่าอยู่ในกลุ่มรักษาต่อเนื่อง จึงว่าเสียชีวิตเพราะโควิด แม้ไม่พบเชื้อในร่างกายก็ตาม และถือว่าเป็นผู้เสียชีวิตในไทยรายที่ 59 แม้สาเหตุของการเสียชีวิตหลักมาจากปอดอักเสบดื้อยา .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่

ทำเนียบ 21 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่ ย้ำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต ไม่มีข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมอบอำนาจทนายความยื่นฟ้อง นายธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมือง ฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้า นายธนพร ขอโทษ จะเลิกแล้วต่อกันหรือไม่ว่า แล้วแต่ทนายความตนได้มอบหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ส่วนจะฟ้องเฉพาะนายธนพร หรือจะมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เกินเลยเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบทำลายเกียรติยศ เกียรติภูมิ ของผู้อื่น ก่อให้เกิดความสับสนเป็นภัยต่อปัญหาของประเทศก็คงฟ้อง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ไม่เคยมีการส่งฟ้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จริง มีการฟ้องกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปทำลายเกียรติภูมิของเขาหรือครอบครัวเขาก็ฟ้องกันทั้งนั้น ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไม่ผิดอะไร แต่ถ้าวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอันนี้เป็นเรื่องที่ควรรับผิดชอบ และต้องถามผู้ที่วิจารณ์ว่า วิจารณ์ไปโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า ต้องย้อนไปถามผู้ทำผิดอย่ามาย้อนถามผู้เสียหาย.-316.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! มือยิง “กำนันเล้น” หนีกบดานเกาะลันตา

กระบี่ 21 ส.ค. – ไล่ล่าเกือบ 20 วัน จับได้แล้วมือยิง “กำนันเล้น” กำนันคนดัง จ.ตรัง หนีกบดานเกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน 3 วัน 3 คืน สุดท้ายไม่รอด เจ้าหน้าที่บุกจับ นายธวัชชัย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหายิง นายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญคนในพื้นที่มาก เพราะคนร้ายไปรอดักยิงกำนันถึงหน้าบ้าน ขณะที่กำนันกำลังขับรถเข้าบ้าน และใช้อาวุธสงคราม M16 ในการก่อเหตุ ซึ่งกำนันเล้น เป็นกำนันคนดังในจังหวัด และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด หลักฐานสำคัญในตอนนั้น คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยคนร้ายใส่ชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกไปก่อเหตุหน้าบ้านกำนัน […]

“ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43-44

รัฐสภา 21 ส.ค.- งงทั้งห้องประชุม! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43 และ 44 ด้านประธานวิปรัฐบาลบอกไม่รู้เรื่อง ยันไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม ขณะที่ “ไชยา” อ้างเป็นข้อตกลง 2 วิปขอปิดประชุมเอง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป เสร็จสิ้นแล้ว จึงเข้าสู่วาระพิจารณารับทรารายงานการประชุม เรื่องรายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลกระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง MOU 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสส. เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า จะพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง MOU 43 […]

นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.34 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง หลังจากไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พยานในคดีปมคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไต่สวนนายฉัตรชัย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้เบิกตัวนางสาวแพทองธาร มาไต่สวนต่อ โดยเริ่มจากการกล่าวสาบานตน ก่อนให้การ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่านางสาวแพทองธาร ได้พกยาดมสีเหลืองวางไว้ใกล้มือด้วย โดยหลังสาบานตนเสร็จก็ได้มีการตัดสัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อีกครั้ง.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

RBC ไทย-กัมพูชา (ทภ.1) เห็นพ้อง 13 ข้อหยุดยิง ตอบรับเพิ่ม 3 ประเด็น

สระแก้ว 22 ส.ค.- ประชุม RBC ไทย-กัมพูชา ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 เห็นพ้อง 13 ข้อตกลงหยุดยิง GBC ฝ่ายกัมพูชา ตอบรับ 3 ข้อเสนอ เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ ตั้งชุดประสานงานร่วม แต่ไม่ตอบรับแก้ปัญหา MOU 43 ชี้ไม่อยู่ในอำนาจ RBC โยนถกวง JBC แทน พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 นำแถลงสรุปผลการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 โดยทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงด้วยดี ตอบรับ 13 ข้อตกลงหยุดยิง จากการประชุม GBC ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบเพิ่มเติม 3 ประเด็น จากที่ไทยเสนอ 4 ประเด็น คือ […]

ศาลยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 – พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

กทม. 22 ส.ค.-ศาลชั้นต้นยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เจ้าตัวยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ เห็นว่าคลิปเสียงที่โจทก์นำมาเป็นหลักฐานไม่มีการพิสูจน์ว่าเป็นคลิปที่มีการตัดต่อหรือไม่ และศาลเชื่อว่าบทสัมภาษณ์น่าจะมากกว่าความยาวของคลิปดังกล่าว จึงพิพากษายกฟ้อง หลังฟังคำพิพากษา นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ หลังจากนี้จะได้ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย

เริ่มแล้ว ประชุม RBC ฝั่งกองทัพภาคที่ 1

สระแก้ว 22 ส.ค.-เริ่มแล้ว ประชุม RBC ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 รอผล “กัมพูชา” ตอบรับ 3 ข้อ เวลา 10.00 น. ที่สโมสรสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 เริ่มแล้วสำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 ฝ่ายไทยนำโดย พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พลเอกแอก ซอมโอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 โดยจะใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งในช่วงต้นได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ ก่อนเชิญออกเพื่อเข้าสู่วาระการประชุม ทั้งนี้ รายงานข่าวยืนยันว่า ในวงประชุมวันนี้ จะเป็นการหารือ 13 + 3 ข้อตกลง คือ 13 ข้อจากเดิม GBC เพื่อนำสู่การปฏิบัติ และข้อเสนอใหม่ ของฝ่ายไทย 3 […]

“ทักษิณ” ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112

กทม. 22 ส.ค.-“ทักษิณ” มาก่อนเวลา สวมสูท-ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112 ก่อนสวมกอด “พินทองทา” และโบกมือทักทายสื่อฯ-มวลชนเสื้อแดง ก่อนขึ้นห้องพิจารณาที่ 902 ด้านตำรวจ สน.พหลฯ จัดกำลังดูแลความเรียบร้อยตามความเหมาะสม ต่อมาเวลา 09.20 น. นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนกลางนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงศาลอาญารัชดา โดยจอดรถบริเวณด้านข้างอาคารศาลอาญา จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกันนายทักษิณ เดินทางมาถึงศาลอาญาด้วยรถยนต์ส่วนตัว โดยมาด้วยชุดสูทสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนกไทสีเหลือง ก่อนจะสวมกอดกับลูกสาว และเดินเข้าไปบริเวณด้านในอาคารศาลอาญารัชดาทันทีเพื่อเข้าสู่ห้องพิจารณาคดีที่ 902 ในเวลา 10.00 น. ตามที่ศาลนัดพิพากษาตัดสินคดีวันนี้ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย พันตำรวจเอกมารุต สุดหนองบัว ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้ข้อมูลว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ศาลอาญาได้ประสานขอกำลังสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้เข้ามาช่วย ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งตำรวจสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ทั้งในและนอกเครื่องแบบได้เข้ามาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่โดยมีการวางกำลังเสริมกับตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลตามความเหมาะสม โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มแกนนำมวลชนเสื้อแดงได้มีการประสานกับฝ่ายสืบสวนว่าจะเข้ามาจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้กำลังใจ และจับภาพรวมการข่าวก็ยังไม่พบอะไรที่น่าเป็นกังวล ขณะเดียวกันพบมีมวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางมาปักหลักที่บริเวณลานจอดรถของศาลอาญาพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีแดง และสกรีนข้อความให้กำลังใจพร้อมรูปของนายทักษิณ เป็นการให้กำลังใจเดินทางมาให้กำลังใจนายทักษิณเดินทางมาจากในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ซึ่งตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลอาญาได้มีการกันพื้นที่ เพื่อให้กลุ่มมวลชนอยู่ พื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาที่ศาลอาญา.-420.-สำนักข่าวไทย